H.A.C.K 2.4
สมาชิกเลขที่44889 | 25 ก.ค. 54
1.6K views

ตอนนี้มาโนชเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า..  สิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่  คือมนุษย์หรือเปล่า!!



ความพิศดารยังปรากฏไม่จบสิ้น..  ห่างออกไปไม่กี่เมตร จากจุดที่รถตู้พุ่งเข้าชนเสา  

ร่างของคนร้ายที่โดนมาโนชถอยรถชนกระเด็น  เริ่มขยับตัวช้าๆ!!  มันใช้แขนทั้งสองข้าง

ยันพื้นพยุงกายลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง   มันยืนตัวตรงท่าทีไม่มีความเจ็บปวด  แล้วเดิน

ไปเก็บอาวุธของตนที่ตกอยู่  ก่อนจะกลับสมทบกับเพื่อนทั้งสองของมัน..



มาโนชได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ จ้องมองพวกมันราวกับโดนมนต์สะกด..  คนร้ายที่โดน

ยิงจนหน้าแข้งหัก  กลับยืนตัวตรงบนขาที่บิดงอได้ราวกับไม่มีความเจ็บปวด  

ส่วนคนร้ายที่โดนรถชนจนกระเด็นกลิ้งไปกับพื้น  ยังสามารถกลับมาลุกขึ้นยืน

ได้อีกครั้ง   ทั้งๆที่อวัยวะภายในของมันน่าจะโดนแรงกระแทกอัดจนบอบช้ำไปแล้ว?



ทำไม? ทำไม? ทำไม?



ในหัวของมาโนชมีแต่คำถามมากมาย  วนไปวนมาอัดแน่นจนแทบระเบิด  มาโนช

เป็นคนที่เชื่อในหลักวิทยาศาสตร์มาตลอด   เชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ด้วยเทคโนโลยี  

แต่เหตุการณ์ที่กำลังเกิดต่อหน้าเขา  แทบทำให้ความเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์เป็นศูนย์  

ความคิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในระบบสมองของมาโนช  ผุดวาบขึ้น..



“หรือพวกมันจะเป็นผี!! ผีดิบ! ไอ้พวกไม่รู้จักตายเหมือนหนังที่เราเคยดู”

มาโนชคิด   พลางจ้องร่างของคนร้ายทั้งสาม



“ไม่สิ! ของพรรค์นั้นไม่มีทางเป็นจริงแน่  เราต้องฝัน! เราฝันไป!”มาโนชคิดเข้าข้างตัวเอง  

แต่ความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่เต็มบาดแผลบนน่องขวาของเขา  เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดี

ว่า..  มันไม่ใช่ความฝัน!!  แต่เป็นฝันร้ายของจริงต่างหาก



นายตำรวจหนุ่มพยายามใช้สติรวบรวมความกล้า  เขาเหลือบมองอาวุธคู่มือ ในรังเพลิงเหลือกระสุนเพียงหนึ่งนัด..  

หนึ่งนัดไม่เพียงพอสำหรับคนร้ายสามคนเป็นแน่  แถมยังมีมือไรเฟิลที่ซุ่มยิงอยู่อีกคน  รวมเป็นสี่  

ซ้ำร้ายเลือดยังไหลออกมาจากปากแผลบนน่องขวาของมาโนชไม่หยุด   การเสียเลือดในปริมาณมาก  

ฉุดการทำงานของระบบสมองให้ต่ำลงเพราะ  ไม่มีเลือดเพียงพอสำหรับลำเลียงก๊าซอ๊อกซิเจนส่งไปยังสมอง  

ภาพที่มองผ่านนัยน์ตาคมกล้าของนายตำรวจหนุ่มเริ่มพร่ามั่วเลื่อนลอย..  ความหนาวเย็นเข้าจู่โจม

ระบบประสาทจนหนาวสะท้านไปทั้งร่าง   ราวกับเป็นไข้หนัก      



“รู้แบบนี้เชื่อพ่อก็ดีหรอก..” มาโนชคิด  





ตลอดมา.. เท่าที่มาโนชจำความได้  มาโนชเป็นคนกุมหางเสือชีวิตของตนเอง  

เขาอยากเป็นอะไร  อยากทำอะไร  ถ้าแน่วแน่ตั้งใจแล้วไม่มีวันที่ใครหน้าไหน

จะเปลี่ยนความคิดได้





เหมือนการเป็นตำรวจ..   ทางบ้านของมาโนชไม่เคยเห็นด้วยกับการรับราชการ

บ้านมาโนชมีธุรกิจใหญ่โต  ทางบ้านเกือบจะสี่ชั่วอายุคนเป็นเจ้าของ

นิคมอุตสาหกรรมหนัก  ผลิตเหล็ก และ ถลุงแร่  ป้อนให้กับโรงงานรถยนต์  

บางส่วนขายให้กับต่างประเทศ  เงินทอง อำนาจเหลือเฝือ  ตามจริงมาโนชควรจะ

สืบทอดธุรกิจต่อจากพ่อแม่  ทำงานสบายในห้องแอร์  ขับรถสปร์อตหรู  

ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า   อยากได้อะไรก็แค่ยกนิ้วขึ้นชี้    





