โดย ดร.กุลพร พูลสวัสดิ์ และ อนุชิต จุรีเกษ
ขั้นตอนสำคัญในการทำแผนการตลาดของสถานศึกษา มีดังนี้
1. วิเคราะห์ SWOT
ก่อนทำการเขียนแผนการตลาดสถานศึกษาควรมีการวิเคราะห์ปัจจัยภายในคือจุดแข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness)ของสถานศึกษา รวมถึงปัจจัยภายนอกคือ โอกาส (Opportunities) และ อุปสรรค (Threads)ของสถานศึกษา
2. กำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาดอย่างชัดเจน (Objective)
เมื่อทางสถานศึกษาทราบถึงความท้าทายทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกแล้ว ต้องกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายทางการตลาดที่มีคุณลักษณะดังนี้ คือ มีความชัดเจนว่าต้องการอะไร( Specific) สามารถวัดได้ (Measurable)ทุกฝ่ายเห็นด้วย( Agreement)สามารถทำได้จริง( Realistic)และมีระยะเวลาที่ชัดเจน( Timeframed)
3. กำหนดตลาดเป้าหมาย (Target Market)
เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาดแล้ว ควรกำหนดตลาดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคือใคร ซึ่งอาจเป็นผู้เรียน ที่กำลังเรียนอยู่ในปัจจุบันหรือกำลังจะเข้ามาเรียน ผู้ปกครองของนักเรียน ชุนชนรอบๆสถานศึกษา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษาทั้งหมด
ภาพที่ 1 ขั้นตอนสำคัญในการทำแผนการตลาดของสถานศึกษา
ภาพที่ 2 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษา
1. การวางตำแหน่งของสถานศึกษาให้มีความแตกต่าง(Positioning)
เมื่อสถานศึกษาได้วิเคราะห์ถึงสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ทำให้ทราบว่าคู่แข่งของสถานศึกษาคือใครจุดแข็งจุดอ่อนของสถานศึกษาคืออะไร ทำให้สถานศึกษาสามารถวางตำแหน่งของสถานศึกษาให้มีความแตกต่างได้ เช่น สถานศึกษาที่มีมารยาทงามเป็นเลิศ สถานศึกษาที่มีผู้เรียนที่เก่งด้านคณิตศาสตร์ สถานศึกษาที่รักษาสิ่งแวดล้อมดีเยี่ยมเมื่อสถานศึกษาสามารถวางตำแหน่งของสถานศึกษาให้มีความแตกต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้
แล้ว จะสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างชัดเจนต่อไป
2. ผู้เรียน หลักสูตร และ แนวทางการสอน (Product)
เมื่อสถานศึกษาได้วิเคราะห์ถึงความต้องการของตลาดเป้าหมาย ซึ่งอาจเป็น ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน รอบๆสถานศึกษาและตลาดแรงงานแล้ว จะทำให้สามารถออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่ๆ การจัดการเรียนการสอนที่น่าสนใจ เพื่อนำไปสู่การผลิตผู้เรียนที่มีความรู้ความสามารถมีเอกลักษณ์ได้ตรงตามความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับสถานศึกษาและตลาดเป้าหมายต่อไป
3. สถานที่ตั้งของสถานศึกษา (Place)
การวิเคราะห์สถานที่ตั้งของสถานศึกษาว่าตั้งบริเวณใด ตั้งอยู่ใกล้เคียงชุมชนใด มีความต้องการแบบใดผู้บริหารสถานศึกษาจะสามารถออกแบบวางแผนหลักสูตร และ แนวทางการจัดการเรียนการสอน รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษาให้เหมาะสมและตอบสนองความต้องการของชุมชน
4. ช่องทางการสื่อสาร (Promotion and Media)
ในอดีตช่องทางการสื่อสารเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้แก่สถานศึกษาคือ การติดป้ายประชาสัมพันธ์ผู้เรียนที่สอบติดมหาวิทยาลัยต่างๆ หรือผู้เรียนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในหลากหลายเวที การแจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์แก่บุคคลต่างๆ รวมถึงการเปิดโอกาสให้ผู้ปกครอง ผู้ที่ต้องการเข้ามาเรียน และหน่วยงานต่างๆ เข้ามาเดินชมภายในโรงเรียน แต่ในปัจจุบันมีช่องทางอื่นๆที่สามารถประชาสัมพันธ์ สถานศึกษา ได้หลายช่องทาง เช่น เว็บไซด์ สื่อสังคมออนไลน์หรือแม้แต่การส่งผู้เรียนหรือบุคลากรของสถานศึกษาเข้าไปช่วยเหลืองานของชุมชน ก็สามารถเป็นช่องทางในการสื่อสารให้ชุมชนและสังคมภายนอกรับรู้เกี่ยวกับสถานศึกษาได้ดี
5. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา (People)
