.............พรุ่งนี้แล้วสินะ จะเป็นวันไปเรียนวันแรกของภาคเรียนที่ ๒ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๖) หลังจากปิดเทอมไปได้ ๑ เดือนกว่าก็ได้กลับไปเรียนไปเจอเพื่อนๆสักทีแล้ว แต่ทว่ายังมีติดเรียน รด.อีก ๔ วันคือวันจันทร์ - วันพฤหัสฯนี้ นั้นหมายความว่าภาคเช้าก็ยังคงต้องเรียน รด. ส่วนภาคบ่ายก็จะได้ไปเรียนตามห้องปกติ ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ฉันจะต้องไปเรียนยิงปืนที่ศูนย์ฝึกนศท.ที่จังหวัดปราจีนบุรีตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยถึอปืนของจริงเลยจะได้ฝึกใช้สมใจก็คราวนี้เห็นจะได้
.............ตั้งแต่เรียน รด. มาจนปี ๒ แล้วก็ยังมีคนถามอยู่เรื่อยๆว่าเป็นผู้หญิงเรียน รด.ไปทำไม? ถามได้เรียน รด.ก็เพื่อไปเป็นทหารกองหนุนรับใช้ชาติในยามมีศึกสงครามไงคะแต่ถ้าตอบตรงๆอย่างนี้เพื่อนๆคงคิดในใจว่าเราอยากเด่นอยากดัง(ต้องเห็นใจนะคะ เพื่อนในเมืองแทบทุกคนเท่าที่ได้สัมผัสมา ๕-๖ ปี เป็นคนเห็นแก่ตัวใครทำตัวเด่นต้องโดนมองว่าเป็นตัวประหลาดแทบทั้งนั้นค่ะ หาคนดีจริงใจก็มีแต่ว่าน้อยค่ะ)ก็เลยต้องตอบไปว่าเรียนไปอย่างนั้นแหละพ่อให้เรียน ดังนั้นใครที่คิดว่าลูกตัวเองเรียน รด.แล้วจะไม่ต้องเป็นทหาร คิดผิดแล้วค่ะ เพราะเรียน รด.ก็เท่ากับว่าเสียเงินมาเรียนเพื่อเป็นทหารกองหนุนยามบ้านเมืองสงบสุขก็ไม่ต้องเข้ารับราชการทหารแต่เมื่อยามบ้านเมืองมีศึกสงครามทุกประเภทจะต้องถูกเรียกตัวเข้ามาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมืองอย่างแน่นอน
.............เปิดเรียนครั้งนี้ฉันรู้สึกว่าพร้อมจะเรียนเป็นพิเศษอาจเนื่องด้วยเพราะฉันเตรียมความพร้อมมาอย่างดีในตอนปิดเทอม ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาฉันเรียน รด.ช่วงเช้า ประมาณเที่ยงๆกลับมาบ้านอาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่นคลายความเหนื่อยล้าจากการฝึก รด.(ใครเรียนก็จะรู้ว่าครูฝึกนั้นโหดไม่แพ้ครูภาษาไทยเลยทีเดียว)แล้วพักผ่อน ๑-๒ ชม.ฉันจึงเริ่มทบทวนบทเรียนที่ได้เรียนมาตอน ม.๔ วิชาที่เน้นๆคือวิชาเคมีและวิชาฟิสิกส์ใช้เวลาทบทวนบทเรียนไป ๒ ชม. โดยประมาณแล้วก็ฝึกพิมพ์ภาษาไทยวันละบทให้คล่องและให้ถูกต้องตามสรีระของนิ้วมือ จากนั้นฉันก็จะไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ตอนเย็น ๑๗.๐๐ น. ก็ออกกำลังกายฟิตกล้ามเนื้อหน้าท้องกับน้องชายวัย ๘ ขวบอยากมีซิกแพ็คบ้างแต่ว่าน้องชายมีนำหน้าไปก่อนแล้วเห็นได้ชัดมาก เป็นอย่างนี้แทบทุกวันบางวันก็หยวนๆวันไหนเหนื่อยมากๆจากการฝึกก็เลื่อนไปทบทวนบทเรียนในช่วงค่ำๆแทน ฉันจึงพร้อมที่จะเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆที่จะได้รับในตอนเปิดเทอมเห็นว่าชีววิทยาม.