แต่เขาเบื่อ..  ชีวิตแบบนั้นช่างไร้ค่าและ น่าเบื่อสำหรับมาโนช  เขาอยากทำอะไรที่มัน

มีประโยชน์และท้าทายมากกว่านั้น  คำตอบที่มาโนชคิดได้ก็คือ  ตำรวจ..  

เขาอยากเป็นตำรวจ..    อาจจะเป็นเพราะความเอาแต่ใจตัวเองที่ติดอยู่ในสันดาน

ตั้งแต่เด็ก  เวลาพ่อแม่คัดค้านมาโนชก็ไม่ยอมฟัง  





“ผมจะเป็นตำรวจ!!”  มาโนชยังจำวันที่ตนเองตะคอกใส่หน้าพ่อของเขา  หลังจากเกิดการ

โต้เถียงกันอย่างหนัก   และเป็นวันที่เขาก้าวออกมาจากบ้านได้ดี





พ่อแม่ของมาโนชยังพยายามโน้มน้าวใจ   ลูกชายคนเดียวของพวกเขาอยู่อีกหลายหน  

แต่ก็ไม่เป็นผล   จนในที่สุดก็ล้มเลิกความพยายามที่จะเปลี่ยนใจลูกชาย  ปล่อยให้มาโนช

ทำตามใจ   แต่มาโนชเองคงคิดไม่ถึงว่า   ความดื้อรั้นเอาแต่ใจของเขา  จะกลายเป็นปมเหตุ

ที่ชักนำตนเองมาสู่ความตายก่อนวัยอันควร





รูปการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้  ไม่ว่าจะดูยังไงก็พบแต่ทางตันอันมืดมิดไร้แสงสว่าง  

ขาโดนยิงทะลุเจ็บจนลุกไม่ขึ้น  แถมเสียเลือดมาก...   นอกจากนั้น  คนร้ายที่กำลังเผชิญอยู่ยังน่าสะพรึง

เกินความเป็นมนุษย์เสียอีก  ปืนในมือของพวกมันพร้อมลั่นไกได้ทุกเมื่อเพื่อปลิดชีวิตเขา  





มาโนชผ่อนลมหายใจออกจากปากช้าๆ  บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน   เย้ยหยัน

ในความมุทะลุบ้าดีเดือดของตนเองที่พาความตายมาให้   ตอนนี้มาโนชเหมือนตกอยู่ใน

อุโมงค์มืดอันสิ้นหวัง  ไร้ทางออก  ได้แต่นอนรอความตาย...  





แต่.. จู่ๆเสียงลึกลับก็ดังขึ้นแทรกผ่านความสิ้นหวังของมาโนชอีกครั้ง



“โคมไฟคริสตัลบนเพดานไง!” เสียงลึกลับดังลอดออกมาจากหลังเสาหิน



มาโนชหันควับไปทางเสียงลึกลับ  แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดานของล็อบบี้ธนาคาร

กลางเพดานมีโคมไฟระย้าช่อยักษ์แขวนลอยอยู่   มันเป็นโคมไฟที่ประกอบขึ้นด้วยแก้ว

คริสตัลซ้อนกันเป็นชั้นๆดูหรูหรา   คริสตัลที่ประกอบอยู่บนโคมไฟทอประกายเลื่อม

พราวระยับสะท้อนแสง   ส่องสว่างไปทั่วล็อบบี้ธนาคาร        ขนาดอันใหญ่โตมโหราฬ

และจำนวนแก้วคริสตัลที่ประดับประดาอยู่อย่างมากมาย   บ่งบอกได้ถึงน้ำหนักที่ต้องมาก

เป็นเงาตามตัว    โคมไฟคริสตัลถูกตอกยึดติดกับเพดาน  ด้วยก้านทองเหลืองแท่งเดียว

ที่เชื่อมเข้ากับส่วนตัวของโคมไฟ    ส่วนรอบๆโคมไฟนั้นมีเพียงเส้นสลิงบางๆเท่านั้น  

ที่ช่วยยึดอยู่เพื่อกระจายน้ำหนัก  



นั่นหมายความว่า...    ถ้าหากก้านทองเหลืองขาดลงหรือเสียหายละก็  

เส้นสลิงบางๆพวกนั้นคงยึดโคมไฟเอาไว้ไม่อยู่แน่!!



