นกเอี้ยง
สมาชิกเลขที่85339 | 04 ก.พ. 55
2.9K views

นกเอี้ยง         บุญช่วย  มีจิต

               ฝนหลงฤดูเทลงมาอย่างบ้าคลั่งราวกับฟ้ารั่วในเช้าวันหนึ่ง มีแต่ฝนล้วน ๆ เม็ดโต ๆ ตกอยู่นานเป็นชั่วโมง อากาศที่ร้อนอบอ้าวแทบตับแตกของต้นเดือนมีนาคม  ก็เปลี่ยนเป็นเย็นฉ่ำและหนาวเหน็บขึ้นมาทันที  แสงแดดที่แผดจ้าอยู่เมื่อสักครู่  ก็กลายเป็นท้องฟ้ามืดครึ้มเมฆลอยต่ำ บรรยากาศแบบนี้มันน่านอนห่มผ้าคลุมโปงอยู่บนที่นอนมากกว่า  สนามฟุตบอลหน้าอาคาร  เจิ่งนองไปด้วยน้ำ  นกเอี้ยงฝูงใหญ่พากันมาเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน บ้างก็จิกตีกัน บ้างก็ส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ดังระงมฟังไม่ได้ศัพท์  บ้างก็จับคู่จู๋จี๋พลอดรักกันอย่างน่าอิจฉา  สมบูรณ์นั่งอยู่บนระเบียงอาคาร  มองลงมาเห็นพฤติกรรมของนกเอี้ยงฝูงนี้อยู่ประจำ  ถึงแม้จะรู้สึกรำคาญกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกมันบ้าง  แต่เขาก็แอบมีความสุขลึก ๆ อยู่ในใจ เพลิดเพลินไปกับเสียงนกนานาชนิดที่พากันออกมาร้องเพลงอย่างร่าเริงหลังฝนตก

               ถึงแม้ว่าโรงเรียนที่เขาสอนอยู่ จะเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ในเมืองหลวง  อยู่ในชุมชนที่เจริญแล้ว

มีตึกรามบ้านช่องเต็มไปหมดก็จริง  แต่ด้านหลังยังมีทุ่งนาและที่ว่างเปล่าอีกนับร้อยไร่  มีต้นไม้โตเร็วจำพวก

มะขามเทศ  ต้นสน ตีนเป็ด  พุทรา ไม้พุ่ม ไม้ดอก  และกอหญ้าขึ้นเต็มไปหมด   จึงมีนกนานาชนิดมาอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะนกเอี้ยงด่างฝูงใหญ่    ในคาบที่ไม่มีสอนเขามักจะเข้าไปนั่งโต๊ะว่างริมหน้าต่าง  มองออกไปหลังโรงเรียน  เพื่อชมทิวทัศน์อันเขียวชอุ่มและดูฝูงนกหากิน เก็บเกี่ยวความสุขจากธรรมชาติเสมอ ๆ

               ในคาบโฮมรูมวันหนี่ง  หลังจากที่นักเรียนบางส่วนที่แต่งตัวผิดระเบียบ  โดยเฉพาะทรงผมที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นนักเรียนหรือนายแบบนางแบบกันแน่  ถูกครูหัวหน้าหมวดเอากรรไกรมาตัดเป็นรอยแหว่งเว้าไปทั้งหัว  เป็นการตักเตือนขั้นสุดท้ายว่าผมยาวแล้วนะ ไปตัดได้แล้ว  พอสมบูรณ์จะเริ่มต้น  นกเอี้ยงฝูงใหญ่ในห้อง ม.3/15 ที่เขาเป็นครูที่ปรึกษา  ก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเซ็งแซ่ขึ้นมาตามปกติวิสัยทุกวัน  แต่วันนี้รู้สึกเอาจริงเอาจังมากขึ้น

               “ หนูไม่เข้าใจว่า  ทำไมจึงมายุ่งกับผมของพวกหนูมากนัก ”

               นกเอี้ยงตัวหนึ่งพูดขึ้นอย่างมีอารมณ์

               “ ก็พวกเธอแต่งตัวผิดระเบียบ”

               สมบูรณ์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ อ้างเอากฎระเบียบของโรงเรียนมาประกอบ

               “ การเรียนจะดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับทรงผมไม่ใช่หรือ  ? ”

