คุณจะรู้จักฉันมากขึ้น...!!
สมาชิกเลขที่58067 | 28 ธ.ค. 54
1.6K views

คุณเคยอยากจะรู้จักใครจริงๆมั้ยโดยที่ไม่ต้องมองกันที่น่าตา ... ถ้าอยากละก็..?

 

คุณจะรู้จักฉันมากขึ้น...!!!

 

ฉันเป็นผู้หญิงอายุ20ปี แต่ก็ยีงเรียนอยู่ปี1 คงสงสัยใช่มั้ยว่าทำไมยังเรียนปี1อยู่

 

นั่นคือคำถามที่ตัวฉันเอง ก็พยายามที่จะหาคำตอบ...?

 

 

ตั้งแต่เกิดจนจำความได้ ฉันโตที่ต่างจังหวัด พ่อแม่ของฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก พนักงานเงินเดือนธรรมดา พ่อฉันเป็นพนักงงานโรงงาน แม่ของฉันเป็นครูเอกชน ส่วนตัวฉันเติบโตที่บ้านย่า เพราะพ่อกับแม่ไม่มีเวลาดู ฉันเป็นเด็กบ้านนอก100เปอร์เซนต์เต็ม เกินเลยด้วยซ้ำไป ฉันใช้ชีวิตที่บ้านย่าสนุกมากฉันได้วิ่งเล่นกับเพื่อน ฉันได้เล่นดิน เล่นทราย วิ่งตามคันนา ที่สำคัญฉันเป็นเด็กโรงเรียนวัดซะด้วย ย่าชอบเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กเวลาที่ไปเรียน ฉันชอบร้องตามย่า และก็พูดว่า เอาที่นอนฉันมา เอากระเป๋าฉันมา ฉันจะกลับบ้านไปหาย่า ฉันเป็นอย่างนี้ทุกวัน(มันน่าตลกเนอะ) ความทรงจำที่ฉันอยู่บ้านย่านั้นมันมากมาย...แต่ฉันจะเล่าให้ฟังเฉพาะความทรงที่พิเศษที่สุดสำหรับฉันนะ บ้านนอกสมัยก่อนนั้น ไม่มีขนม นมเนย ขายเหมือนในกรุงเทพ ฉันไม่เคยจะได้กินขนมอะไรมากมาย นอกจากหมายฝรั่งที่ขาย2อัน10บาท และฉันก็ได้ตังค์ไปโรงเรียนแค่นั้น

 

แต่ก็ใช้ไม่เคยจะขอย่าเพิ่มเลย และฉันยังชอบแอบเอาขวดนมตัวเองไปป้อนให้แมวกินด้วยแหละ เวลาที่ย่าเผลอฉันจะไไไปอุ้มแมวมานอนบนตักแล้วป้อนนมให้แมว(แต่ฉันไม่กินขวดนั้นนะ) ความแสบของฉันฉายแววเล็กน้อย เวลาที่พ่อแม่มาหานั้น ฉันไม่รู้สึกคุ้นเคยเลย ฉันจะกลัวและชอบวิ่งหนี ฉันจะไปหาเค้าก็ต่อเมื่อเค้ามีขนมมาให้ฉัน:) ฉันเคยวิ่งหนีแม่ไปเข้าป่ามะม่วงเลย ฉันจะแอบอยู่หลังต้นไม้ ฉันยังคงจำได้ขึ้นใจ และความทรงจำกลิ่นไอดินบ้านนาของฉันก็ไม่เคยลืม ฉันชอบไปนากับปู่และย่า ฉันชอบไปวิ่งเล่นตามคันนา วิ่งไปให้สุดขอบฟ้า เหนื่อยก็กลับมานอนที่เถียงนา หิวก็กินลูกหว้าหวานๆ กินลูกตะโก ต้นสูงๆ และกลับบ้านไปกินปลาจากห้วยแถวนา ฉันมีความสุขเพราะชีวิตของฉันไม่ต้องการอะไรมาก ฉันไม่รู้จักคุกกี้ ไม่รู้จักปูไทย รู้จักแค่ผลไม้ตามนา ตามบ้านเท่านั้น ถึงหน้าเกี่ยวข้าวฉันชอบไปนาด้วยเพราะฉันได้เป่าเสียงจากต้นข้าว มันเป็นของเล่นที่ดีที่สุดและสนุกที่สุด มันคือธรรมชาติที่เราสามารถสร้างขึ้นมาเล่นได้ และฉันก็มีความสุขกับมันจนทุกวันนี้ และวีรกรรมสุดท้ายที่เป็นเรื่องพูดกันยังไม่จบจนทุกวันนี้ คือ ความอยากเป็นของฉัน ฉันก็เลยหุงข้าวรอปู่กับย่า กลับมาจากนา แต่หุงไปแล้ว ข้าวมันสุกๆดิบๆ แต่ปู่ก็ยังกินเพราะความรักหลาน คือการให้กำลังใจที่ดีมาก ฉันหัดล้างจานแทนย่าแต่ก็ทำลายจานไปเยอะเช่นกัน แตกหลายใบมาก  ความทรงจำครั้งนี้มันทำให้ฉัน ปู่และย่า เวลาเจอกันท่านจะพูดเรื่องนี้ไม่รู้จักจบ เพราะมันคือความสุขที่เต็มไปด้วยความรัก เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสของทุกคน คือช่วงเวลาดีๆที่ไม่เคยลืม....