ผู้เรียน ผู้สอน เจ้าหน้าที่สถานศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา ต่างเป็นบุคลากรที่เป็นตัวแทนของสถานศึกษาสถานศึกษาควรสื่อสารให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง เข้าใจถึงจุดยืนของสถานศึกษา ภาพลักษณ์ของสถานศึกษา เพื่อให้บุคลากรเป็นตัวแทนในการประชาสัมพันธ์สถานศึกษาได้อีกทางหนึ่ง
6. กระบวนการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา (Process)
สถานศึกษาควรมีกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของสถานศึกษาซึ่งอาจเป็น กระบวนการสอนแบบ Active Learning กระบวนการสอนที่ใช้โครงงานหรือวิจัยเป็นฐาน กระบวนการสอนแบบสืบสอบ เป็นต้น
ภาพที่ 3 ส่วนประกอบของกลยุทธ์ 6Ps สำหรับสถานศึกษา
สถานศึกษาในปัจจุบันไม่สามารถดำเนินกิจการเพียงลำพัง โดยปราศจากการสนับสนุนจากชุมชนและสังคมรอบๆสถานศึกษา การที่สถานศึกษาจะได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลภายนอก สถานศึกษามีความจำเป็นต้องรู้จุดยืน เอกลักษณ์ที่แตกต่างของตนเอง ประกอบกับกลยุทธ์ส่วนผสมทางการตลาด 6Ps ที่ชัดเจน จะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งใน 4 ด้านได้แก่ 1) การสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษา 2) การสร้างภาพลักษณ์ด้านการ บริการของสถานศึกษา 3) การสร้างภาพลักษณ์ด้านผู้เรียน หลักสูตร และ แนวทางการสอน 4) การสร้างภาพลักษณ์ด้านบุคลากร จากนั้นทำการสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ หรือ กิจกรรม CSR สื่อสารไปยังชุมชน สังคม และ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี การให้การยอมรับและการช่วยเหลือสถานศึกษาต่อไป
ภาพที่ 4 ความสำคัญของกลยุทธ์ทางการตลาดและการสร้างภาพลักษณ์สถานศึกษา
ความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่มีต่อสังคม (CSR ) กับการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่มีต่อสังคม หรือ CSRคือ แนวคิดของสถานศึกษาในการดำเนินกิจกรรมการวางแผน การตัดสินใจ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ การบริหารจัดการและการจัดการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
1. มุ่งเน้นให้สถานศึกษาและบุคลากรของสถานศึกษา เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนหรือสังคม มีการจัดกิจกรรมหรือโครงการที่ก่อให้เกิดความใกล้ชิด ความร่วมมือกันระหว่างสถานศึกษาบุคลากรของสถานศึกษา และชุมชน
2. สถานศึกษาเป็นกำลังหลักในการสร้างและพัฒนาชุมชนหรือสังคมอย่างยั่งยืน ไม่ควรมุ่งเน้นการให้เงินหรือวัตถุเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและไม่ควรแสวงหากำไรจากกิจกรรม CSR ที่จัดขึ้น
3. สถานศึกษาควรส่งเสริมให้บุคลากรของสถานศึกษาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือชุมชน เพื่อให้ทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของชุมชน และหาทางแก้ไขร่วมกัน เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรของสถานศึกษาและชุมชน
4. สถานศึกษาควรดำเนินกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม สถานศึกษาควรปรับเปลี่ยนการดำเนินกิจการให้ตอบสนองต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น ควรมีระบบการจัดเก็บขยะอย่างเหมาะสม ระบบกำจัดน้ำเสีย เป็นต้น
1. สถานศึกษาไม่เล็งเห็นความสำคัญของการทำกิจกรรมด้านการตลาด เพราะมองว่าสิ้นเปลืองงบประมาณ และ เป็นภาระในการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการจัดการเรียนการสอน ทั้งนี้อาจเกิดจากการที่ผู้บริหารสถานศึกษาขาดความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์การตลาดสำหรับสถานศึกษา
2. สถานศึกษามีการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดหรือกิจกรรมCSR ที่คล้ายคลึงกับสถานศึกษาอื่น จึงไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างที่โดดเด่น ดังนั้นสถานศึกษามีความจำเป็นต้องเข้าใจจุดเด่น และความแตกต่างของสถานศึกษาของตนเอง รวมถึงสำรวจความต้องการของชุมชนรอบๆสถานศึกษา ว่ามีความต้องการใดที่ทางสถานศึกษาสามารถช่วยเหลือได้
