เพราะแม้ว่าแป้งเด็กจะมีลักษณะเป็นฝุ่นสีขาวละเอียด มีกลิ่นหอม เมื่อทาแล้วช่วยให้สบายตัว แต่แป้งฝุ่นทาตัวเหล่านี้ส่วนใหญ่มักมีส่วนประกอบหลักคือ ผงทัลคัม (Talcum) ซึ่งมาจากแร่หินทัลค์ ประกอบด้วยแมกนีเซียม ซิลิกอน ออกซิเจน และแร่หินอื่น ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับความชื้น ลดการเสียดสีของผิวหนัง และช่วยป้องกันผดผื่น หากร่างกายได้รับผงทัลคัมเหล่านี้ในปริมาณมากเกินไป หรือได้รับเป็นเวลานาน จะเข้าไปสะสมอยู่ในปอด ส่งผลให้เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อาจทำให้มีอาการไอเรื้อรัง และเป็นหอบหืดได้ในที่สุด
สาเหตุที่ร่างกายของเด็กได้รับทัลคัมได้ง่าย เนื่องมาจากทัลคัมมีอนุภาคขนาดเล็ก ง่ายต่อการฟุ้งกระจายในอากาศ ทำให้เวลาทาแป้งที่ตัวเด็ก เด็กอาจสูดดมละอองแป้งเหล่านั้นเข้าไป หากเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับบทางเดินหายใจ หรือระบบหัวใจได้รับสารทัลคัมในปริมาณมากจนมีภาวะผงทัลคัมเป็นพิษ อาจทำให้เด็กท้องเสีย อาเจียน ง่วงซึม อ่อนเพลีย ไม่สบายบ่อย เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือมีแผลฟกช้ำพุกองตามตัวได้
ในความเป็นจริง แพทย์แนะนำว่าการทาแป้งไม่จำเป็นสำหรับเด็ก เพราะแป้งถึงแม้จะเป็นแป้งทางเลือกก็ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กเกิดภูมิแพ้ได้อยู่ดี แต่ในกรณีที่เด็กมีผดผื่นหรือไม่สบายตัว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถหาซื้อแป้งที่ผลิตจากข้าว หรือข้าวโพด ที่ปราศจากทัลคัมมาทาให้ลูกได้เช่นกัน โดยเน้นใช้ในปริมาณน้อย ๆ เพราะป้องกันการฟุ้งกระจาย ทาเฉพาะจุดที่ลูกระคายเคืองหรือมีผดผื่น และเก็บบรรจุภัณฑ์ไว้ให้พ้นมือเด็ก ป้องกันเด็กนำมาเขย่าเล่นจนหกเลอะเทอะ
ข้อควรระวัง สำหรับลูกผู้หญิง หลีกเลี่ยงการทาแป้งบริเวณอวัยวะเพศของลูก เพราะการทาแป้งบริเวณนั้นทำให้เด็กเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งรังไข่ได้