ศาสนาพุทธไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเทวดา ตรงกันข้ามเทวดามีบทบาทต่อศาสนาพุทธเยอะมาก จะกล่าวว่าเทวดาเป็นผู้ค้ำจุนพระศาสนานอกเหนือจากมนุษย์ก็ยังได้
เพราะอะไรจึงกล่าวเช่นนั้น เพราะแม้กระทั่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเสวยชาติเป็นพระเวสสันดร แล้วพระองค์ดำริจะบริจาคพระนางมัทรี พระอินทร์ร้อนอาสน์ต้องแปลงกายเป็นพราหมณ์ชรามาทูลขอพระนางมัทรีแล้วฝากไว้กับพระเวสสันดร เป็นการป้องกันไม่ให้คู่บารมีของพระเวสสันดรต้องตกระกำลำบากไปอยู่กับคนพาลสันดานหยาบ
หรือแม้กระทั่งตอนที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ท้าวสหัสมบดีพรหมก็มาอารธนาพระพุทธองค์ให้โปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลาย
พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ก่อนที่จะจุติเป็นมนุษย์ ก็เป็นเทวดาอยู่ชั้นดุสิต และแม้ปรินิพพานไปแล้ว พระองค์ก็กลายเป็นเทพ แต่เป็นเทพที่หมดกิเลสแล้ว เรียกว่า พระวิสุทธิเทพ
เราคงเคยได้ยินในประวัติหลวงปู่ต่างๆ ที่ท่านเดินธุดงค์แล้วมีเทวดามาลองใจหรือเทวดามาใส่บาตร หรือแม้กระทั่งเทวดาปรากฎในนิมิต มานิมนต์ให้ไปสร้างวัด ณ สถานที่ตรงนั้นตรงนี้ เพราะเป็นที่เหมาะสมสำหรับการสร้างบารมีของท่าน เรื่องเหล่านี้เชื่อแน่ว่าเราคงเคยได้ยินแบบไม่หวาดไม่ไหว
นอกจากนี้เทวดาที่มีสัมมาทิฐิก็สามารถสั่งสอนธรรมให้มนุษย์ได้ เป็นผู้แนะนำแนวทางการสร้างบารมีของมนุษย์ผู้นั้นได้
พุทธศาสนิกชนจะรู้ว่า การจะปฏิบัติต่อเทวดาก็ต้องรู้ว่าทางสายกลางอยู่ตรงไหน
แม้กระนั้น มนุษย์ก็ยังนับถือเทพเป็นผู้ใหญ่ในแง่ภูมิธรรม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เทพและมนุษย์ ถือร่วมกันคือถือธรรมเป็นใหญ่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสังคมไทย ชาวพุทธให้เกียรติเทวดา
เช่น เวลาทำบุญก็แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้แก่เทวดาด้วย เวลาสวดมนต์ก็เชิญเทวดามาฟังธรรมด้วย แต่กระนั้นก็ตาม พุทธศาสนิกชนที่ดี จะยังถือธรรมเป็นใหญ่ นับถือธรรมเป็นสรณะที่พึ่งสูงสุดที่แท้จริงในสากลโลก ไม่มีอะไรเหนือธรรม
ฉนั้นการเคารพเทวดา พุทธศาสนิกชนที่มีสัมมาทิฎฐิ จะเคารพเหล่าเทพเทวดา ในแง่ของคุณความดีที่เหล่าทวยเทพเทวดาได้บำเพ็ญ นับถือคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เป็นเทวดา นั่นคือ ความมีหิริ โอตัปปะ ความเกรงกลัวต่อบาป
น่าเป็นห่วงว่า ในปัจจุบันนี้ จะมีหลายท่าน ที่เข้าใจผิดว่า เทพเทวดาคือสิ่งสูงสุด จนละเลยสิ่งแท้จริงในสากลโลก คือ พระธรรม จึงมุ่งคอยแต่อ้อนวอน หรือรอคอยความช่วยเหลือจากเทวดา หวังพึ่งเทวดา โดยไม่ใช้ความพยายามของตนเองเลย ซึ่งผิดวิถีทางของชาวพุทธ อันได้แก่ อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
1. นอกจากมีเมตตาไมตรีเผื่อแผ่กุศลความดีให้เทวดาแล้ว ก็เคารพนับถือ หรือให้เกียรติเทวดาทั้งหลาย เหมือนปฏิบัติต่อผู้มีคุณความดี
2. เอาคุณธรรมความดีของเทวดามาเป็นที่ระลึกหรือเป็นเครื่องเตือนสติ ให้บำเพ็ญความดีหรือบุญกุศลยิ่งขึ้นไป ดังเช่นข้อปฏิบัติที่เรียกว่า เทวตานุสติ ซึ่งแปลว่าตรองระลึกถึงคุณธรรมที่ทำให้เป็นเทวดาที่มีอยู่ในตน
3. ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม ท่านผู้ใดฝึกฝนพัฒนาตนดีแล้ว เราก็ยกย่องเชิดชูไว้เป็นแบบอย่างของสังคม