เที่ยวเมืองตากอากาศชายทะเลแห่งแรก ๆ ของไทยโดยรถไฟ แวะไปชมพระปฐมเจดีย์ เจดีย์ทรงระฆังที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ถ่ายรูป+ช้อปให้หนำใจในเพลินวาน เยี่ยมร้านคาเฟ่ (อดีต) สุนัขจรจัดแสนน่ารัก แล้วพักผ่อนริมทะเลชิว ๆ ที่หาดหัวหิน

ทริปนั่งรถไฟไปหัวหินนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวชิว ๆ สบายกระเป๋า ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ ด้วยค่าเดินทางด้วยรถไฟชั้น 3 (พัดลม) 120 บาท ชั้น 2 (แอร์) 240 บาท โดยโทรจองที่ 1690 แล้วไปจ่ายเงินและออกตั๋วภายในวันรุ่งขึ้น หรือจะไปเลือกวันและซื้อตั๋วที่สถานีไหนก็ได้ค่ะ จองล่วงหน้าได้ 1 เดือน แนะนำให้เผื่อเวลาดี ๆ นะคะ ล่วงหน้าสัก 3-4 อาทิตย์ดีกว่า เพราะล่าสุดไปซื้อตั๋ววันที่ 10 ได้เดินทางไวสุดคือ 19 ตั๋วแอร์เกลี้ยงแล้ว ส่วนตั๋วพัดลมก็เหลือเพียง 2 ใบด้วยค่ะ

พอได้ตั๋วมาจะเป็น 2 ใบแบบด้านบนโดยราคาจะระบุรวมในใบเที่ยวไปค่ะ ทริปนี้เลือกลงได้ทั้งสถานีหัวหินในเมือง สำหรับคนที่จะไปเที่ยวเพลินวาน คาเฟ่ต่าง ๆ และหาดหัวหิน แล้วก็สถานีปลายทางสวนสนประดิพัทธ์ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับแก๊งเล่นน้ำ นอนชิว ปิ้งย่างริมทะเลโดยเฉพาะค่ะ แต่ถ้าซื้อตัวนี้ไม่ทันจริง ๆ อาจไปกับรถไฟขบวนอื่น ๆ ก็ได้นะคะ ดูจาก เว็บไซต์การรถไฟ ได้เลย แต่จะถึงช้ากว่านี้และไม่จอดที่สวนสนประดิพัทธ์ด้วยค่ะ

เมื่อเช้าตรู่ของวันเดินทางมาถึง ด้วยความที่เลือกขึ้นจากสถานี้ต้นทางหัวลำโพงเลย รถจะออก 6.30 น. สัก 6.15 น. ก็มาถึงแล้ว ปกติรถไฟจะออกจากต้นทางตรงเวลาเสมอค่ะ ช้าอดตกแน่ สำหรับเส้นทางนี้ค่าโดยสารเท่ากัน เลือกขึ้นที่สถานีไหนที่รถจอด จะสามเสน บางซื่อ ศาลายา ฯลฯ ก็ได้ค่ะ เช็กตอนซื้อตั๋วได้เลย จะได้ทราบเวลาขึ้นรถด้วยค่ะ

ภาพบนนี้คือตู้พัดลมค่ะ มีที่นั่งทั้งแบบคู่หันหน้าหากันและแบบขวางคล้าย ๆ บนรถไฟฟ้าหรือรถสองแถว ถ้าอยากชมวิวไร่นา ภูเขาสวย ๆ ช่วงที่รถแล่นผ่านจากเพชรบุรีถึงหัวหินให้เลือกที่นั่งฝั่งขวาเลยค่ะ ตู้พัดลมผังคล้ายรูป THN/NKF ในลิงค์ค่ะ อย่างในตั๋วเบอร์ 17 ที่เป็น 1 ใน 2 ใบสุดท้ายที่เหลือให้ได้สอยมาอยู่ฝั่งซ้าย มีทุ่งนาให้เห็นบ้างแต่ภูเขาจะอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ จะโดนแดดช่วงเช้า ในขณะที่อีกฝั่งจะโดนช่วงบ่ายค่ะ
 