 

ฉันเข้ามากรุงเทพตอนอายุ6ขวบ แม่ไปรับฉันที่บ้านย่า ฉันไม่อยากมากับแม่ฉันกอดย่าไว้แน่นตลอดเวลา แต่กอดอีท่าไหนไม่รู้ ฉันหลับแม่เลยอุ้มฉันไป ...พอฉันตื่นขึ้นมา ฉันเห็นตัวฉันนอนบนทีเตียง มีที่นอน (ไม่เคยนอน นอนที่นอนพับ3ตอน) ในห้อง4เหลี่ยมเล็กไม่ใหญ่มาก สูงพอสมควร ฉันก็แหกปากร้องหาย่าทันที “ย่าอยู่ไหนหนูจะไปหาย่า เอาย่าหนูคืนมา”เสียงร้องพร้อมกับพูดไปด้วย แม่โอบกอดฉันไว้ด้วยความรักและปลอบใจฉันด้วยคำพูดที่อ่อนโยนว่า” ลูกมานี่ ต้องตั้งใจเรียน แล้วแม่จะพากลับไปหาย่า ....”ฉันมาเรียนที่นี่ครั้งแรกฉันได้เรียนชั้น อ.3 ฉันยังไม่คุ้นเคยสถานที่ กินข้าวถาดไม่เป็น เพราะกินแต่ปิ่นโต ฉันกลับมาจากร.ร. ฉันจะหยอดตังค์วันละบาทเพื่อเก็บเป็นค่ารถไปหาย่า 1 ปี ผ่านไปฉันได้เจอย่าสมใจ ฉันกอดย่าด้วยความคิดถึงอย่างสุดหัว คิดถึงปู่มากที่สุดในโลก ฉันแกะกระปุกออมสินที่มีตังค์อยู่ออกมานับให้ย่าดูว่าฉันเก็บตังค์ ฉันจะให้ย่า ฉันเก็บได้200กว่าบาท ..

 

ป.1-ป.6 วีรกรรม มากมายจนฉันลืมบ้านนอก ไปเลย เพราะฉันมีเพื่อน มีที่เที่ยวมากมาย แม่พาฉันเดินห้างทุกวันหลังเลิกเรียน Future Park Rangsit  พาฉันทานของแปลกๆจนฉันนั้นน้ำหนักขึ้น จากที่เป็นเด็กผอมๆจนกลายเป็นอ้วนตุ๊ต๊ะ ฉันจะกลับไปอยู่กับย่าช่วงปิดเทอม ฉันก็เริ่มไม่เล่นกับที่บ้านนอก ไม่ใช่เพราะหยิ่งนะแต่เค้าจำเราไม่ได้ แต่ฉันจำได้ทุกการกระทำ ถึงแม้จะไม่อยู่บ้านนอกมาหลายปีแต่ความเป็นบ้านนอกของฉันยังมีเสมอ

ม.1-ม.3 ฉันเป็นตัวอะไรไม่รู้ดื้อมาก ฉันไม่ฟังแม่ และเถียงแม่ตลอด ฉันเริ่มเป็นวัยรุ่นแล้วมั้ง ฉันทำให้แม่หนักใจว่าฉันจะไปทางไหนดี จะดีหรือเลว นะ แม่เป็นห่วงฉันมาก ฉันเคยทำให้แม่เสียใจเพราะคำพูดของฉัน ฉันเรียนดีมากตอนม.ต้น เก่งภาษาอังกฤษ เลยคิดว่าจะต่ออะไรเกี่ยวกับภาษา แต่ก็มาเก่งสังคมฉันชอบเรียนร็เกี่ยวกับสังคม ชอบแผนที่ แต่ความชอบนั้นไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าฉันจะไปทางไหน เพราะตอนนั้นฉันแค่เริ่มต้นเป็นวัยรุ่น อยากมีความมคิดเป็นของตัวเองและเป็นตัวของตัวเอง ฉันเริ่มที่จะนอนคนเดียว เริ่มที่จะอยากมีโทรศัพท์ เริ่มที่อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อน (ลืมบอกว่า ฉันมาอยู่กับพ่อแม่แค่1ปี พ่อกับแม่ก็ซื้อบ้านทาวน์เฮาท์หลังเล็กๆอยู่ เราจึงย้ายออกจากคอนโดนั้น) ตอนม.ตันฉันอ้วนมาก อ้วนจนเป็นช้างน้ำ อายตัวเองเช่นกัน แต่มันคือความจริงเนอะ รูปตอนที่ฉันอ้วนมากๆๆเกือบจะ100โล