         นกเอี้ยงอีกตัวตั้งคำถามเอาตรง ๆ

               “ ใช่ ”

         เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรให้ดีไปกว่านั้น

               “ เอ้า  แล้วทำไมมายุ่งกับพวกหนู ”

               “ ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นอิสระ  ไม่เห็นใจวัยรุ่นบ้างเลย  พวกเขาก็อยากสวยอยากหล่อเป็นธรรมดา”

นกเอี้ยงสาวที่ห่วงเรื่องความสวยมากกว่าการเรียนตัวหนึ่งพูดขึ้นบ้าง

               และแล้วนกเอี้ยงฝูงนั้นก็พากันระบายความอัดอั้นตันใจที่คั่งค้างมานาน ทะลักออกมาเหมือนฝนตกเมื่อตอนเช้า  จากเรื่องผมก็ไปถึงเรื่องการเรียนการสอนของครูบางท่าน  การลงโทษที่ไม่เป็นธรรมของฝ่ายปกครองและกิจการนักเรียน   การให้คะแนนติด 0 ติด ร ของฝ่ายวัดผลประเมินผล  การแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดของฝ่ายบริหาร   พรั่งพรูออกมาเหมือนทำนบแตก จนฟังไม่ได้ศัพท์ ไม่รู้ว่าใครพูดอะไรบ้าง  สมบูรณ์ยกมือห้ามแล้วบอกว่า

               “ เอาละ ๆ  ถ้าจะแสดงความคิดเห็น  ให้พูดทีละคน  พูดพร้อม ๆ กันอย่างนี้มันฟังไม่รู้เรื่อง”

เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจเงียบลงไปสักพักหนึ่ง  แล้วก็ดังขึ้นกว่าเดิมว่า

               “ คาบนี้ปล่อยให้โต้วาทีกันไปเลย”

“ ใช่ ๆ ๆ ๆ ”  นกเอี้ยงทั้งฝูงรับขึ้นพร้อม ๆ กัน

               “ นักเรียนมีหน้าที่เรียน แล้วมาจำกัดสิทธิของพวกหนูทำไม”

               “ ถูกต้อง  นักเรียนมีหน้าที่เรียน ”

               เขายอมรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน  ทำให้บรรยากาศดีขึ้นบ้าง

               “ แต่นักเรียนก็ยังมีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนด้วย ”

เขาพูดต่อ

               “ ระเบียบ !!  ระเบียบที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล  ระเบียบที่ไม่เป็นธรรม  บังคับเหยียบย่ำน้ำใจของเด็ก  ระเบียบที่ลงโทษแบบโหด  ๆ พวกเรารับไม่ได้   ต้องใช้อารยะขัดขืน ”

               นกเอี้ยงกลุ่มนั้นยังไม่ยอมลดละ ยกเอาวาทะยอดฮิตที่ได้ฟังมาจากสื่อมาพูด

               พอได้ยินคำว่า “ อารยะขัดขืน”  สมบูรณ์ก็ถึงกับสะดุ้ง  เพราะคำ ๆ นี้ดูจะคุ้นหูมาก  พวกผู้ใหญ่ที่ไม่พอใจอะไร  ก็มักจะอ้างเอาอารยะขัดขืนมาใช้  นึกไม่ถึงว่าความรู้สึกอย่างนี้จะลุกลามมาถึงนักเรียนระดับ

ม.ต้น อย่างนกเอี้ยงกลุ่มนี้

“ ถ้าพวกเธอไม่พอใจกฎระเบียบก็มีอยู่สองช่องทาง คือ เข้าพบผู้อำนวยการเรียนให้ท่านทราบแล้วท่านจะหาทางแก้ไขให้ต่อไป  หรือ อีกวิธีหนึ่ง  พวกเธอก็เลือกสภานักเรียนเข้าไปเป็นตัวแทน และใช้เสียงข้างมากเข้าไปแก้ที่ระเบียบเสียก่อน ”

               เขาพยายามระงับความรู้สึกลึก ๆ เอาไว้  พูดด้วยน้ำเสียงปกติ  ไม่แสดงสีหน้า ท่าทางพิรุธออกมาให้เด็กเห็น