3. การจัดกิจกรรมทางการตลาดไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลากรภายในสถานศึกษาหรือไม่ได้รับความสนใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสถานศึกษาควรมีการจัดประชุมเพื่อทำความเข้าใจแก่บุคลากรภายในและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก และชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของการจัดกิจกรรมด้านการตลาด เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือ และร่วมแรงร่วมใจในการดำเนินกิจกรรมต่อไป
4. สถานศึกษาต้องมีการวางแผนการตลาด และมีกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน รวมถึงมีการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสนของผู้รับสาร หากเป้าหมายทางการตลาดไม่มีความชัดเจน จะทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ทำให้เสียเวลาในการแก้ไขและสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาควรให้ความใส่ใจ ในการศึกษาและวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ถูกต้องเหมาะสม
คำถามเพื่อการนำไปสู่ Action Learning
1. ท่านคิดว่ากลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับสถานศึกษามีความจำเป็นในยุคปัจจุบันหรือไม่อย่างไร
2. สถานศึกษาของท่านได้มีการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดหรือไม่อย่างไร
3. ท่านคิดว่าสถานศึกษาควรจัดกิจกรรม CSR เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนและสังคมหรือไม่อย่างไร
4. โปรดเขียนแผนการตลาดสำหรับสถานศึกษาของท่านที่เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถานศึกษาและชุมชน
KPIs
1. สถานศึกษามีแผนการตลาดในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนและสังคม
2. สถานศึกษามีโครงการสร้างภาพลักษณ์ของสถานศึกษาในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น บริการวิชาการ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสถานศึกษา ศูนย์กลางการเรียนรู้เฉพาะด้านงบประมาณ และ เป็นภาระในการจัดกิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการจัดการเรียนการสอน ทั้งนี้ อาจเกิดจากการที่ผู้บริหารสถานศึกษาขาดความรู้ความเข้าใจในกลยุทธ์การตลาดสำหรับสถานศึกษา
2. สถานศึกษามีการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดหรือกิจกรรมCSR ที่คล้ายคลึงกับสถานศึกษาอื่น จึงไม่ก่อให้เกิดความแตกต่างที่โดดเด่น ดังนั้นสถานศึกษามีความจำเป็นต้องเข้าใจจุดเด่น และความแตกต่างของสถานศึกษาของตนเอง รวมถึงสำรวจความต้องการของชุมชนรอบๆสถานศึกษา ว่ามีความต้องการใดที่ทางสถานศึกษาสามารถช่วยเหลือได้
3. การจัดกิจกรรมทางการตลาดไม่ได้รับความช่วยเหลือจากบุคคลากรภายในสถานศึกษาหรือไม่ได้รับความสนใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสถานศึกษาควรมีการจัดประชุมเพื่อทำความเข้าใจแก่บุคลากรภายในและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก และชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของการจัดกิจกรรมด้านการตลาด เพื่อก่อให้เกิดความร่วมมือ และร่วมแรงร่วมใจในการดำเนินกิจกรรมต่อไป
4. สถานศึกษาต้องมีการวางแผนการตลาด และมีกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจน รวมถึงมีการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อป้องกันความสับสนของผู้รับสาร หากเป้าหมายทางการตลาดไม่มีความชัดเจน จะทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ทำให้เสียเวลาในการแก้ไขและสิ้นเปลืองงบประมาณเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาควรให้ความใส่ใจ ในการศึกษาและวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่ถูกต้องเหมาะสม