พี่สาวสุดโหด กับ เจ้าน้องชายตัวแสบ
สมาชิกเลขที่16 | 24 ก.ย. 52
7.4K views
วันนี้มีเรื่องจะมาเล่าให้ฟัง เนื่องจากไปอ่าน Blog ของพี่เนตร
เรื่องลดการติดเกมของเด็ก
เรามีประสบการณ์จะมาแชร์ว่าในกรณีศึกษาของเราเป็นยังไงกันบ้าง
ต้องเกริ่นก่อนว่า ครอบครัวเรามีฐานะปานกลางค่อนไปทานจน (555+)
เรา้เป็นพี่สาวคนโต และอายุห่างจากน้องชาย 5 ปี
มันมีช่องว่างระหว่างวัยนิดหน่อย เป็นปัญหาบ้าง แต่เราก็ผ่านมันมาได้
ปัญหาแรกที่เราพอจะจำได้รางๆ คือ ปัญหาพี่รังแกน้อง
ก็เรานี่แหละที่รังแกน้อง หาว่าพ่อแม่รักน้องมากกว่า 555+
อย่าถามเลยว่ารังแกยังไงนะ
เพราะมันเหมือนเด็กผู้ชายสองคนทะเลาะกันอะ =___=
ว่าแล้วก็อายเนอะ คิดไปได้ แต่หยั่งว่า วุฒิภาวะอันนั้นนิดมันคิดได้แค่นั้นจริงๆ
ปัญหานั้นผ่านมาได้ ด้วยพ่อกับแม่ปรับความเข้าใจ
โดยการนั่งคุยกันเลย เราก็พูดไปเลยว่าเราไม่พอใจอะไร
พ่อกับแม่ก็เคลียร์ตรงนั้น เราก็จบ ผ่านมาได้
แต่ปัญหาไม่รู้จบในสมัยนั้น(ของพ่อกับแม่อะนะ)
ก็คือเจ้าน้องชายมันติดเกมมากกกก
ขนาดที่ว่าขโมยกระปุกออมสินเราไปเล่นเกม
ตอนนั้นเราโกรธมาก แทบจะฆ่าได้เลยทีเดียว
ถึงว่าหยอดไปเท่าไหร่มันไม่เต็มซักกะที มีคนมาช่วยใช้นี่เอง !!
เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานานมาก จนพ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ส่วนตัวเราก็ค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูง
กลับบ้านก็เข้าห้องเลยประมาณนั้น
จนมีครั้งนึง น้องชายเราสอบตกอะไรซักอย่าง
คือติด 0 เยอะมากกกก
แล้วพ่อก็นะ ยื่นคำขาด ว่าจะไม่ให้มันเรียนต่อแล้ว
( = * = )a
เราก็เฉยๆ นะ ไม่คิดว่าพ่อจะทำจริง ปกติโอ๋มันจะตาย
(นี่ความคิดอคติกับน้องสุดๆ เลยล่ะตอนนั้น)
แต่แม่ก็ลากเราไปคุย ว่าพ่อกับแม่เอาจิงนะ
แล้วก็ถามเรา ว่าโอเคไหมถ้าจะทำแบบนี้ ( =*= !)
พูดจริงๆ เลยว่า อยู่ๆ เราก็ห่วงน้องขึ้นมาทันที
(ประมาณว่า ถ้ามันไม่เรียนละจะมีชีวิตยังไงล่ะเนี่ย !!)
เราเลยบอกพ่อกะแม่ว่า เดี๋ยวเราขอคุยกะน้องก่อน ละค่อยว่ากัน
( เหมือนมี power นิดๆ 555+)
เราก็ลากน้องขึ้นไปคุยที่ห้องเรา
คุยกันนาน จนได้ข้อสรุปว่า
เราขอโอกาสให้น้องได้เรียนต่อ
และตกลงกันว่าจะไม่มีตกอีกแล้ว
ไม่ว่าจะยังไง จะเล่นเกมก็เล่นได้
แต่เรียนต้องมาก่อน ประมาณนั้น
เราก็มีหน้าที่ตบๆ ให้มันไม่นอกลู่นอกทางเกินไปแค่นั้น
เรียกมาด่า มาสอนบ้างเป็นระยะ
จริงๆเรื่องมันก็นานมากแล้ว
จนตอนนี้น้องชายตัวแสบยังอยู่รอดปลอดภัย
ตอนนี้ก็ยังเล่นเกมอยู่
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนในมหาลัยรัฐ
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนเก่งขั้นเทพ
แต่ตอนนี้ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
ตอนนี้น้องชายเรียนอยู่ปีสามแล้ว
ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อกับแม่หวังไว้มากที่สุด
ทำเป็นเล่นไป
มันได้เกรดเยอะกว่าตอนที่เราเรียนอีกนะนั่นน่ะ 555+
เราดีใจที่วันนั้นเราไม่ตัดโอกาสน้อง
เราดีใจที่น้องสามารถพิสูจน์ตัวเองได้
และเราก็ดีใจ ที่น้องนึกถึงเราเสมอ เวลาที่มีปัญหาอะไร
แต่ไม่ค่อยดีใจ ถ้าโทรมาไถตังนี่แหละ (=___= !)
ปล. ทักษะการสื่อสารบางอย่างใช้ได้กับเฉพาะคนบางประเภท
ปล2. การเอาอารมณ์วางไว้ที่อื่น ก่อนที่เราจะคุย(เป็นการเป็นงาน)
ถือเป็นเทคนิคใหม่ที่เราเพิ่งค้นพบเมื่อวานนี้เอง !?!