               “ วิธีที่ครูว่ามันใช้ไม่ได้  การเข้าพบผู้อำนวยการก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะแก้ไขให้หรือเปล่า ดีไม่ดีผู้เข้าพบอาจจะโดนข้อหาก่อความไม่สงบและถูกตัดคะแนนความประพฤติหรือเรียกผู้ปกครองมาพบก็ได้ โรงเรียนนี้เอะอะอะไรก็ตัดคะแนน ตัดคะแนน เอะอะก็เรียกผู้ปกครองมาพบ ”

               กลุ่มของนกเอี้ยงยังไม่ยอมลดราวาศอก ออกความคิดเห็นต่อไปอีกยืดยาว

“ โอ๊ย  สภานักเรียนหรือจะช่วยอะไรได้  เลือกแล้วก็แล้วกันไป  ไม่เห็นทำอะไรให้แก่นักเรียนเลย   บางคนเป็นประธานสภาแต่ทำอะไรไม่เป็น  อย่าว่าแต่จะช่วยพวกเราเลย  แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอด ”

               นกเอี้ยงอีกตัวพูดถึงความล้มเหลวของสภานักเรียนอย่างดุเดือดและมีอารมณ์

               “ เอาละ  ถึงอย่างไรก็เป็นวิธีการแห่งประชาธิปไตย  เราต้องเคารพเสียงข้างมาก  เหตุผลของเราสู้เขาไม่ได้ก็ต้องยอมรับ  ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรก็ปฏิเสธ ไม่ปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่และจะอยู่ได้อย่างไร  ”

               จากการแสดงความคิดเห็นในวันนั้นทำให้สมบูรณ์ได้รู้อะไร ๆ มากขึ้น  แต่เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยอะไรได้มากไปกว่าการให้คำแนะนำ  ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคำแนะนำบางอย่างของเขา  จะไปกระทบเข้ากับใครบ้างหรือไม่  เพราะได้ข่าวว่า  หัวหน้าระดับแต่ละระดับ  ก็มีระดับแห่งความเข้มในกฎระเบียบที่นักเรียนบอกว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสักเท่าใดนัก  เอะอะไรก็เอาระเบียบมาข่มขู่อยู่เสมอ ๆ  และลงโทษอย่างรุนแรงในความคิดของพวกเขา  แม้แต่ครูอาจารย์บางท่านก็มีมาตรฐานในการสอนและการให้คะแนนที่แตกต่างกันมาก  ใช้วิสัยทัศน์ส่วนตัวมาตัดสิน  ทำให้นักเรียนติดศูนย์ ติดรอกันระนาว  แก้แล้วแก้อีกก็ยังไม่ผ่าน สายแล้ว หมดคาบแรกไปนานแล้ว   ฝูงนกเอี้ยงบินไปหลบแดดที่ต้นไม้หลังโรงเรียน ส่งเสียงอ้อยอีเอียง ๆ มาอย่างมีความสุข  ไม่ยินดียินร้ายกับสังคมรอบข้างที่นับวันจะมีตึกสูง ๆ โรงงานใหม่ ๆ ผุดขึ้นมา    เรื่อย ๆ อันจะทำให้พวกมันไม่มีต้นไม้จะเกาะอาศัย  ต้องหอบหญ้ามาทำรังในหน้าจั่วหรือหลังคาตึกแทน

              ในคาบว่าง  สมบูรณ์ก็จะไปนั่งตรวจงาน   เตรียมความพร้อมอยู่ที่ห้องพักของหมวด  หรือไม่ก็เข้าไปนั่งในห้องคอมพิวเตอร์  เข้าอินเตอร์เนต  ค้นหาข้อมูลใหม่ ๆ นำมาปรับปรุงการเรียนการสอนของตนเองอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นครูที่เรียกว่า “ แก่ ” ในสายตาของคนอื่น  แต่เขาก็ไม่ยอมให้ความ “ แก่ ” มาเป็นอุปสรรค   พยายามทำตัวให้เป็นคนรุ่นใหม่  ใช้เนต เล่นเอ็ม เม้นท์ไฮไฟว์  พูดภาษาเดียวกันกับคนรุ่นใหม่   จนเป็นที่ยอมรับของนักเรียน  และเป็นขวัญใจของวัยรุ่นเลยทีเดียว

               “ พูดดี นโยบายดี แต่ปฏิบัติไม่ได้ ” 

