ในกลางพรรษา ท้องถิ่นในไทย หลาย ๆ ที่จะมีการทำบุญใหญ่ ครั้งหนึ่งที่เรียกกันว่า บุญข้าวสาก หรือ บุญข้าวสลาก เรียกกันว่า เป็นบุญเดือนสิบ ตรงกับขึ้น 14 ค่ำ เดือน 10 โดยความเชื่อในสมัยโบราณถือว่า วันนี้ยมบาลปล่อยเปรตปล่อยสัตว์นรก มารับของแจกทาน ซึ่งหลาย ๆ ท่านจะมีการทำบุญน้อมอุทิศกุศลให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้วด้วย
โดยหลวงพ่อชา สุภัทโท ได้เมตตาให้ความหมายและที่มาของการทำบุญข้าวสลากนี้ ดังนี้
วันนี้เป็นวันธรรมสวนะ ซึ่งประกอบด้วยเดือน ๑๐ เพ็ญภาษาประเพณีบ้านเราเรียกว่า “บุญข้าวสาก” (สลาก)
ศัพท์เดิมมาจากคำว่า ข้าวสลากภัต ตามภาษาบ้านเราเรียกว่า “ข้าวสาก” (ภาษาท้องถิ่นอิสาน)
ความเป็นจริง คำว่า “สาก” มันออกมาจาก “สลาก” สลากภัต
ประเพณีบรรพบุรุษของเราทั้งหลายนับถือกันว่าเป็นบุญในกลางพรรษา จะมีการทำบุญกันในช่วงเดือน ๙ ดับเดือนเพ็ญ ๑๐.
ในสมัยก่อนนั้น วันนี้จะมีเทศน์ตลอดวัน แจกหนังสือเป็นกัณฑ์ให้พระภิกษุสามเณรกันทุกปี ข้าวสลากภัต.
เนื่องมาจากญาติโยมทั้งหลายถวายทาน จับสลากกัน คือญาติโยมเขียนชื่อพระภิกษุสามเณรลงในบาตร แล้วให้ญาติโยมจับสลาก ใครจับถูกพระองค์ไหนก็เอาไทยทานไปถวายพระภิกษุองค์นั้น เรียกว่า “ข้าวสลาก” เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลหาเปรตญาติทั้งหลาย ซึ่งเป็นบุพการี ระลึกถึงคุณบิดามารดา ซึ่งเป็นที่นับถือของกุลบุตรลูกหลาน ตามประเพณีของเราเรียกว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายที่ล่วงลับไปนมนาน และสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงที่ดับขันธ์ไปสู่ปรโลกหน้า และที่ยังมีจิตวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร
ในกลางพรรษาแต่ละคราวทำบุญครั้งหนึ่ง เรียกว่า บุญข้าวสลาก บ้านเราแต่ก่อนห่อข้าวสาก (ประเพณีชาวอิสาน) ห่อข้าวไปวางไว้ตามรอบๆ วัด หรือรอบๆ บ้านเรา เป็นประเพณีของพวกเราทั้งหลายเคยทำกันมาทุกๆ ปีมิได้ขาด
ก็เอาเรื่องชาดกต่างๆ มาเทศน์ เกี่ยวกับนิยายของบรรพบุรุษทั้งหลาย เอามาเทศน์สู่กันฟัง ปีหนึ่งๆ จะต้องทำกัน และมีกฎเกณฑ์ว่าวันนี้พวกเราที่เป็นชาวพุทธ เป็นลูกเป็นหลานของบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้วได้พากันมาให้ทานพ่อแม่
โบราณเขาถือว่า วันนี้ยมบาลปล่อยเปรตปล่อยสัตว์นรกมารับของแจกทาน ในศาลาโรงธรรม.
สมัยก่อนไม่เรียกว่า “ศาลาโรงธรรม” แต่เรียกว่า “หอแจก” คือหมายความว่า เป็นสถานที่เราชาวพุทธบริษัทได้มาทำบุญให้ทาน ถวายทาน ในสถานที่นั้นเรียกว่า “หอแจก” เพราะเป็นโรงทานสำหรับแจกอาหารบริโภคขบฉัน เป็นสถานที่แจกทาน
ทุกวันนี้เรียกว่า “ศาลาโรงธรรม” เป็นสถานที่ฟังธรรม อธิบายธรรมะ เกี่ยวกับการแนะนำพร่ำสอนกุลบุตรลูกหลาน
พวกเราทั้งหลาย เราที่ทำกันมาอย่างนี้เรื่อยๆ ตลอดมา เรียกว่าการทำบุญ รวมเป็นบุญอันเดียวกัน ชื่อของบุญต่างกัน แต่ว่ามารวมเป็นบุญอันเดียวกัน เหมือนกับคนเราถึงว่าชื่อจะแตกต่างกัน ก็ชื่อว่าเป็นคนธรรมดาอันเดียวกัน แต่ชื่ออาจจะแตกต่างกัน แต่ก็เป็นคนเหมือนกัน.