ทำไม "กล้วย" จึงเป็นสัญลักษณ์ของการเหยียดผิว
สมาชิกเลขที่201273 | 11 พ.ค. 57
3K views

ในเกมการแข่งขันฟุตบอลที่ต่างประเทศ มักมีเหตุการณ์ปากล้วยใส่นักฟุตบอลผิวสีอยู่หลายครั้ง เช่นที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้อย่าง "ดานี่ อัลเวส" ในเกมระหว่าง บาร์เซโลนา และ บียาร์เรอัล หรือ มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็เคยโดนแฟนบอล อินเตอร์ มิลาน แจกกล้วยมาแล้วเมื่อต้นปี 2013

 

 

โดยความเชื่อเรื่อง “กล้วย” ของชาวต่างชาติจะมีกันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นทางตะวันออกหรือทางตะวันตก โดยทางฝั่งตะวันออกได้ระบุว่า กล้วย นั้นถูก หมอชาวอาหรับในสมัยโรมันคนหนึ่งที่ชื่อว่า Antonius Musa เป็นผู้นำกล้วยจากประเทศอินเดียมาปลูกในตอนเหนือของประเทศอียิปต์ ซึ่งกล้วยสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นได้มาจากป่าลึกที่เป็นอาหารโปรดของพวกลิงทั้งหลาย

 

ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสและอิตาลีก็เคยเรียก “กล้วย” ว่า Fig โดยมาจากคำเต็ม ๆ ว่า Figue d Adam หรือ Fico d Adamo ที่แปลได้ว่า “มะเดื่อของอดัม” และ อดัม นี่ก็คือ อดัมกับอีฟ ในตำนานสร้างโลกของศาสนาคริสต์ ส่วน Fig ก็หมายถึง ใบมะเดื่อที่ อดัม ใช้ปิดอวัยวะเพศนั้นเอง

 

 

จากข้อมูลดังกล่าวจึงทำให้เราสันนิษฐานได้ว่าทำไม “กล้วย” จึงถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของการเหยียดผิวโดยเฉพาะในกลุ่มของชาวยุโรปด้วยกันเอง นั่นก็คงจะเป็นเพราะ “กล้วย” เป็นผลไม้ป่าที่มีที่มาจากชนชาติที่ต่ำต้อยกว่าตนในสายตาของชาวยุโรปทั่วไป อีกทั้ง Banana หรือ “กล้วย” ก็ยังจะหมายถึง อวัยวะเพศของฝ่ายชายที่คนยุโรปเองก็มักจะหยิบมาใช้แสดงหรือด่าทอกันต่อคนที่ตนเองไม่พอใจอย่างอยู่เสมอ ๆ ฉะนั้น ด้วยที่มาดังกล่าวนี้ จึงทำให้ “กล้วย” ได้กลายเป็นความสะใจของคนในชนชาติยุโรปที่จะนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์แทนในการ เหยียดผิวไปในที่สุดนั่นเอง

 

ทั้งนี้ในประเทศโซนยุโรปโดยเฉพาะอิตาลีและสเปนมีผู้อพยพจากแถบแอฟริกาเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงหลายทศววรษที่ผ่านมา จนถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งผู้อพยพ ขณะที่ในช่วงศตวรรษที่ 20 ชาวอิตาลีและสเปนแท้ ๆ หลายล้านคนต่างอพยพหนีความอดอยากไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปแทน

Share this