นกเอี้ยง อาจารย์หญิงวัยเลยกลางคนไปแล้วคนหนึ่งเอ่ยขึ้น  เป็นการแสดงความคิดเห็นต่อคำพูดของท่านผู้อำนวยการที่พูดฝากไว้ในการประชุมประจำเดือนเมื่อวานนี้

               “ ผู้อำนวยการไม่เข้าใจหัวอกครูผู้สอนบ้างเลย  ”

 อาจารย์นกเอี้ยงระบายเอากับทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้น โดยไม่สนใจว่า  ใครจะฟังหรือไม่ฟัง  หรือจะนำไปฟ้องท่านผู้อำนวยการ  หรือ ในใจลึก ๆ แล้วต้องการให้คำพูดของเธอไปเข้าหูผู้อำนวยการด้วยซ้ำไป

               “ อะไร ๆ  ก็มาลงที่ครู ”  

นกเอี้ยงอาจารย์อีกคนหนึ่งพูดต่อ

               “ นักเรียนไม่มาเรียน  นักเรียนมาเรียนแต่ไม่เข้าห้องเรียน  นักเรียนเข้าห้องเรียนแต่ไม่ฟังครูสอน  

ผอ.เคยรู้และคิดแก้ไขบ้างไหม ”

               นกเอี้ยงครูชายที่อาวุโสสูงสุดในหมวดแสดงความคิดเห็นบ้าง

“ นักเรียนทุกวันนี้มันไม่เหมือนสมัยก่อน  ไม่เห็นหัวครูอาจารย์หรอก  เดินชนกันมันยังไม่ยกมือขอโทษเลย ”

นกเอี้ยงอีกท่านหนึ่งระบายอารมณ์ออกมาอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน

               “ สั่งงานอะไรก็ไม่ทำ  การบ้านก็ไม่ส่ง  รายงานก็ไม่มี  แล้วอย่างนี้จะให้คะแนนได้อย่างไร ”

นกเอี้ยงอีกคนพูดถึงความน้อยอกน้อยใจที่นักเรียนบางกลุ่มสำลักสิทธิเสรีภาพเสียจนครูพูดอะไรไม่ได้  เวลาเรียนก็เอาแต่คุยกัน  เอากีตาร์ขึ้นมาดีดเล่นบ้าง ส่องกระจกทั้งวัน  ฟังแต่บลูทูธ หรือ โทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับว่าเป็นนักธุรกิจพันล้าน   ไม่เคยสนใจในเรื่องการเรียนการสอนเลย  ทำให้คุณภาพของการศึกษาแย่ลงเรื่อย ๆ

               “ วันครู คือ วันด่าครู ”

นกเอี้ยง อีกคนระบายโพล่งออกมา  ว่าสื่อและพวกที่ชอบมองครู หรือ เสนอข่าวครูแต่ในด้านลบ

               “ ทีวีทุกช่อง พิธีกรทุกคน ตั้งแต่เช้ายันดึก  ด่าแต่ครูอย่างเดียว  โดยเฉพาะพวก....ที่อ้างตนว่าเป็นนักอะไรต่อมิอะไรนั่นยิ่งแล้วใหญ่....อยากให้พวกมันมาสอนดูซิ  จะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ไหม ”

               “ ทุกวันนี้การปกครองแย่มาก ๆ ทำโทษเด็กก็ไม่ได้ ”   

ครูหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนพูดบ้าง ทั้ง ๆ ที่บอกว่าทำโทษเด็กไม่ได้  แต่ยังเห็นนักเรียนยืนโอบเสาให้ตีตูด  หรือ ด่าตะคอก ขู่เข็ญ นักเรียนอยู่เสมอ ๆ หรือทำโทษด้วยวิธีให้ขนหิน ขนทรายจนค่ำมืดเป็นประจำ

    “ เรื่องอย่างนี้จะให้ฝ่ายปกครองและกิจการนักเรียนแก้ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก  มันต้องช่วยกันทุกฝ่าย ”

หัวหน้าฝ่ายปกครองพูด

               ดอกไม้สีสดสวย  เสียงเพลงอวยพรวันเกิดจบลง  ก็ถึงวาระการประชุมอย่างเป็นทางการ  ประธานในที่ประชุมซึ่งก็คือผู้อำนวยการโรงเรียนนั้นเอง เปิดการประชุมว่า

               “ การจัดการเรียนฟรี 15 ปี จะล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง  ”