มาโนชไล่สายตาจากโคมไฟลงมายังพื้น  เขาพบว่าพวกคนร้ายทั้งสามยืนอยู่บริเวณใต้

โคมไฟพอดี!!  ถึงแม้เวลานี้สมองของมาโนชจะมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ  แต่เขาก็ไม่โง่

ขนาดนึกไม่ออกว่าควรจะทำยังไงต่อไป  กระสุนหนึ่งนัด  สำหรับยิงตัดโคมไฟช่อยักษ์

ให้หล่นลงมาทับพวกมัน!!



ถึงทฤษีที่คิดไว้จะดูง่าย  แต่ในทางปฎิบัติกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด   เพราะการจะยิงตัดก้านทองเหลือง

ของโคมไฟ   ซึ่งเป็นเป้าเล็กและอยู่สูงขึ้นไปในอากาศเกือบสิบเมตรไม่ใช่เรื่องง่าย  

และยังต้องยิงเพียงครั้งเดียว  ทั้งๆอยู่ในสภาพร่างกายอันบอบช้ำ



ในสภาพการณ์ตอนนี้มาโนชไม่มีทางเลือก   เมื่อครู่นี้...เขายังหลงอยู่ในอุโมงค์มืด

อันสิ้นหวัง  แต่แล้วจู่ๆก็มีแสงสว่างจุดเล็กๆปรากฏขึ้นในอุโมงค์มืด  ถึงไม่รู้ว่า

แสงสว่างนั้นจะนำพาเขาไปที่ไหน   แต่มันก็คุ้มที่จะลองเสี่ยงดู!!  ดีกว่าท้อแท้

นั่งรอความตาย



มาโนชยกปืนขึ้นประทับเล็งไปยังก้านทองเหลือง  เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาโนชรู้สึกว่า

ปืนคู่ใจของตนเองหนัก..  ความเจ็บปวดจากบาดแผล และ การเสียเลือดมากทำให้ร่างกาย

ของมาโนชอ่อนล้าเกินไป  กล้ามเนื้ออ่อนแรงจนแขนขวาของเขาสั่นระริก ส่งผลให้

ปากกระบอกปืนส่ายเอนไปมา  สั่นจนจับเป้าแทบไม่ได้    ชายหนุ่มจึงใช้มือซ้ายกุมด้ามปืน

ไว้ด้วยเพื่อช่วยประคองอีกแรง   จึงพอจะลดแรงสั่นลงไปได้บ้าง  



มาโนชสูบลมหายใจเข้าจนลึก  พยายามรวมสมาธิให้ได้มากที่สุด  ชายหนุ่มมองผ่านศูนย์เล็งบน

ตัวปืนแล้วหันปากกระบอกไปยังก้านทองเหลืองบนเพดาน   ถ้าเป็นตอนที่สภาพร่างกายสมบูรณ์

ระยะยิงขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่สำหรับมาโนช   แต่ในสภาพร่างกายที่กำลังเสียเลือดมาก

จนตาฝ้าฟาง  แทบจะเป็นคนละเรื่อง!!



ยิ่งเวลาผ่านไปนาน  ภาพที่มาโนชมองเห็นยิงพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ  ขืนรีรอมัวแต่

ตั้งตาเล็งอยู่ล่ะก็เห็นทีคงไม่ทันเวลา  เขาคงหมดสติไปเสียก่อน  มาโนชจึงตัดสินใจ

ในเสี้ยววินาที  ชายหนุ่มบีบมือกระชับด้ามปืนแน่นเข้ามามากที่สุด  แล้วค่อยๆสอดนิ้ว

เขาไปแตะไกปืนพร้อมกับ  เหนี่ยวยิง!!



ปังงง!!





ประกายไฟแล่บกระจายออกมาจากปากกระบอก    กระสุนที่เหลืออยู่เพียงนัดเดียวพุ่งปราด

ออกจากรังเพลิงตามปรารถนาของผู้เป็นนาย   มันวิ่งแหวกอากาศตรงไปยังก้านทองเหลือง

ของโคมไฟ



“โดน โดน  โดนสิวะ!!” มาโนชนั่งรอลุ้นด้วยใจระทึก  เพ่งมองโคมไฟช่อยักษ์เขม็ง

หวังว่ามันจะร่วงลงมาก่อนที่  คนร้ายทั้งสามคนจะลั่นกระสุนใส่เขา



เคร้ง!  เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น   โคมไฟช่อยักษ์ส่ายโคลงเคลงเอนไหวไปมา