พอขึ้นม4.ฉันเลือกเรียนสาย วิทย์-คณิต เพราะคิดว่ามันน่าจะใช่ตัวเราเองละสามารถเลือกได้หลายสาขาถ้าเราต่อมหาลัย แต่ก่อนจะเข้ามหาลัยฉันจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน ฉันยังจะอ้วนแบบนี้หรอ ฉันก็อายเป็นนะ ฉันมีกำลังใจที่จะลดตอนที่ฉันกำลังรดน้ำต้นไม้อยู๋หน้าบ้านของ บ้านตรงข้ามเป็นเด็กวัยรุ่นผู้ชายพวกมันมาล้อฉันว่า ยายช้างน้ำ ฉันงงและเสียใจมากที่มาด่าฉันโดยที่ฉันไม่รู้จักมัน ฉันเลยคิดว่าต้องลบคำสบประมาทคนให้ได้ฉันก็เลย ตั้งใจลดจนเหลือ57กิโล (ตอนนี้อ้วนขึ้นมา10โล 55+)เฮ้อมันยากเย็นจริงๆ มาเข้าเรื่องเรียนต่อดีกว่า ฉันเรียนไปเรื่อย ฉันรู้สึกว่าตัวเองอ่อน

คณิตศาสตร์มาก ทำไมไม่เข้าใจเลย  ฉันก็นั่งคิดว่าอนาคตฉันจะเป็นอะไรดีนะ ? จุดเด่นของฉันคืองานประดิดประดอย ฉันชอบทำมากๆๆๆฉันทำมันออกมาได้ดี ฉันชอบถักๆๆและก็ถักๆๆๆเย็บ ปัก ร้อย และสุดท้ายทำอาหาร ทำผม ฉันชอบมากๆฉันก็เลยจะเรียน ดุสิตธานี เป็นอันว่าเอาแน่นอน เชฟมือใหม่แน่อนอน

 แต่โชคอะไรไม่รู้เข้าข้าง ฉันสอบตรงติด มศว คณะเปิดใหม่ ฉันงงๆๆว่าทำไมเข้าง่ายจังข้อสอบฉันก็มั่วเอาเพราะฉันไม่มีไหวพริบเรื่องกาข้อสอบ ตกตลอด ฉันก็ดีใจที่ได้เรียน มศว เพราะหลายคนที่อยากเข้ามาเรียนแต่ไม่มีโอกาส ฉันดีใจมาก วันแรกที่รับน้องเป็นอะไรที่สนุกมาก แต่พอเรียนไปเรียนมา เรียนทุกๆวัน ฉันเริ่มจะพบตัวเองแล้วว่าไม่ใช่เพราะอะไรรู้มั้ย ฉันไม่มีความสุขกับการเรียนเลย มันไม่เป็นเหมือนตอนที่เค้าพูดให้ฟัง มีแต่อิจฉาริษยากัน ชิงดีชิงเด่น ชิงเป็นศิษย์เอกกัน ฉันไม่เคยได้แสดงความสามารถอะไรเลย ฉันเลยไม่แน่ใจว่าจะอยู่ต่อไปดีมั้ย?

 

จนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในปีนี้มันทำให้ฉันได้ตัดสินใจว่า เราควรจะก้าวต่อไป และหอบใจช้ำอยู่4ปี หรือจะออกมาเรียนใหม่เพื่อความชอบของเราและทำมันได้ดี... สุดท้ายฉันเลือกที่จะออกเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่กับมัน ฉันเสียดายเวลา เสียดายเพื่อน เสียดายเงินค่าเทอมที่เสียไป เสียดายความทรงจำดีๆ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เราจะเริ่มต้นใหม่ เรายังเป็นเพื่อนกันได้ เราเองควรนำบทเรียนที่ได้มาในครั้งนี้มาปรับปรุงกับที่ใหม่ เราจะทำเข้มแข็งและตั้งใจกว่าเดิม ไม่มีใครที่จะรู้ใจตัวเองก่อนหรอกว่าเราควรเลือกอะไร และไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เราเลือกนั้นจะดีที่สุดสำหรับเรา ....ถ้าเราไม่กล้าที่จะเสี่ยง เราก็จะอยู่ที่เดิมตลอดไป

 

ทั้งหมดนี้ก็คือตัวฉัน แต่เป็นตัวฉันคร่าวๆฉันเองเป็นคนธรรมดา ไม่โอ่อ่า ไม่เริ๊ดหรู ไม่ไฮโซ ฉันก็เป็นฉัน เป็นอีฟคนนี้ คนที่ธรรมดาคนนึงเท่านั้นเอง ความน่าสนใจก็ไม่มีอะไรมาก แค่ปากดีและขี้เหงา ชอบเอาแต่ใจตัวเอง และชอบช่วยเหลือคนอื่น จนจะเป็นสังคมสงเคราะห์สัตว์เลี้ยงซะละ ชอบเอาสัตว์พิการ โดนทิ้งมาเลี้ยง มาดูแล (มันน่าสงสารนี่นา) ใครที่มองภายนอกออาจจะไม่ชอบเพราะฉันไม่สวย นิสัยก็อาจจะไม่ดีเพราะคุณมองฉันแค่ภาพลวงตา แต่ถ้ามองด้วยนัยต์ตาคุณจะเข้าใจ...!!!และยิ้มรับฉัน ให้อยู๋ในใจคุณ!!!!:)

Share this