Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ทำความรู้จัก “JLPT” การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น

Posted By lmin66079 | 03 ก.ย. 67
412 Views

  Favorite

การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น หรือ Japanese Language Proficiency Test (JLPT) เป็นการสอบที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการประเมินความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการศึกษาและการทำงาน การสอบนี้แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ตั้งแต่ N5 (ง่ายที่สุด) ไปจนถึง N1 (ยากที่สุด) ซึ่งครอบคลุมการวัดทักษะด้านการฟัง การอ่าน และความเข้าใจในไวยากรณ์และคำศัพท์ การเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มโอกาสให้คุณสามารถสอบผ่านและบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
 

ประเภทของการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT)

แบ่งออกเป็น 5 ระดับ 

ระดับ N5 (ง่ายที่สุด) วัดความสามารถในการเข้าใจภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน เช่น การอ่านตัวอักษรฮิรางานะ คาตากานะ และคันจิพื้นฐาน รวมถึงการฟังบทสนทนาง่าย ๆ  เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับเบื้องต้น

ระดับ N4 วัดความสามารถในการเข้าใจภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การอ่านและฟังประโยคที่ซับซ้อนขึ้นจาก N5 เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นในระดับที่สูงขึ้นกว่าพื้นฐาน

ระดับ N3 วัดความสามารถในการเข้าใจภาษาญี่ปุ่นในระดับกลาง เช่น การอ่านบทความสั้น ๆ และการฟังบทสนทนาในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถเข้าใจการสนทนาทั่วไปได้ดีขึ้นและเริ่มใช้ภาษาญี่ปุ่นในสังคมการทำงานหรือการเรียนได้

ระดับ N2 วัดความสามารถในการเข้าใจภาษาญี่ปุ่นในระดับสูงขึ้น เช่น การอ่านบทความที่มีเนื้อหาซับซ้อน การฟังข่าวหรือรายการโทรทัศน์ จำเป็นสำหรับการทำงานในประเทศญี่ปุ่นหรือการศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย

ระดับ N1 (ยากที่สุด) วัดความสามารถในการเข้าใจภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ในทุกสถานการณ์ รวมถึงการอ่านบทความเชิงวิชาการ การฟังและการตีความเนื้อหาที่ซับซ้อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแสดงความสามารถสูงสุดทางภาษาญี่ปุ่น ใช้ในการทำงานที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นขั้นสูงหรือในเชิงวิชาการ

 

อายุการใช้งานผลคะแนน

ผลสอบ JLPT ไม่ได้มีกำหนดอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้อะไร เช่น ใช้ประกอบการสมัครงานกับบริษัทญี่ปุ่น แต่ถ้าใช้เพื่อสมัครเรียนต่อหรือยื่นประกอบการสมัครสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่นจะกำหนดอายุของผลสอบไม่เกิน 2 ปี


โครงสร้างข้อสอบ JLPT แต่ละระดับ

ระดับ N5 (ระดับพื้นฐานที่สุด) วัดทักษะด้านคำศัพท์ การฟัง การอ่านและไวยากรณ์ วัดความสามารถในการอ่านและเข้าใจประโยคง่าย ๆ คำศัพท์พื้นฐาน และบทความสั้น ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน วัดความสามารถในการฟังและเข้าใจบทสนทนาที่ใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ง่าย ๆ เวลาสอบประมาณ 90 นาที มีคะแนนเต็ม 180 คะแนน

ระดับ N4 (ระดับพื้นฐาน) วัดทักษะด้านคำศัพท์ การฟัง การอ่านและไวยากรณ์ สามารถอ่านและเข้าใจบทความที่เกี่ยวกับหัวข้อที่คุ้นเคยและสถานการณ์ในชีวิตประจำวันได้สามารถเข้าใจบทสนทนาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะบทสนทนาที่พูดช้าและชัดเจน เวลาสอบประมาณ 115 นาที มีคะแนนเต็ม 180 คะแนน

