หนี้สินเป็นภาระทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจทำให้ดอกเบี้ยทบต้นและกลายเป็นหนี้สะสมที่ยากจะชำระคืน ดังนั้น การปลดหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ
เรามาเรียนรู้ วิธีปลดหนี้กู้ยืมเงิน ให้หมดเร็วขึ้น โดยใช้เทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว พร้อมทั้งอธิบายข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คุณสามารถจัดการหนี้สินได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
หนี้สินจากการกู้ยืมเงิน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้เพื่อการศึกษา ล้วนเป็นภาระที่ต้องจัดการให้ดี เพราะหากปล่อยให้ดอกเบี้ยสะสม อาจทำให้สถานะทางการเงินแย่ลง และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ดังนั้น การมีแผน ปลดหนี้กู้ยืมเงิน อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีบริหารจัดการหนี้สินเพื่อลดภาระทางการเงินและสร้างอนาคตที่มั่นคง
ก่อนเริ่มต้นปลดหนี้ ควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และจดรายละเอียดหนี้สินทั้งหมด
ยอดหนี้คงเหลือ แต่ละประเภท
อัตราดอกเบี้ย และค่าปรับที่เกี่ยวข้อง
กำหนดเวลาชำระ และขั้นต่ำที่ต้องจ่าย
ลำดับความสำคัญของหนี้ หนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงควรจัดการก่อน
วิธีทำ
1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
2. รวมข้อมูลหนี้สินทุกประเภทที่มี
3. จัดลำดับหนี้จากดอกเบี้ยสูงสุดไปต่ำสุด
เคล็ดลับ: ใช้กฎ 50/30/20
50% ของรายได้สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น
30% ของรายได้สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว
20% ของรายได้สำหรับการออมและการปลดหนี้
ตัวอย่างการวิเคราะห์หนี้
มี 2 วิธีหลักที่นิยมใช้ในการปลดหนี้ ได้แก่
วิธี Snowball Method (เริ่มจากหนี้ก้อนเล็กก่อน)
เริ่มจากจ่ายหนี้ที่มียอดต่ำสุดก่อน
เมื่อหนี้ก้อนเล็กหมด ให้นำเงินไปจ่ายหนี้ก้อนถัดไป
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแรงจูงใจ เพราะเห็นผลเร็ว
ตัวอย่าง
จ่ายหนี้บัตรเครดิต 50,000 บาทก่อน
เมื่อลดภาระได้แล้ว นำเงินไปจ่ายหนี้สินเชื่อบุคคล
ปิดท้ายด้วยหนี้เพื่อการศึกษา
วิธี Avalanche Method (เริ่มจากหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน)
จ่ายหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว
เมื่อหนี้ดอกเบี้ยสูงหมด ค่อยจ่ายหนี้ที่เหลือ
ตัวอย่าง
จ่ายหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ย 20% ก่อน
จ่ายหนี้สินเชื่อบุคคลที่ดอกเบี้ย 12%
จ่ายหนี้เพื่อการศึกษาที่ดอกเบี้ย 1%
เลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพการเงินและเป้าหมายของคุณ เพื่อให้สามารถ ปลดหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากรายได้ปัจจุบันไม่เพียงพอ ควรมองหาทางเพิ่มรายได้ เช่น
ขายของออนไลน์ เช่น เสื้อผ้า เครื่องสำอาง สินค้าทำมือ
ทำงานเสริม เช่น ฟรีแลนซ์ เขียนบทความ ติวเตอร์ออนไลน์
ลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ เช่น กองทุน หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์
วิธีจัดการรายได้เพิ่มเติม
นำ 80% ของรายได้เสริมไปจ่ายหนี้
เก็บ 20% ของรายได้ไว้เป็นเงินออมฉุกเฉิน
เพื่อลดภาระทางการเงิน ควรปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย เช่น
ลดการใช้บัตรเครดิตโดยไม่จำเป็น
งดซื้อของฟุ่มเฟือย เช่น เสื้อผ้า แกดเจ็ตใหม่ๆ
ทำอาหารกินเองแทนการออกไปทานร้านอาหาร
ตัวอย่างการลดรายจ่าย
หากมีปัญหาในการจ่ายหนี้ตรงเวลา ควรติดต่อเจ้าหนี้เพื่อ
ขอปรับโครงสร้างหนี้
ขอขยายเวลาชำระหนี้
ขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ตัวอย่างการเจรจา
"ขณะนี้ฉันมีปัญหาทางการเงินชั่วคราว ฉันสามารถจ่ายขั้นต่ำ 5,000 บาทแทน 10,000 บาทได้หรือไม่ และขอขยายเวลาชำระออกไปอีก 6 เดือน?"
ส่วนใหญ่สถาบันการเงินมักยินดีช่วยเหลือลูกหนี้ที่สื่อสารตรงไปตรงมา
เมื่อสามารถปลดหนี้ได้แล้ว ควรมีการบริหารจัดการเงินอย่างมีระเบียบ เพื่อไม่ให้กลับไปเป็นหนี้อีก เช่น
ใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย
เก็บเงินฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย
ลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย แทนการพึ่งพาการกู้ยืม
ข้อมูลอ้างอิง
ธนาคารแห่งประเทศไทย