พระฉาว โชว์ถ่อยไม่เลิกโต้นักข่าวช่อง 3 (ดูนาทีที่ 4.29)
สมาชิกเลขที่58067 | 22 ก.ย. 54
1.8K views
พระฉาว โชว์ถ่อยไม่เลิกโต้นักข่าวช่อง 3 (ดูนาทีที่ 4.29)
พระสงฆ์ หมายถึง หมู่พระภิกษุผู้เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เรียนรู้พระธรรม แล้วปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ดำเนินตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้
พระสงฆ์ ทำหน้าที่เป็นศาสนทายาท คือ เป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการรักษามรดกของพระพุทธองค์ คือ พระธรรม แล้วนำออกเผยแพร่สั่งสอนให้ผู้อื่นรู้ตามสืบๆ กันมา โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ทำให้ผู้ที่เกิดมาภายหลังยังมีโอกาสพบพระพุทธศาสนาด้วย
**พระสงฆ์ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) อริยสงฆ์ 2) สมมติสงฆ์
ประเภทอริยสงฆ์ เป็นพระสงฆ์แท้ ๆ เป็นรัตนะโดยสมบูรณ์แล้ว หมายถึง พระสงฆ์สาวกผู้ยอมเสียสละชีวิตเป็นพุทธบูชา ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามแนวมรรคมีองค์ 8 ซึ่งย่อแล้วคงเหลือเพียง 3 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างเคร่งครัด จนกระทั่งกาย วาจา ใจ สงบ เข้าถึงธรรมกายในตน แล้วอาศัยธรรมกายนั้นพิจารณาสรรพสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นภาวะต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ตรัสรู้อริยสัจ 4 หมดกิเลส หมดทุกข์ เป็นผู้ประเสริฐตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระอานนท์ เป็นต้น
ประเภทสมมติสงฆ์ คือ พระสงฆ์สาวกผู้ยังไม่หมดกิเลส แต่กำลังศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรม ปรารภความเพียรเพื่อความหมดกิเลสเศร้าหมองต่าง ๆ อยู่ ซึ่งได้แก่ พระสงฆ์ทั่ว ๆ ไปที่เราพบเห็น
พระสงฆ์ โดยเฉพาะประเภทอริยสงฆ์ ได้ชื่อว่า
1) เป็นผู้ปฏิบัติดี ได้แก่ ปฏิบัติธรรมไปตามทางสายกลาง ซึ่งประกอบด้วยมรรคมีองค์ 8 คือ ไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป จนกระทั่งธรรมกายเกิดขึ้นในตัวและเข้าถึงธรรมกายนั้นถูกต้องตามหนทางที่พระพุทธเจ้าดำเนินมาก่อนแล้ว
2) เป็นผู้ปฏิบัติตรง ได้แก่ ปฏิบัติตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่นอกธรรม นอกวินัย เช่นเดียวกับลูกที่อยู่ในโอวาทของพ่อแม่
3) เป็นผู้ปฏิบัติถูกทาง ได้แก่ ปฏิบัติเพื่อมุ่งความหมดกิเลสอย่างเดียว ไม่สนใจยินดีต่อลาภสักการะ ชื่อเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
4) เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ได้แก่ ปฏิบัติอบรมตนให้มีกิริยามารยาทงาม มีถ้อยคำงดงามดีเลิศ
พระสงฆ์ ผู้เป็นอริยสงฆ์ จึงเป็นแบบอย่างแท้จริงแห่งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามพระพุทธเจ้าของชาวโลก เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาปสาทะ เป็นแรงจูงใจให้ชาวโลกสนใจและศึกษาพระธรรม ต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงธรรมกาย เป็นนาบุญของชาวโลก เป็นแหล่งปลูกฝังเผยแพร่ความดีที่ยอดเยี่ยมของชาวโลก เป็นสัญลักษณ์แห่งความดี ความบริสุทธิ์ และความสงบ
พระสงฆ์ ผู้เป็นอริยสงฆ์ แบ่งออกตามความสามารถในการละกิเลสได้ 4 ประเภท คือ
1) พระโสดาบัน ละกิเลสขั้นต่ำได้ ยังจะต้องเวียนว่ายเกิดในมนุษยโลกเพื่อทำความเพียรต่ออีก แต่ไม่เกิน 7 ชาติ จึงจะหมดกิเลสได้เด็ดขาด
2) พระสกิทาคามี ละกิเลสชั้นกลางได้ จะมาเกิดเพื่อทำความเพียรในมนุษยโลกอีกเพียงชาติเดียวก็จะหมดกิเลสเข้าพระนิพพาน
3) พระอนาคามี ละกิเลสชั้นสูงได้ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็จะเลิกครองเรือน ตายไปแล้วเกิดในพรหมโลก ไม่กลับมาเกิดในมนุษยโลกนี้อีก จะทำความเพียรต่อและบรรลุอรหัตตคุณเป็นพระอรหันต์ที่พรหมโลกนั้น
4) พระอรหันต์ ละกิเลสได้หมดเด็ดขาดทุกชนิด เมื่อสิ้นชีวิตแล้วธรรมกายก็เข้าสู่พระนิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