(^____^)v
เรื่องลดการติดเกมของเด็ก
เรามีประสบการณ์จะมาแชร์ว่าในกรณีศึกษาของเราเป็นยังไงกันบ้าง
ต้องเกริ่นก่อนว่า ครอบครัวเรามีฐานะปานกลางค่อนไปทานจน (555+)
เรา้เป็นพี่สาวคนโต และอายุห่างจากน้องชาย 5 ปี
มันมีช่องว่างระหว่างวัยนิดหน่อย เป็นปัญหาบ้าง แต่เราก็ผ่านมันมาได้
ปัญหาแรกที่เราพอจะจำได้รางๆ คือ ปัญหาพี่รังแกน้อง
ก็เรานี่แหละที่รังแกน้อง หาว่าพ่อแม่รักน้องมากกว่า 555+
อย่าถามเลยว่ารังแกยังไงนะ
เพราะมันเหมือนเด็กผู้ชายสองคนทะเลาะกันอะ =___=
ว่าแล้วก็อายเนอะ คิดไปได้ แต่หยั่งว่า วุฒิภาวะอันนั้นนิดมันคิดได้แค่นั้นจริงๆ
ปัญหานั้นผ่านมาได้ ด้วยพ่อกับแม่ปรับความเข้าใจ
โดยการนั่งคุยกันเลย เราก็พูดไปเลยว่าเราไม่พอใจอะไร
พ่อกับแม่ก็เคลียร์ตรงนั้น เราก็จบ ผ่านมาได้
แต่ปัญหาไม่รู้จบในสมัยนั้น(ของพ่อกับแม่อะนะ)
ก็คือเจ้าน้องชายมันติดเกมมากกกก
ขนาดที่ว่าขโมยกระปุกออมสินเราไปเล่นเกม
ตอนนั้นเราโกรธมาก แทบจะฆ่าได้เลยทีเดียว
ถึงว่าหยอดไปเท่าไหร่มันไม่เต็มซักกะที มีคนมาช่วยใช้นี่เอง !!
เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังมานานมาก จนพ่อกับแม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ส่วนตัวเราก็ค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูง
กลับบ้านก็เข้าห้องเลยประมาณนั้น
จนมีครั้งนึง น้องชายเราสอบตกอะไรซักอย่าง
คือติด 0 เยอะมากกกก
แล้วพ่อก็นะ ยื่นคำขาด ว่าจะไม่ให้มันเรียนต่อแล้ว
( = * = )a
เราก็เฉยๆ นะ ไม่คิดว่าพ่อจะทำจริง ปกติโอ๋มันจะตาย
(นี่ความคิดอคติกับน้องสุดๆ เลยล่ะตอนนั้น)
แต่แม่ก็ลากเราไปคุย ว่าพ่อกับแม่เอาจิงนะ
แล้วก็ถามเรา ว่าโอเคไหมถ้าจะทำแบบนี้ ( =*= !)
พูดจริงๆ เลยว่า อยู่ๆ เราก็ห่วงน้องขึ้นมาทันที
(ประมาณว่า ถ้ามันไม่เรียนละจะมีชีวิตยังไงล่ะเนี่ย !!)
เราเลยบอกพ่อกะแม่ว่า เดี๋ยวเราขอคุยกะน้องก่อน ละค่อยว่ากัน
( เหมือนมี power นิดๆ 555+)
เราก็ลากน้องขึ้นไปคุยที่ห้องเรา
คุยกันนาน จนได้ข้อสรุปว่า
เราขอโอกาสให้น้องได้เรียนต่อ
และตกลงกันว่าจะไม่มีตกอีกแล้ว
ไม่ว่าจะยังไง จะเล่นเกมก็เล่นได้
แต่เรียนต้องมาก่อน ประมาณนั้น
เราก็มีหน้าที่ตบๆ ให้มันไม่นอกลู่นอกทางเกินไปแค่นั้น
เรียกมาด่า มาสอนบ้างเป็นระยะ
จริงๆเรื่องมันก็นานมากแล้ว
จนตอนนี้น้องชายตัวแสบยังอยู่รอดปลอดภัย
ตอนนี้ก็ยังเล่นเกมอยู่
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนในมหาลัยรัฐ
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนเก่งขั้นเทพ
แต่ตอนนี้ถือว่าดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก
ตอนนี้น้องชายเรียนอยู่ปีสามแล้ว
ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่พ่อกับแม่หวังไว้มากที่สุด
ทำเป็นเล่นไป
มันได้เกรดเยอะกว่าตอนที่เราเรียนอีกนะนั่นน่ะ 555+
เราดีใจที่วันนั้นเราไม่ตัดโอกาสน้อง
เราดีใจที่น้องสามารถพิสูจน์ตัวเองได้
และเราก็ดีใจ ที่น้องนึกถึงเราเสมอ เวลาที่มีปัญหาอะไร
แต่ไม่ค่อยดีใจ ถ้าโทรมาไถตังนี่แหละ (=___= !)
ปล. ทักษะการสื่อสารบางอย่างใช้ได้กับเฉพาะคนบางประเภท
ปล2. การเอาอารมณ์วางไว้ที่อื่น ก่อนที่เราจะคุย(เป็นการเป็นงาน)
ถือเป็นเทคนิคใหม่ที่เราเพิ่งค้นพบเมื่อวานนี้เอง !?!
(^____^)v