นายโรเบิร์ต เพอร์เวส ที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมออสเตรเลีย และหนึ่งในคณะกรรมการขององค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) แสดงความวิตกว่า ในอนาคตประชากรโลกกว่า 500 ล้านคนอาจจะไม่มีที่อยู่อาศัย หากธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์ และบนเทือกเขาหิมาลัยละลายหมด ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
นายโรเบิร์ต เพอร์เวส เพิ่งได้เดินทางไปสำรวจธารน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ ธารน้ำแข็งโคลัมเบียของประเทศแคนาดา และธารน้ำแข็งขนาดใหญ่อีก 12 แผ่นในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งจากการสำรวจในครั้งนั้น เขาได้พบว่า อุณหภูมิในทะเลกรีนแลนด์นั้นอุ่นขึ้นกว่าเดิมมาก จนทำให้เกิดสัตว์น้ำสายพันธุ์ใหม่อีกกว่า 100 สายพันธุ์ใต้ท้องทะเล
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่า กรีนแลนด์กำลังตกอยู่ในอันตราย และยิ่งไปกว่านั้น หากธารน้ำแข็งกรีนแลนด์ละลายจนหมด อาจทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอีก 9-15 ฟุต หรือประมาณ 2.7-4.5 เมตรเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อประชากรโลกมากกว่า 500 ล้านคนที่ต้องไร้ที่อยู่อาศัย
เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญที่ชาวจีน และชาวอินเดียกว่า 2 พันล้านคนใช้อุปโภคบริโภค เพราะขณะนี้ โรเบิร์ต เพอร์เวส พบว่า น้ำแข็งที่ปกคลุมเทือกเขาหิมาลัยมีความกว้าง และความหนาลดลงจากเดิมที่เคยวัดในช่วงปี ค.ศ.1980 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างกับปริมาณน้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกที่ลดลงไปถึง 50 เปอร์เซ็นต์
เนื่องมาจากความร้อนที่พัดพาเข้าไปในน้ำทะเล ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงไปราว 4-5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเขาย้ำว่า ความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เขาวิตกกังวลต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นอย่างมาก