ผู้ใดตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมตามพระสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นั้นย่อมประสบแต่ความดี ความบริสุทธิ์ ความสงบ และความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป สมควรจะได้รับขนานนามว่าเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง
พระสงฆ์ ทำหน้าที่เป็นศาสนทายาท คือ เป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการรักษามรดกของพระพุทธองค์ คือ พระธรรม แล้วนำออกเผยแพร่สั่งสอนให้ผู้อื่นรู้ตามสืบๆ กันมา โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก ทำให้ผู้ที่เกิดมาภายหลังยังมีโอกาสพบพระพุทธศาสนาด้วย
**พระสงฆ์ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) อริยสงฆ์ 2) สมมติสงฆ์
ประเภทอริยสงฆ์ เป็นพระสงฆ์แท้ ๆ เป็นรัตนะโดยสมบูรณ์แล้ว หมายถึง พระสงฆ์สาวกผู้ยอมเสียสละชีวิตเป็นพุทธบูชา ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามแนวมรรคมีองค์ 8 ซึ่งย่อแล้วคงเหลือเพียง 3 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างเคร่งครัด จนกระทั่งกาย วาจา ใจ สงบ เข้าถึงธรรมกายในตน แล้วอาศัยธรรมกายนั้นพิจารณาสรรพสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นภาวะต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ตรัสรู้อริยสัจ 4 หมดกิเลส หมดทุกข์ เป็นผู้ประเสริฐตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระอานนท์ เป็นต้น
ประเภทสมมติสงฆ์ คือ พระสงฆ์สาวกผู้ยังไม่หมดกิเลส แต่กำลังศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรม ปรารภความเพียรเพื่อความหมดกิเลสเศร้าหมองต่าง ๆ อยู่ ซึ่งได้แก่ พระสงฆ์ทั่ว ๆ ไปที่เราพบเห็น
พระสงฆ์ โดยเฉพาะประเภทอริยสงฆ์ ได้ชื่อว่า
1) เป็นผู้ปฏิบัติดี ได้แก่ ปฏิบัติธรรมไปตามทางสายกลาง ซึ่งประกอบด้วยมรรคมีองค์ 8 คือ ไม่ตึง ไม่หย่อนเกินไป จนกระทั่งธรรมกายเกิดขึ้นในตัวและเข้าถึงธรรมกายนั้นถูกต้องตามหนทางที่พระพุทธเจ้าดำเนินมาก่อนแล้ว
2) เป็นผู้ปฏิบัติตรง ได้แก่ ปฏิบัติตรงตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ไม่นอกธรรม นอกวินัย เช่นเดียวกับลูกที่อยู่ในโอวาทของพ่อแม่
3) เป็นผู้ปฏิบัติถูกทาง ได้แก่ ปฏิบัติเพื่อมุ่งความหมดกิเลสอย่างเดียว ไม่สนใจยินดีต่อลาภสักการะ ชื่อเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น
4) เป็นผู้ปฏิบัติชอบ ได้แก่ ปฏิบัติอบรมตนให้มีกิริยามารยาทงาม มีถ้อยคำงดงามดีเลิศ
พระสงฆ์ ผู้เป็นอริยสงฆ์ จึงเป็นแบบอย่างแท้จริงแห่งผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามพระพุทธเจ้าของชาวโลก เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาปสาทะ เป็นแรงจูงใจให้ชาวโลกสนใจและศึกษาพระธรรม ต้องการปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงธรรมกาย เป็นนาบุญของชาวโลก เป็นแหล่งปลูกฝังเผยแพร่ความดีที่ยอดเยี่ยมของชาวโลก เป็นสัญลักษณ์แห่งความดี ความบริสุทธิ์ และความสงบ
พระสงฆ์ ผู้เป็นอริยสงฆ์ แบ่งออกตามความสามารถในการละกิเลสได้ 4 ประเภท คือ
1) พระโสดาบัน ละกิเลสขั้นต่ำได้ ยังจะต้องเวียนว่ายเกิดในมนุษยโลกเพื่อทำความเพียรต่ออีก แต่ไม่เกิน 7 ชาติ จึงจะหมดกิเลสได้เด็ดขาด
2) พระสกิทาคามี ละกิเลสชั้นกลางได้ จะมาเกิดเพื่อทำความเพียรในมนุษยโลกอีกเพียงชาติเดียวก็จะหมดกิเลสเข้าพระนิพพาน
3) พระอนาคามี ละกิเลสชั้นสูงได้ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็จะเลิกครองเรือน ตายไปแล้วเกิดในพรหมโลก ไม่กลับมาเกิดในมนุษยโลกนี้อีก จะทำความเพียรต่อและบรรลุอรหัตตคุณเป็นพระอรหันต์ที่พรหมโลกนั้น
4) พระอรหันต์ ละกิเลสได้หมดเด็ดขาดทุกชนิด เมื่อสิ้นชีวิตแล้วธรรมกายก็เข้าสู่พระนิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
ผู้ใดตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมตามพระสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นั้นย่อมประสบแต่ความดี ความบริสุทธิ์ ความสงบ และความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไป สมควรจะได้รับขนานนามว่าเป็นชาวพุทธอย่างแท้จริง
ดูคลิปในหมวด: คลิปที่เป็นข่าว