ระดับ N3 (ระดับกลาง) วัดทักษะด้านคำศัพท์ การฟัง การอ่านและไวยากรณ์ สามารถอ่านและเข้าใจบทความที่มีเนื้อหาซับซ้อนขึ้น รวมถึงบทความข่าวสั้น ๆ ที่พบในชีวิตประจำวัน ฟังและเข้าใจบทสนทนาระดับกลางที่ใช้ในสถานการณ์หลากหลาย รวมถึงการพูดในรูปแบบต่าง ๆ เน้นการรู้จักและการใช้ไวยากรณ์ในระดับกลางที่ซับซ้อนขึ้น เวลาสอบประมาณ 140 นาที มีคะแนนเต็ม 180 คะแนน

ระดับ N2 (ระดับสูง) วัดทักษะด้านคำศัพท์ การฟัง การอ่านและไวยากรณ์ สามารถอ่านและเข้าใจบทความที่มีเนื้อหาทางเทคนิคหรือข่าวสารทั่วไป รวมถึงบทความที่มีการแสดงความคิดเห็น ฟังและเข้าใจบทสนทนาหรือคำบรรยายที่ซับซ้อนในสถานการณ์ที่หลากหลาย วัดความสามารถในการใช้ไวยากรณ์ระดับสูงและซับซ้อน เวลาสอบประมาณ 155 นาที มีคะแนนเต็ม 180 คะแนน

ระดับ N1 (ระดับสูงสุด) วัดทักษะด้านคำศัพท์ การฟัง การอ่านและไวยากรณ์ สามารถอ่านและเข้าใจบทความที่มีเนื้อหาวิชาการหรือวรรณกรรมที่ซับซ้อน รวมถึงบทความเชิงวิจารณ์และบทความที่มีเนื้อหาสลับซับซ้อน ฟังและเข้าใจบทสนทนา บรรยาย หรือคำบรรยายที่ซับซ้อนและเร็วในสถานการณ์ที่หลากหลาย การรู้จักและการใช้ไวยากรณ์ที่ซับซ้อนมาก เวลาสอบประมาณ 170 นาที มีคะแนนเต็ม 180 คะแนน

 

ค่าสมัครสอบ 

ระดับ N1, N2, N3 : 800 บาท 

ระดับ N4, N5 : 600 บาท

 

หน่วยงานจัดสอบ JLPT 

Japanese-Language Proficiency Test 

 

เคล็ดลับการเตรียมตัวสอบ JLPT 

1. ทำความเข้าใจโครงสร้างข้อสอบ แต่ละระดับของ JLPT มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน ควรทำความเข้าใจประเภทคำถาม เช่น การฟัง การอ่าน และการรู้คำศัพท์และไวยากรณ์ เพื่อเตรียมตัวในแต่ละส่วนให้ครบถ้วน

2. ศึกษาคำศัพท์และไวยากรณ์ตามระดับ ศึกษาคำศัพท์และไวยากรณ์ที่เจาะจงสำหรับแต่ละระดับ เช่น N5 เน้นคำศัพท์พื้นฐาน ในขณะที่ N1 จะเน้นคำศัพท์และไวยากรณ์ที่ซับซ้อน

3. ฝึกทำข้อสอบเก่า การฝึกทำข้อสอบเก่าช่วยให้คุณคุ้นเคยกับรูปแบบและแนวข้อสอบของ JLPT ฝึกจับเวลาเหมือนในวันสอบจริงเพื่อเพิ่มทักษะในการจัดการเวลา

4. ฝึกฟังภาษาญี่ปุ่นจากหลายแหล่ง ฟังข่าว ภาพยนตร์ รายการทีวี หรือพอดแคสต์ภาษาญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาทักษะการฟัง ฝึกจับใจความและสำเนียงที่หลากหลายซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำข้อสอบฟัง