แสดงว่ากระสุนไม่พลาดเป้า!!   แต่.. โคมไฟกลับไม่มีทีท่าว่าจะร่วงหล่นลงมาเลย  

มันเอาแต่ส่ายโคลงเคลงเอียงไป เอียงมาอยู่อย่างนั้น



เท่ากับว่า.. ความพยายามของมาโนชไร้ค่า  พวกคนร้ายทั้งสามยกปืนขึ้นเล็งตรง

มาที่เขาอีกแล้ว   คราวนี้โอกาสรอดเป็นศูนย์   ร่างกายบาดเจ็บมากเกินไป

ที่จะมีแรงเคลื่อนไหว  มาโนชได้แต่นั่งหายใจรวยระรินรอความตายอยู่อย่างนั้น..  

รู้สึกว่าโลกที่มองเห็นผ่านสายตาอันพร่ามัวค่อยๆมืดลง มืดลง.. ทุกที ทุกที..



“บัดซบ!!” ชายหนุ่มสบภด้วยความเจ็บใจเป็นครั้งสุดท้าย  



เป๊าะ...!!  เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น  ฟังคล้ายเสียงสิ่งของบางอย่างกำลังแตกหัก



แครกๆ!!  เป๊าะ!! เป๊าะ!!



มาโนชเหลือบตาขึ้นมองไปยังโคมไฟช่อยักษ์  ตอนนี้มันยังไม่หยุดสั่น  หากแต่

สั่นหนักขึ้นเรื่อยๆ!! ช่อโคมไฟเริ่มเอียงกระเท่เร่!!  แล้วแกว่งหนักขึ้น หนักขึ้น



เป๊าะ!  ครืนนนนนนนน!!!   ในที่สุดก้านทองเหลืองที่ยึดโคมไฟเอาไว้ก็รับน้ำหนักไม่ไหว

โคมไฟช่อใหญ่ร่วงวูบลงมาจากเพดาน!!   มาโนชแสยะยิ้ม  ชายหนุ่มจ้องมองภาพวินาที  

ที่โคมไฟกำลังร่วงใส่หัวพวกมันพวกความสะใจ



โครมมมมม!!  เพล้งงงงงงงง!!









โคมไฟที่เต็มไปด้วยแก้วคริสตัลร่วงกระแทกใส่คนร้าย  เกิดเสียงตกกระทบดังสนั่น

ร่างของพวกมันทั้งสามถูกกลืนหายไปในวินาที  นับตั้งแต่ช่อโคมไฟตกกระทบพื้น

แก้วคริสตัลโดนแรงตกกระทบอัดแตกกระจัดกระจาย กลายเป็นเศษเสี้ยวปลิวว่อน

ออกจากตัวโคมไฟ ส่งเสียงดังกังวาล  



หลังจากการตกกระแทกจบลง  มาโนชพยายามเพ่งมองเข้าไปใต้โคมไฟ เขาเห็นแอ่งเลือด

ไหลย้อยออกมาจากโคมใต้ไฟ  แขนของคนร้ายข้างหนึ่งโผล่ออกมา  ข้างๆแขนท่อนนั้น

มีหัวซึ่งสวมหมวกกันน็อคไว้โผล่ออกมาอยู่ใกล้ๆกัน  แสดงว่าพวกมันโดนโคมไฟทับไว้

สองคนแน่ๆ   ทั้งแขนและหัวของพวกมันยังขยับสั่น  หมายความว่าพวกมันยังไม่ตาย!!  

และกับกำลังพยายามเอาตัวลอดออกมาจากการกดทับ  แต่ด้วยน้ำหนักอันมหาศาล

ของโคมไฟ  พวกมันคงทำไม่สำเร็จเป็นแน่...



เท่าที่เห็นมีอยู่สองคน แล้วอีกคนล่ะไปไหน?    



มาโนชแทบไม่ต้องหา  คำตอบก็โผล่ออกมาหาเอง  คนร้ายที่เหลือ  ค่อยๆเดินออกมาจากข้างๆ

ซากโคมไฟที่แตกยับ  มันเป็นคนร้ายที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ  จึงไม่แปลกที่มันจะมีแรงดีดตัว

กระโดดหลบทัน..



คนร้ายที่เหลือเพียงคนเดียวเดินเข้ามาหามาโนช    มันยกปืนขึ้นจ่อหัวเขา

นายตำรวจหนุ่มได้แต่เบิกตามองมันด้วยความเจ็บใจ  เขาแค่นเสียงด่า

อย่างเจ็บแค้น



“ตายยากจริงๆนะ แกนี่!!”



คนร้ายที่เหลือรอดไม่โต้เถียง  มันเพียงลั่นไก



ปัง!!


Share this