แอบแวบไปดูตู้แอร์ เย็นสบายมาก ๆ เลยค่ะ เบาะก็นุ่ม งวดหน้าเห็นทีต้องเผื่อเวลาดี ๆ จองตั๋วแอร์มาให้จงได้บ้างแล้ว

งวดนี้ถึงสถานีนครปฐมราว 7.45 น. เลทไป 5 นาที ก่อนถึงมีเจ้าหน้าที่มาประกาศนัดขึ้นรถอีกทีตอน 8.20 น. ด้วยค่ะ แต่ด้วยความที่สถานีอยู่ใกล้ตลาดและองค์พระปฐมเจดีย์มาก ๆ ลงรถมาเร่งฝีเท้ากันสักหน่อยก็ทำเวลาได้อยู่ค่ะ ใครที่กินข้าวเช้าที่มีพ่อค้าแม่ค้าหิ้วใส่ตะกร้ามาขายบนรถระหว่างทาง หรือที่เตรียมมาเองแล้วยิ่งสบายเลยค่ะ

ภาพบนนี้ถ่ายจากหน้าสถานีเลยค่ะ บรรยากาศยามเช้าของชุมชนที่นี่คึกคักทีเดียว มีพระออกบิณฑบาตร ชาวบ้านออกมาจ่ายตลาดกัน

เดินตรงตามคนอื่น ๆ ไปไม่นานก็ถึงด้านหน้าเจดีย์ทรงระฆังที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก (ราว 120 เมตร) ซึ่งล้นเกล้าฯ ร.4 โปรดให้สร้างขึ้นครอบเจดีย์องค์เดิมที่สร้างแบบศิลปะทวาราวดีและน่าจะเป็นเจดีย์องค์แรกในสยามประเทศ จึงพระราชทานนามว่า พระปฐมเจดีย์ ในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ 1 ใน 6 แห่งทั่วประเทศไทย และถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 อีกวัดหนึ่งด้วย เป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ท่าน พระนางเจ้าสุวัทนาฯ และสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ

ถ่ายรูปเสร็จอย่างไวใน 10 นาที เลยได้แวะกินข้าวหมูแดงร้านตั้งฮะเส็ง เจ้าเก่า มุมถนนก่อนข้ามสะพานกลับสถานีรถไฟ ข้าวหมูแดงหมูกรอบกุนเชียงจานนี้ 40 บาทค่ะ ให้เยอะดีค่ะ ข้าวร่วนเรียงเม็ด หมูเนื้อนุ่ม น้ำราดรสชาติกลมกล่อมไม่จัดจ้าน ออกหวานนิด ๆ

ใครชอบสไตล์นี้แต่กลัวกินในร้านไม่ทันก็สั่งใส่กล่องไปได้นะคะ นอกจากนี้ยังมีของกินมากมายให้เลือกซื้อหาไปกินบนรถไฟได้ อย่างเต้าหู้ทอดกับทอดมันปลากรายหน้าร้านก็ขึ้นชื่อนะคะ ในตลาดยังมีโจ๊ก บ๊ะจ่าง ข้าวหลาม เกี๊ยวทอด ฯลฯ สารพัดเสบียงให้ซื้อหาเพิ่มได้ แต่ต้องคอยดูเวลาดี ๆ ด้วยนะคะ 8.20 น. ล้อหมุนค่ะ

พอนั่งต่อไปได้สักพักเจ้าหน้าที่ก็จะมาให้ข้อมูลเวลากลับของ 3 สถานียอดนิยม คือ ชะอำ 15.58 น. ห่างจากชายหาดราว 3 กม. หัวหิน 15.39 น. ห่างจากชายหาดราว 800 ม. และสวนสนฯ 15.31 น. ห่างจากชายหาดเพียง 250 ม. ค่ะ แล้วเจ้าหน้าที่ก็ยังให้เบอร์ไว้เผื่อกรณีฉุกเฉินด้วยค่ะ