5. อ่านหนังสือและบทความภาษาญี่ปุ่น ฝึกอ่านเนื้อหาที่หลากหลาย เช่น หนังสือพิมพ์ บทความออนไลน์ หรือหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านและการตีความข้อความ

6. ฝึกทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์ แบบฝึกหัดไวยากรณ์จะช่วยให้คุณเข้าใจการใช้คำและประโยคได้ถูกต้อง ฝึกแยกประโยคที่ซับซ้อนและฝึกการใช้คำเชื่อมเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

7. ใช้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ช่วยเรียนรู้ แอปพลิเคชันเช่น Anki, BunPro หรือ JLPT Sensei ช่วยในการทบทวนคำศัพท์และไวยากรณ์ได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้การเรียนรู้สนุกและมีประสิทธิภาพ

8. ตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้แต่ละวัน ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น เรียนคำศัพท์ใหม่ 20 คำต่อวัน หรือทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์วันละชุด การทำตามเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้อย่างมีระบบ

9. เข้าร่วมชั้นเรียนหรือกลุ่มฝึกฝนภาษาญี่ปุ่น การเรียนในกลุ่มหรือเข้าร่วมชั้นเรียนจะช่วยเสริมความเข้าใจและฝึกการใช้ภาษาญี่ปุ่นแบบโต้ตอบกับผู้อื่น

 

การนำผลคะแนน JLPT ไปใช้

1. สมัครงานในญี่ปุ่นหรืองานที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น บริษัทญี่ปุ่นหรือบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นมักใช้คะแนน JLPT เป็นเกณฑ์ในการประเมินความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของผู้สมัครงาน โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการการสื่อสารในภาษาญี่ปุ่น เช่น ล่าม การตลาดระหว่างประเทศ หรือการประสานงาน

2. ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น คะแนน JLPT เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ใช้ในการสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาในญี่ปุ่น ระดับ N2 ขึ้นไปมักเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำในการสมัครเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาตรีหรือโท

3. ขอทุนการศึกษาในญี่ปุ่น ทุนการศึกษาจากรัฐบาลญี่ปุ่นหรือองค์กรต่าง ๆ เช่น ทุน MEXT มักใช้คะแนน JLPT เป็นหนึ่งในเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้สมัคร โดยเฉพาะผู้สมัครที่ต้องเรียนหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาญี่ปุ่น

4. เพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือทำงานที่ญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ทำงานในบริษัทญี่ปุ่น คะแนน JLPT สามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือรับผิดชอบงานที่สำคัญขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารกับทีมงานหรือลูกค้า

5. ใช้ยืนยันความสามารถภาษาญี่ปุ่นในการขอวีซ่า ในบางกรณี การมีคะแนน JLPT โดยเฉพาะ N1 หรือ N2 สามารถใช้เป็นหลักฐานในการยื่นขอวีซ่าทำงานหรือวีซ่าที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยในญี่ปุ่นได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการยื่นคำร้อง

6. สร้างความน่าเชื่อถือในธุรกิจและการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศ สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจกับญี่ปุ่น การมีคะแนน JLPT จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นข้อได้เปรียบในการเจรจา ติดต่อสื่อสาร และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ

 

การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น (JLPT) เป็นก้าวสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการประเมินความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่น การเตรียมตัวที่ดี การเข้าใจระดับของตนเอง และการฝึกฝนทักษะอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสามารถสอบผ่านและก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นใจ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ JLPT หรือเคล็ดลับในการเตรียมตัวสอบ สามารถติดตามอ่านบทความเพิ่มเติมในเว็บไซต์ของเราเพื่ออัปเดตข้อมูลและเทคนิคใหม่ ๆ ที่จะทำให้การสอบ JLPT เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

 

แหล่งข้อมูล 

Japanese-Language Proficiency Test 
JEDUCATION 

 
เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • lmin66079
  • 0 Followers
  • Follow