Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เราจะสอนให้เด็กตระหนักถึงปัญหาฝุ่นควันได้อย่างไร ?

Posted By Plook Teacher | 18 มี.ค. 62
7,633 Views

  Favorite

นรรัชต์  ฝันเชียร

 

         ปัญหามลพิษทางอากาศเป็นปัญหาเรื้อรังในประเทศไทยมาช้านาน โดยเฉพาะในชุมชนเมืองที่มีการจราจรที่แออัดและในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมที่มีการปล่อยควันพิษในกระบวนการ การผลิตต่าง ๆ ซึ่งปัญหานี้ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยส่วนใหญ่มาโดยตลอด และนับวันยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเนื่องจากจำนวนประชากรที่มากขึ้น ทำให้มีการสร้างมลพิษทางอากาศจากกระบวนการต่าง ๆ มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย เช่น การใช้ยานพาหนะที่เพิ่มมากขึ้น หรือการที่โรงงานต้องเพิ่มอัตราการผลิตเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ เป็นต้น

 

ความหมายของมลพิษและฝุ่นละอองในอากาศ

         ข้อมูลจากวิกิพีเดียได้ระบุถึงความหมายของมลพิษทางอากาศ (Air pollution) ไว้ว่าคือ การเกิดฝุ่นละออง โมเลกุลชีวภาพ หรือวัตถุอันตรายชนิดอื่น ๆ ในชั้นบรรยากาศของโลก เป็นสาเหตุของโรค การเสียชีวิตของมนุษย์ และทำลายสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เช่น พืชพันธุ์ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้าง

         ส่วนฝุ่นละอองในอากาศนั้น คือ อนุภาคของแข็งขนาดเล็กที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เป็นวัตถุที่เกิดจากการทุบ ตี บด หรือ กระแทก วัตถุจนแตกออกเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ก่อนจะถูกพัดพาตามกระแสลมให้กระจายไปอยู่ในอากาศ ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน ซึ่งระยะเวลาที่ฝุ่นละอองจะตกลงสู่พื้นดินนั้น ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของอนุภาค และแหล่งกำเนิดที่แสดงถึงคุณสมบัติความเป็นพิษของฝุ่น โดยเราสามารถแบ่งฝุ่นละอองที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพตามขนาดไมครอน ได้ 2 ระดับ คือ ฝุ่นขนาดใหญ่ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 100 ไมครอนลงมา (PM100)  กับ ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีขนาดเส้นผ้าศูนย์กลางที่ระดับ 10 ไมครอน (PM10) ลงมา

 

ภาพ : shutterstock.com

 

PM 2.5 ขนาดของฝุ่นละอองที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ

         ปัญหาฝุ่นละอองที่ประเทศไทยกำลังเผชิญนั้น คือปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM2.5) ซึ่งขนาดเล็กมาก เมื่อเทียบกับเส้นผมของมนุษย์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 100 ไมครอน ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ ขนจมูกของมนุษย์ไม่สามารถกรองได้ และยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือด ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของคนไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจากสถานการณ์ฝุ่นควันที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยเริ่มตระหนักรู้ถึงผลกระทบด้านสุขภาพจากปัญหาดังกล่าว จนนำไปสู่มาตรการต่าง ๆ เพื่อลดค่าฝุ่นละอองเพื่อให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติที่ปลอดภัย

 

สอนเด็กอย่างไรให้ ลดและป้องกันผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ

         อย่างไรก็ดี แม้ว่าเราจะมีมาตรการป้องกันต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าคนในชาติไม่ตระหนักหรือไม่เห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องช่วยกันแก้ไขและป้องกัน ก็ยากที่จะไม่เกิดผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ได้ เราจำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ในการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันนี้ให้กับเด็ก เพื่อลดและป้องกันผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ เราจำเป็นที่จะต้องสอนให้เด็กตระหนักรู้ถึงอันตรายจากมลพิษทางอากาศและแนวทางป้องกันอย่างเหมาะสม และนี่คือเรื่องสำคัญที่ควรสอนให้เด็กตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

         1. พกหน้ากากอนามัยให้เหมือนพกผ้าเช็ดหน้า หน้ากากอนามัยคืออุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ควรพกไว้เมื่อจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ ที่มีการจราจรแออัด โดยเฉพาะในช่วงนี้ ที่อากาศส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองมากจนเกิดเป็นหมอกควัน สำหรับหน้ากากที่ป้องกันฝุ่นละอองในระดับ PM 2.5 นั้นจะต้องเป็นหน้ากากรุ่น N95 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละอองมากที่สุด อย่างไรก็ตามหน้ากากอนามัยในรุ่นอื่นๆที่ราคาถูกกว่า ก็สามารถที่จะป้องกันได้เช่นกัน แต่เปอร์เซ็นต์การป้องกันก็จะลดทอนลงมาตามลำดับ แม้ว่าบางครั้งเราจะหาหน้ากากอนามัยไม่ได้เลย การที่เดินปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่สองถึงสามแผ่นก็ช่วยได้เช่นเดียวกัน เราควรสร้างนิสัยให้เด็กรู้จักพกหน้ากากอนามัยเป็นประจำและควรสอนให้เด็กใช้มันอย่างถูกวิธีจึงจะดีที่สุด