นอกจากนี้ก็มีบริการสั่งของฝากขึ้นชื่อจากแต่ละสถานีรายทางและอาหารเย็นด้วยนะคะ เพราะขากลับรถไฟจะไม่แวะนาน ๆ แล้ว เราจ่ายเงินสดบนรถและเจ้าหน้าที่จะนำของมาให้ตามเลขที่นั่งในตั๋วเลยค่ะ ไฮไลต์ทั้งนั้น แต่ที่เห็นสั่งกันเยอะ ๆ ก็มีห่อหมกปลาอินทรีย์ หอยแมลงภู่แดดเดียวทอด ข้าวหลาม และก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งลูกชิ้นปลา ซึ่งปรับแพ็กเกจและปริมาณราคาจึงขยับเป็น 30 บาทค่ะ

ราว ๆ เกือบ 11 โมงก็ถึงสถานีหัวหินค่ะ เป็นสถานีเก่าแก่ที่สวยมาก ๆ และมีจุดให้ถ่ายรูปเก๋ ๆ หลายจุดเลย อย่างพลับพลาสวย ๆ ในภาพบนนี้ เดิมคือพลับพลาสนามจันทร์ ที่ล้นเกล้าฯ ร.6 ใช้ทอดพระเนตรการซ้อมของกองเสือป่าที่นครปฐม ต่อมารื้อมาปลูกใหม่ที่นี่เป็นที่เสด็จขึ้นลงรถไฟของล้นเกล้าฯ ร.9 โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ เสด็จมาทรงทำพิธีเปิดและตั้งชื่อว่า “พลับพลาพระมงกุฎเกล้า” ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างถนนดำเนินเกษม ที่มุ่งตรงไปลงหาดหัวหินกับถนนพระปกเกล้า ตรงหน้าสถานีมีเกาะกลางเป็นห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหิน ที่นำรถไฟเก่ามาทำห้องสมุด เปิดวันจันทร์ - วันเสาร์  ตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น.

ข้างในมีแอร์ด้วยนะคะ เย็นสบายเลยทีเดียว ถ้ามาถึงก่อนเวลาหรือรถไฟดีเลก็ไปนั่งอ่านหนังสือในนี้ชิว ๆ ได้ค่ะ อย่าลืมเช็กเวลาจาก ระบบติดตามขบวนรถไฟออนไลน์ ด้วยนะคะ

อีกฟากถนนมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วยค่ะ หากต้องการประหยัดเวลาก็เลือกใช้บริการกันได้

หรือถ้าจะนั่งรถโดยสารสาธารณะก็เดินลงไปตามถนนดำเนินเกษม แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสระสรงอย่างในภาพล่างนี้ค่ะ

สองแถวคันสีเขียว (รถตะเกียบ) ไปเพลินวานจอดอยู่ตรงข้ามธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดฉัตรไชย (หัวหิน) เลยค่ะ เที่ยวแรก 6.00 – 21.00 น. วันธรรมดา วันศุกร์ – วันอาทิตย์ วิ่งถึง 22.00 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง มีสองแถวสายอื่น ๆ ด้วยนะคะ ตามไปดูที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ

สำหรับการไป เพลินวาน จากตลาดแห่งนี้ นั่งรถราว ๆ 10-15 นาทีก็ถึงค่ะ ค่ารถ 10 บาท เปิดทุกวัน 10.30 – 19.00 น.