๕ เทอม ๒ จะเรียนเรื่องการสืบพันธุ์และเรื่องพืชเยอะซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ส่วนวิชาอื่นๆก็น่าสนใจเรียนเเล้วเราเอาไปเรียนรู้ต่อยอดเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันสิ่งของที่อยู่รอบตัวเราได้ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงพร้อมแล้วที่เรียนรู้ต่อไป
..............แม้ว่าฉันจะเป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้ช้ากว่าคนอื่น ทว่าหากฉันได้เรียนทบทวนจนเข้าใจแล้วฉันจะไม่มีวันลืมและนำไปใช้ต่อยอดได้ด้วยฉันแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเพื่อนทำไมมองฉันว่าเป็นคนเก่งคนหนึ่งของห้องแต่ฉันคิดว่าด้วยคะแนนที่ทำได้มันไม่สามารถประเมินได้ว่าคุณเข้าใจในเรื่องที่คุณเรียนจริงๆหรือเปล่าเพราะข้อสอบที่ทำเป็นข้อสอบแบบปรนัยเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด ๑ ข้อ เพราะบางทีฉันก็ทำข้อสอบโดยที่ฉันไม่มั่นใจแล้วก็ตอบไปบางข้อมั่วๆก็ยังถูก ได้คะแนนเยอะเลยก็มี ฉันจึงชอบทำข้อสอบเเบบอัตนัยเป็นที่สุดเพราะมันวัดผลได้จริงวันความรู้ความเข้าใจได้จริงฉันภูมิใจที่สุดเมื่อรู้ว่าเป็น ๑ ใน ๒ คนของห้องที่ทำข้อสอบอัตนัยวิชาเคมีได้เต็มในเทอมแรกของการเรียน ม.๔ จนตอนนี้ ม.๕ จะเทอม ๒ แล้วฉันก็ยังภูมิใจอยู่
.............สุดท้ายนี้ฉันขอบอกเล่าถึงความตั้งใจของฉันก่อนที่ฉันจะขึ้นม.๖ฉันจะต้องทำให้ได้นั้นก็คือ
๑.เรียนให้จบเนื้อหา ม.๖ ก่อนขึ้นชั้น ม.๖(มีเวลาอีกตั้ง ๖ เดือนเรียนเรื่อยๆไปวันละ ๒ ชม.ก็จบทัน)
๒.เก็บออมเงินให้ได้ ๒๐,๐๐๐ บาท(ต้องหารายได้พิเศษทำมีแผนการว่าจะทำธุรกิจกับน้องชายวัย ๑๐ ขวบธุรกิจอะไรและจะสำเร็จหรือไม่ไว้ติดตามกันต่อไปในอนาคต)
๓.อ่านหนังสือที่ซื้อมาให้จบครบทุกเล่ม(ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเรียน)
๔.ทำโจทย์คำนวณ ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ ให้ได้รวมแล้ว ๑,๐๐๐ ข้อ(ทำวันละ ๑๐ ข้อ)
๕.แบ่งเบาภาระพ่อแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
๖.แบ่งปันความรู้ให้กับเพื่อนๆและน้องๆ
ความตั้งใจทั้ง ๖ ข้อนี้ฉันตั้งใจมากที่จะทำให้สำเร็จ ใครก็ตามที่ได้มาอ่านเรื่องราวนี้ขอให้เป็นกำลังใจให้กับดิฉันด้วยนะคะ จะสู้และพยายามเต็มที่เพื่อเป็นกำลังช่วยเหลือคนอื่นต่อไป
จิดาภา เนียมโสต
วันอาทิตย์ที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