         2. ดัชนีคุณภาพอากาศคือหนึ่งเรื่องที่ต้องใส่ใจ โดยปกติทางกรมควบคุมมลพิษจะรายงานคุณภาพออกมาในรูปแบบที่ง่ายต่อความเข้าใจของประชาชน ซึ่งเรียกรายงานนี้ว่า ดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI) ซึ่งดัชนีคุณภาพอากาศ 1 ค่า ใช้เป็นตัวแทนค่าความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5)  ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)  ก๊าซโอโซน (O3)  ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)  ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) โดยจะแบ่งสเกลออกเป็น 5 ระดับ ตั้งแต่ 0-201 และแบ่งตามสีคือ สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีส้มและสีแดง โดยระดับที่เป็นอันตรายนั้นคือสีส้มและสีแดง ที่มีคะแนน 101 ขึ้นไป ในปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้มีการเผยแพร่เป็นสาธารณะผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น  เราจำเป็นจะต้องสอนให้เด็กรู้จักดูและพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการสะสมของฝุ่นละอองในอากาศค่อนข้างมาก ซึ่งจะช่วยให้เราวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันได้เหมาะสม เช่น วันที่ค่าฝุ่นละอองสูง เราก็อาจงดทำกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่นละออง  เป็นต้น

         3. รู้ทันภูมิอากาศเกี่ยวเนื่องกับมลพิษทางอากาศ อย่างที่ทราบกันดี ปัญหามลพิษทางอากาศนั้น ตัวแปรอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องคือเรื่องของสภาพอากาศ อย่างเช่น สถานการณ์ฝุ่นละอองในปัจจุบัน ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ สภาพอากาศที่ไม่มีลมพัดพาฝุ่นละอองให้กระจายตัวรวมถึงไม่มีฝนที่ช่วยดักฝุ่นละอองให้หล่นลงพื้นดิน ทำให้เกิดปรากฎการหมอกควันที่เป็นอันตราย ถ้าเราสามารถนำปรากฎการณ์นี้มาทำการทดลองให้เด็กเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และนำมันมาเป็นโครงการเรียนรู้ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้เรื่องนี้อย่างเป็นระบบตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้เด็กเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้มากยิ่งขึ้น

         4. อะไรคือต้นเหตุของปัญหาฝุ่นควัน ชวนเด็ก ๆ ช่วยกันหาที่มาของปัญหาฝุ่นควัน จากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดหรือการสืบค้นออนไลน์ แล้วให้เด็กจับกลุ่มกันออกมาอธิบายถึงสาเหตุและแนวทางแก้ไข ก็นับเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้เด็กตระหนักรู้ถึงผลกระทบและแนวทางแก้ไขอย่างสร้างสรรค์ได้

 

ภาพ : shutterstock.com

 

         ถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับกันเสียทีว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของเรานั้น อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้เรามีความปลอดภัยมากขึ้น แต่เดิมเราอาจเดินไปไหนมาไหนได้ตามปกติโดยไม่ต้องสวมใส่อะไรป้องกัน แต่มาพักหลังนี้ เราจำเป็นที่จะต้องใส่หน้ากากอนามัยในบางวันหรือในบางสถานที่ ซึ่งสิ่งนี้แทนที่จะมามัวมองว่าเป็นเรื่องเลวร้าย แต่สำหรับผู้เขียนนั้น มองว่าเป็นการตระหนักรู้ที่ดี เพราะปัญหาฝุ่นควันเรากำลังเผชิญอยู่นั้น ไม่ได้เพิ่งมีมาในปีนี้ แต่เราเผชิญกับมันมานานแล้ว เพียงแต่เราไม่ได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งเหล่านี้มาก่อน

 

         การไม่ตระหนักรู้นี่ต่างหาก ที่เป็นเรื่องที่ควรกังวล เพราะถ้าเราไม่ตระหนักรู้ ก็จะไม่คิดหาหนทางแก้ไขหรือป้องกัน และปล่อยให้ตัวเองต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆต่อไปตามปกติ รอวันที่วิกฤตนั้นจะส่งผลกระทบต่อตัวเองจนต้องมานึกย้อนเสียใจในภายหลัง สิ่งนี้ต่างหากล่ะ ที่ควรเรียกได้ว่าเป็นความเลวร้ายของจริง

 

 

 

เอกสารอ้างอิง    

http://air4thai.pcd.go.th/webV2/aqi_info.php

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8

https://mgronline.com/goodhealth/detail/9620000004636

https://xn--n3cgydc8h.com/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%96/

https://workpointnews.com/2019/01/15/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-pm2-5-%E0%B9%84/

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook Teacher
  • 127 Followers
  • Follow