เข้ามาก็เจอไอติมหลอดยอดฮิตตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยายยังเด็ก ที่ใช้วิธีหมุนถังไปมาให้เกิดการถ่ายโอนความร้อนจากน้ำหวานในหลอดไปสู่น้ำเกลือ (หรือน้ำทะเล) ผสมน้ำแข็งในถัง ซึ่งจะเย็นกว่า 0 องศาเซลเซียส ทำให้น้ำหวานแข็งตัวเป็นไอติมได้ค่ะ  

บรรยากาศเก๋ไก๋คล้าย ๆ งานวัด ย้อนยุคหน่อย ๆ นึกถึง Pier 39 ที่ซานฟรานซิสโกเลยค่ะ

มีของกินเล่นมากมาย ผลไม้ ขนม ของว่างอย่างอาหารทะเลทอด ลูกชิ้นทอดก็มีนะคะ

ร้านกาแฟสไตล์ย้อนยุคที่มีลูกค้าแวะแวะเวียนมาไม่ขาดสาย

ร้านของเล่นมากมายสีหวานสดใส จูงใจเด็กน้อยเด็กโข่งทั้งหลายให้แวะซื้อหาไปเล่นหรือเป็นที่ระลึกกัน

นอกจากนี้ยังมีลานดนตรี ชิงช้าสวรรค์ และวิวภูเขาเขียวขจีเป็นฉากหลังให้กับร้านค้าน่ารัก ๆ ต่าง ๆ ด้วย

จุดแชะถ่ายรูปก็ไม่ใช่น้อย ทั้งเรือ ทั้งหาดจำลอง ทั้งรถเก่า ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ที่พักเก๋ ๆ อย่างพิมานเพลินวาน หรือแม้แต่ร้านขายเครื่องเทศพริกไทยชื่อดังเจ้าเก่า ที่เราอาจเคยเห็นกันมาแล้วในเยาวราช ก็มาเปิดสาขาที่นี่ด้วย

เรียกได้ว่าเป็นตลาดน้อย ๆ ที่มีสีสัน เป็นอีกหนึ่งที่ที่สายช้อป & แชะคงถูกใจไม่เบาเลยทีเดียว

จากเพลินวานสามารถเดินไปข้ามสะพานลอยตรงหน้าบุญถาวร ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน แล้วก็เดินราว 20 นาที (ราว 1.5 กม.) ผ่านพระราชวังไกลกังวล ไปร้าน Wagging Tales Cafe' ในซอยหัวหิน 43 ได้ค่ะ จริง ๆ ถ้าไม่อยากเดินก็นั่งสองแถวได้นะคะ ไปคาเฟ่แมวจรกันมาแล้ว ขอพามาคาเฟ่หมาจรกันบ้างนะคะ

น้องหมาที่นี่เคยเป็นสุนัขจรจัดที่ถูกทอดทิ้งมาก่อนจะได้รับการช่วยเหลือ และกลายมาเป็นเจ้าบ้านแสนน่ารักที่กระดิกหางดุ๊กดิ๊กวิ่งไปมาอย่างอบอุ่น ที่นี่หมาเราก็เข้าได้นะคะ

เจ้าหางฟูสีเหมือนพายฟักทองตัวนี้ชื่อ พัมพ์คิ่น (Pumpkin) ค่ะ

และที่หลับอยู่บนเก้าอี้ในภาพล่างนี้ก็คือ พุดดิ้ง (Pudding) ค่ะ วันนั้นนมสดไม่สบาย ต้องไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล เลยไม่ได้เจอกัน ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะแวะไปหาอีกนะคะ ขอให้หายไว ๆ ค่ะ

ในร้านมีทั้งโซนแอร์ด้านในและสวนหย่อมเล็ก ๆ ด้านนอก 

ส่วนเรื่องอาหาร ของว่าง และเครื่องดื่ม ก็มีทั้งกาแฟ ชา โกโก้ อิตาเลียนโซดา สมูทตี้ สลัชชี่ (น้ำปั่นเกล็ดหิมะ) สลัด เฟรนช์ฟรายด์ ครัวซองต์ บราวนี่ ขนมปัง ฯลฯ แต่เมนูส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะลูกค้ามีปนกันทั้งไทยทั้งต่างชาติ แม้แต่เจ้าของร้านก็เป็นหุ้นส่วนกันระหว่างชาวไทยและชาวต่างชาติค่ะ