               ผู้อำนวยการกล่าวฟันธงเสียงดังออกลำโพง  วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา 

               “ มันจะไม่ได้ผลทางปฏิบัติ ”

               “ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ก็จะต้องถูกยุบไม่น้อยกว่า 2 ห้อง ”

               “ บุคลากรลูกจ้างชั่วคราวก็จะต้องเลิกจ้าง  ครูอัตราจ้างก็จะไม่มี ”

ท่านพูดวาดภาพให้เห็นว่า  จากนโยบายเรียนฟรีสิบห้าปีอย่างมีคุณภาพ  ไม่ให้โรงเรียนเก็บค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มได้อีก  ว่าจะเป็นสาเหตุให้การบริหารการศึกษาล้มเหลว  ทำให้ผลสัมฤทธิ์ด้านต่าง ๆ ลดลงไปด้วย

               “  ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนอะไรทั้งนั้น  ทั้งเสื้อผ้าฟรี อุปกรณ์การเรียนฟรี  จะได้คนละเท่าไหร่ อย่างไร ยังไม่มีอะไรชัดเจนทั้งสิ้น  จะจัดซื้อจัดจ้างอย่างไร ให้โรงเรียนทำเองหรือมาจากเขตพื้นที่ ”

               ท่านผู้อำนวยการกล่าวปรารภต่อที่ประชุมครูประจำเดือน  ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารดีเด่นและวิทยากรระดับต้น ๆ ของเขตพื้นที่การศึกษา  เพื่อให้ครูอาจารย์ทุกท่านเตรียมรับมือกับวิกฤติการศึกษาที่จะเกิดขึ้นต่อไป  และได้แสดงความคิดเห็นอะไรต่อมิอะไรต่าง ๆ อย่างแหลมคมอีกมากมาย

               “ ขอให้ทุกคนเตรียมตัว เตรียมใจ ไว้รองรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น  เราก็จะต้องบริหารจัดการไปเท่าที่จะทำได้  ขนาดเราทำเต็มที่แล้วยังได้เพียงเท่านี้  ต่อไปจะเป็นอย่างไรไม่อยากคาดเดา คุณภาพของนักเรียนก็คงตกต่ำลงเท่ากันทุกโรงเรียน ”

การประชุมยุติลงไปแล้ว  นักเรียนกลับบ้านเกือบหมดแล้ว เพราะครูประชุมทีไรต้องปล่อยเด็กกลับก่อนด้วยการร่นคาบเรียนทุกครั้ง

               แสงแดดอ่อน ๆ ทอทาบอาคารเรียนเป็นเงาทอดยาวตามแสงตะวัน  มันเป็นบรรยากาศยามเย็น 

นกเอี้ยงฝูงเดิมบินลงมาเล่นน้ำจากปลายสายยาง ที่ภารโรงเปิดรดสนามหญ้าเจิ่งนองไปทั่ว   หากินเหยื่อ และใช้เป็นที่ระบายอารมณ์จิกตีกัน ส่งเสียงเจื้อยแจ้วดังก้องไปทั่วโรงเรียนเหมือนเช่นเคย

               สมบูรณ์นั่งเหม่อใจลอยดูฝูงนกเอี้ยงอยู่บนอาคาร  พลางนึกถึงคำพูดของนกเอี้ยงศิษย์รักคนพูดเก่งประจำห้องเมื่อวันก่อน   นึกถึงคำพูดของนกเอี้ยงอาจารย์ประจำกลุ่มภาษาไทยผู้มากด้วยประสบการณ์และอุดมการณ์  นึกถึงคำพูดของผู้อำนวยการนักพูด นักบริหารระดับแนวหน้าที่ยังดังก้องหูของเขาอยู่ตลอดเวลา

               เขาเปรียบครูบางกลุ่มว่าเป็นเหมือนฝูงนกเอี้ยงเช่นเดียวกัน เพราะเอาแต่พูด ๆ ๆ พูดอวดคารม คมคาย  ตีสำนวนโวหาร นินทา ว่าร้ายผู้บริหารเอาแรง ๆ โดยเฉพาะหลังประชุมครู  จะมีเรื่องให้เม้าท์ให้คุยกันมาก  ส่วนใหญ่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้บริหาร  ถึงแม้จะเป็นความคิดเห็นที่ดีแสนดีเพียงใดก็ตาม

