“ตนแลเป็นที่รักอย่างยิ่ง”
พระพุทธศาสนสุภาษิตนี้
เตือนให้ระลึกรู้ว่าต้องรักษาตนให้จงดี ให้เป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
ไม่ใช่ได้รับโทษที่แฝงมาในรูปของประโยชน์.
อันประโยชน์ที่ปิดบังเร้นโทษไว้ภายในนั้น มีเป็นอันมาก
แม้ไม่พิจารณาให้รอบคอบแล้ว ยากจะแลเห็น
จะเห็นแต่ประโยชน์เพียงผิวเผิน และแม้จะได้รับประโยชน์ ก็จะได้เพียงเล็กน้อยชั่วครู่ชั่วยาม หลังจากนั้นก็จะได้รับโทษเป็นอันมาก
ทำเช่นนี้กล่าวไว้ว่า
ทำไปอย่างไม่คำนึงให้ถูกต้องว่า
ตนแลเป็นที่รักอย่างยิ่ง.
ผู้ที่เห็นว่า ตนเป็นที่รักอย่างยิ่ง มักจะมุ่งแสวงหาลาภยศให้แก่ตน
คิดว่าเมื่อตนมีลาภมียศ ก็เท่ากับตนมีคุณสมบัติสมกับตนเป็นที่รักอย่างยิ่ง.
ถ้าเป็นลาภยศที่สุจริต ได้มาอย่างเหมาะสม ถูกต้องตามเหตุผล ก็เป็นการถูกต้องที่จะมอบให้กับผู้เป็นที่รักอย่างยิ่ง
คือตนนี้แล
ถ้าแสวงหาลาภยศอย่างไม่สุจริต ไม่เหมาะสม เพื่อมอบให้แก่ตน ด้วยคิดว่าเป็นการแสดงความรักตน เช่นนี้ไม่ถูก
เป็นการไม่รักตน
เป็นการไม่ถือว่าตนแลเป็นที่รักอย่างยิ่ง.
รักตนต้องถนอมห่วงใยรักษา รักตนอย่างยิ่งต้องถนอมห่วงใยรักษาอย่างยิ่ง
อย่าว่าแต่ความสกปรกมากมาย เป็นความเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมากเลย แม้ความมัวหมองเพียงเล็กน้อย ผู้ที่รักตน มีตนเป็นที่รักอย่างยิ่ง ก็ไม่พึงทำ
ยิ่งกว่านั้น
ผู้มีตนเป็นที่รักอย่างถูกต้องแท้จริง ยังไม่เพียงรักษาแต่ชื่อเสียงเกียรติยศ อันเป็นความงามภายนอกเท่านั้น
ยังเป็นการรักษาจิตใจอันเป็นสมบัติภายใน
ให้งามล้ำค่าอย่างยิ่งอีกด้วย.
.....................................................
ที่มา : ตน อันเป็นที่รักยิ่งของตน
พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ภาพ : สามเณรปลูกปัญญาธรรม
www.truelittlemonk.com