โดยรายได้จะนำไปสนับสนุนโครงการ Rescue Paws ช่วยเหลือสุนัขและแมวที่ถูกทิ้ง โดยตระเวนไปฉีดวัคซีน ป้อนยา ทำหมัน รวมทั้งหาบ้านใหม่ให้บรรดาเพื่อนพ้องสี่ขาจรจัดทั้งหลาย

ในร้านมีการประดับประดารูปภาพต่าง ๆ เกี่ยวกับสุนัข โซฟา และสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็มีรูปสุนัข มีรูปล้นเกล้าฯ ร.9 กับสุนัขทรงเลี้ยงที่พระราชวังไกลกังวลด้วยค่ะ

เดินดูไปรอบ ๆ เล่นกับพัมพ์คิ่นสักพักเพราะเจ้าพุดดิ้งยังคงหลับปุ๋ยอยู่ใกล้ ๆ เครื่องดื่มก็มาแล้วค่ะ ในภาพล่างนี้ คือ สมูทตี้กล้วยหอมกับถั่วลิสง (Banana & Peanut Smoothie) 75 บาทค่ะ เป็นเมนูพิเศษในช่วงนี้เลย หอมนุ่มอร่อยมาก ๆ และแก้วก็ใหญ่ดีด้วย หมดนี่มีอิ่มกันได้เลยค่ะ ถ้าแก้วมาเองลด 5 บาทด้วยนะคะ

มื้อเที่ยงวันนี้เลยต้องจัดเบา ๆ เป็นขนมปังโฮลวีตไข่คนกับอะโวคาโดบด (EGG W/ AVO) 89 บาท จริง ๆ ถ้าสั่งเมนูนี้จะเลือกได้ว่าจะรับเป็นไข่คนหรือไข่ต้มค่ะ และก็สามารถรับประทานโดยไม่ปรุงแต่งใด ๆ เพิ่ม หรือใส่เกลือ พริกไทย ซอสมะเขือเทศ ใบออริกาโน ด้วยก็ได้ค่ะ ภาพล่างนี้เป็นตอนที่ยังไม่โรยใบออริกาโน และบีบซอสมะเขือเทศลงไปค่ะ (โชคดีที่ถ่ายก่อน เพราะบีบซอสได้ลวดลายพิลึกมาก ๆ )

ก่อนออกจากร้าน ด้านหน้ามีกล่องรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือสุนัขและแมวจรจัดด้วยนะคะ เห็นหางฟู ๆ ของพัมพ์คิ่นแล้ว นึกไม่ออกเลยทีเดียวว่าก่อนหน้านี้จะเคยเร่ร่อนมาก่อน แม้ไม่ใช่พันธุ์แท้ก็ดูดีได้ ถ้าได้รับความรักและการเอาใจใส่

มาหัวหินยังไม่ถึงทะเลก็คงแย่แล้ว จริง ๆ คิดไว้แต่แรกแล้วว่าจะไปไหนก็ได้ แต่บ่ายสองโมงครึ่งเราต้องถึงหาดหัวหินค่ะ ถ้ามาจากคาเฟ่ละก็นั่งสองแถวเขียวรถตะเกียบเจ้าเก่ามาลงตลาดก่อนได้นะคะ ถ้าเดินเองแต่แรกเลยก็ 2.3 กม. ค่ะ ราว ๆ ครึ่งชั่วโมง

แต่หากเลือกมาที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก โดยเดินจากสถานีรถไฟราว 800 ม. (ราว 10 – 15 นาที) และมีใบขับขี่ก็เช่าได้มีหมวกกันน็อกให้พร้อม หลากหลายรุ่นหลายราคาให้เลือกบนถนนดำเนินเกษมช่วงก่อนถึงชายหาดค่ะ

