สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ทรงจัดพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เป็นการภายใน ในวันนี้ ณ สุสานโกลเดอร์สกรีน (Golders Green) ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอนท่ามกลางพิธีที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย โดยมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ เฝ้าฯ ถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่พระองค์ทรงสละราชสมบัติหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเสด็จไปประทับอยู่ ณ ประเทศอังกฤษมาโดยตลอด กระทั่งเสด็จสวรรคตโดยฉับพลันด้วยพระหทัยวาย ณ พระตำหนักคอมพ์ตัน เฮ้าส์ (Compton House) เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ขณะที่มีพระชนมายุ 48 พรรษา
• พระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ประดิษฐานที่พระตำหนักก่อนการถวายพระเพลิงเป็นเวลา 4 วัน เพื่อให้พระประยูรญาติใกล้ชิดเสด็จมาทรงสักการะ และมิได้มีการบำเพ็ญพระราชกุศลทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งไม่มีการพระราชพิธีอื่น ๆ ตามราชประเพณีด้วย
• ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงมีการกล่าวสรรเสริญพระเกียรติคุณโดยพระสหายชาวต่างประเทศ และมีการบรรเลงไวโอลินคอนแชร์โต (Violin Concerto in E.minor Opus.64) ของเมนเดิลโซน (Mendelsohn's Violin Concerto ) ซึ่งเป็นเพลงที่โปรดของพระองค์ในขณะที่กำลังถวายพระเพลิง โดยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีได้ทรงจัดการตามพระราชดำรัสสั่งของรัชกาลที่ 7 ทุกประการ
• ต่อมารัฐบาลได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานอัญเชิญพระบรมอัฐิกลับคืนสู่ประเทศไทย เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ร่วมกับสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในพระบรมมหาราชวัง โดยขบวนอัญเชิญได้เสด็จฯ มาถึงประเทศไทยในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
• พระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวถูกอัญเชิญจากท่าราชวรดิษเพื่อไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และอัญเชิญพระบรมราชสรีรังคารไปบรรจุไว้ที่พระพุทธบัลลังก์ของพระพุทธอังคีรสภายในพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร อันเป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์เพื่อให้ประชาชนได้กราบสักการะ