เขาเริ่มวิตกกังวลว่า  การศึกษาของไทยล้มเหลวจริง ๆ  หรือ  รัฐมนตรีคนแล้วคนเล่า ผลัดกันเข้ามาแล้วแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย  แล้วใครจะเป็นผู้มาแก้วิกฤติทางการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย   ชี้ตรงไหนก็เจอปัญหาตรงนั้น  หากระบบการศึกษายังไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกจุดแล้วไซร้ ก็คงจะเหมือนกับฝูงนกเอี้ยงที่เอาแต่แหกปากร้องทะเลาะกันตลอดเวลา  โดยไม่คิดเฉลียวใจว่า ต้นไม้และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ กำลังจะเปลี่ยนไป  จะต้องไปทำรัง วางไข่ตามซอกตึกและหลังคา  อนาคตของเยาวชนและของชาติจะเป็นเช่นไร  จะเป็นเหมือนนกเอี้ยงฝูงนี้หรือ  เอาแต่ส่งเสียงโพนทะนาต่อว่าผู้อื่นว่า เป็นต้นเหตุแห่งความล้มเหลวทั้งหลายทั้งปวง  โดยไม่มองที่ตัวเองว่า  มีส่วนทำให้การศึกษาของชาติทรุดหนักลงไปด้วยหรือไม่ 

               ปัญหานักเรียนติด 0 ติด ร เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน  ผู้บริหารคนแล้วคนเล่าพยายามแก้แต่ก็แก้ไม่ได้สักที  ปัญหามาจากทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายนักเรียนหลายคนก็ละเลย ไม่เอาใจใส่ ไม่สนใจ ไม่ยอมแก้ ปล่อยติดสะสมตั้งแต่ ม. 1 ถึง ม. 3 หลายคนติดเป็นสิบ ๆ  วิชา  พอเทอมสุดท้ายของม.3 ก็จบไม่ได้  แต่ก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า  ครูผู้สอนก็มีส่วนอย่างมากที่ทำให้นักเรียนเบื่อเรียน ไม่ไปแก้ ร  เพราะใช้มาตรฐานส่วนตัวสูงเกินไป จุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น ทั้งดุด่า ทั้งตวาดนักเรียนว่า ไอ้โง่ ไอ้ควาย  ไม่มีเหตุผล ไม่ยุติธรรม  นักเรียนซึ่งกำลังอยู่ในวัยที่  “  แรง ” อยู่แล้ว ก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงกันไปใหญ่

ค่ำมืดแล้วที่สนามฟุตบอลเหลือแต่แสงไฟสลัว ๆ เพียงไม่กี่ดวงเท่านั้น นกเอี้ยงฝูงนั้นบินกลับรวงรังไปหมดแล้ว  ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้ว น่ารำคาญ ต่อไปอีก มีแต่ความเงียบสงบเข้าปกคลุม มันเงียบ เงียบเสียจนเหมือนกับป่าช้า สมบูรณ์เข้าเวรกลางคืน  นั่งอยู่บนระเบียงตึก นึกทบทวนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา  ถึงแม้นกเอี้ยงจริง ๆ   มันส่งเสียงเอะอะโวยวายอย่างไร  มันก็เป็นไปตามธรรมชาติของมัน นอกจากไม่มีผลเสียหายอะไรแล้ว  ยังเป็นบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์แห่งธรรมชาติจริง ๆ อีกด้วย   แต่นกเอี้ยงฝูงใหญ่ที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปทั่วโรงเรียน  ทั้งครูและนักเรียนนี่สิ ไม่มีหลับ ไม่มีกลับเข้ารัง มีแต่จะเก็บฝังลึกลงในใจ  รอการแก้ไขจากนโยบายเรียนฟรีสิบห้าปีอย่างมีคุณภาพอยู่  ว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้หรือไม่ และจะทำให้การศึกษาของไทยมีคุณภาพดีขึ้นจริงเพียงใด   หรือจะกลับฉุดให้การศึกษาของชาติล้มเหลวลงไปในทุก ๆ ด้าน เพราะงบประมาณเรียนฟรีสิบห้าปีนั้น  ไม่เพียงพอจะพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาให้ดีขึ้นได้เลย                                            

อนาคตของการศึกษา  อนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร ?

Share this