นอกจากม้าเหล็กแล้วก็มีม้าจริง ๆ ด้วยนะคะ แต่ม้าจริง ๆ และพี่วินของพวกเขาจะพาเดินท่องเที่ยวเฉพาะบนหาดค่ะ

จุดเด่นของหาดหัวหินนี้ก็คือโขดหินมน ๆ ที่เวลาคลื่นซัดเข้ามาแล้วน้ำทะเลก็จะแตกกระเซ็นไหลข้ามมาเป็นฟองสีขาว เป็นโลเกชั่นชั้นยอดสำหรับการถ่ายฉากเลียนแบบนางเงือกนั่งสางผมกันเลยทีเดียว

และถ้าเงือกสาวตัวปลอมตนใดไม่อยากเปียกไปทั้งตัว ขอเปียกแค่ขาก็มีหินก้อนโต ๆ ที่คลื่นซัดไม่ท่วมทั้งหมดให้เลือกสรรกันได้

เวลาน้ำซัดมารอยเท้าก็จะเลือนหายไป จนกว่าจะมีผู้มาเยือนย่างก้าวลงใหม่บนพื้นทรายอันอ่อนนุ่ม

นอกจากดูวิวทะเลแล้วก็ก้มมองดูร่องรอยต่าง ๆ บนหาดได้เพลิน ๆ ไปอีกแบบ ในภาพบนนี้คือรอยบาทาของเจ้าม้าริมทะเลนั่นเอง

หินก้อนใหญ่อีกก้อนริมหาดทรายชายทะเลท่ามกลางเกลียวคลื่น

เมื่อหันหน้าออกทะเล ฝั่งซ้ายจะเป็นทิศเหนือ มีสะพานปลาที่หลาย ๆ คนไปถ่ายรูปกัน ส่วนฝั่งขวาจะทอดยาวไปถึงเขาตะเกียบ ซึ่งหลังเขาตะเกียบจะเป็นหาดสวนสนประดิพัทธ์ค่ะ

ทรายที่ไม่เปียกสีออกขาวอยู่นะคะ มีปลายักษ์รับขยะรีไซเคิลด้วย  

ตรงทางขึ้นมีน้ำจืดสำหรับล้างเท้าบริการด้วยนะคะ อาบน้ำเด็กที่นี่เลยก็ได้ ส่วนผู้ใหญ่ก็ไปข้างบนค่ะ

จากนั้นก็เดินกลับมายังสถานีรถไฟ ที่จริงตอนเดินติดรอไฟแดงด้วยนะคะ จำได้ว่าออกมาตอนบ่ายสามโมง ยังไม่ถึง 15 นาทีก็ถึงสถานีแล้ว มีร้านขายของที่ระลึกด้วย ไปนั่งแช่แอร์อ่านหนังสือในห้องสมุดได้ถึง 15.30 น. สบาย ๆ  

15.39 น. เป๊ะ รถไฟจากสวนสนประดิพัทธ์ก็กลับมารับตรงเวลาเลย

แน่นอนว่าของฝากมากมายจากสถานีต่าง ๆ ก็ทยอยถูกนำมาส่งให้ถึงที่นั่ง รวมทั้งก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้งลูกชิ้นปลา อาหารเย็นที่สั่งเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่นำมาส่งให้หลังจากรถไฟแล่นผ่านสถานีราชบุรีราวห้าโมงกว่า ๆ ใครนั่งฝั่งภูเขาก็จะได้เห็นวิวตะวันตกดินสวยมาก ๆ ด้วยค่ะ จากนั้นส่วนมากก็จะหลับหรือไม่ก็เล่นมือถือกันยาว ๆ จนถึงสถานีปลายทาง ส่งท้ายการเดินทางอันมีเสน่ห์อีกไปอีกแบบในหน้าหนึ่งของความทรงจำ   

 “Amazing ไทยเท่” ที่เที่ยวเก๋ ๆ ใกล้ตัว อย่าลืมมาชื่นชมกันนะคะ