ตุ๊กตาดารุมะ ล้มได้ก็ลุกได้

เคยคิดไว้นานแล้วว่า ยังไงๆก็อยากจะลองเขียนเรื่องตุ๊กตารุมะดูอีกสักครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยเขียนบทความเกี่ยวกับเจ้าตุ๊กตาดารุมะมาแล้วครั้งนึง(โดนอาจารย์สั่ง) ก็เลยทำให้พอจะมีข้อมูลกับเค้าอยู่บ้าง(แต่ยังไงก็ต้องไปอ้างอิงมาจากเวบอื่นๆอีกอยู่ดี)
คาดว่าเพื่อนๆหลายคนคงจะพอรู้จักหน้าค่าตา หรือเคยได้ยินชื่อเจ้าตุ๊กตาตัวนี้อยู่บ้าง อาจจะคิดว่าตุ๊กตาอะไรหว่า หน้าตาตลกดีจัง ตัวสีแดงๆ กลมๆ มีแต่หน้า หนวดเครารกรุงรังไปหมด แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกของเราตอนที่ได้พบหน้าเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ครั้งแรกต้องบอกเลยว่า น่ากลัวมาก ตอนแรกนึกว่าเป็นตุ๊กตาสาปแช่งของญี่ปุ่นเขาซะอีก แต่พอได้ลองไปขุดคุ้ยประวัติของเจ้าตุ๊กตาตัวนี้มา ก็ทำให้รู้เลยว่าเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว
ซึ่งเจ้าตุ๊กตาตัวนี้เนี่ย
ถือเป็นเครื่องรางนำโชค ที่จะทำให้สมหวังในสิ่งต่างๆที่ต้องการ เช่น เรื่องเรียน
เรื่องการสอบเข้า หรือเรื่องอะไรต่างๆก็แล้วแต่จะอธิษฐาน
โดยตุ๊กตาดารุมะที่ได้มาในตอนแรกจะไม่มีตาเลยทั้งสองข้าง
และตรงบริเวณคางจะเป็นที่สำหรับเขียนคำอธิษฐาน(บางที่ก็อาจเขียนมาให้แล้ว)
แต่เมื่อเราจะใช้งาน ก็เพียงแค่อธิษฐานขอพร แล้วก็ค่อยๆวาดตาด้วยหมึกสีดำลงไปข้างหนึ่ง
พอสิ่งที่ขอไว้สำเร็จหรือสมหวัง จึงค่อยวาดดวงตาอีกข้างให้ครบ แล้วก็นำไปเผาที่วัด(ของญี่ปุ่นน่ะ)
แต่ของเราเอาที่ใช้แล้วเก็บขึ้นหิ้งเป็นที่ระลึก
ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิดแต่อย่างใด(มั้ง) ก็มันไม่ได้เป็นสิ่งอัปมงคลซะหน่อย ก็เลยอยากเก็บไว้ ซึ่งปีนึงเค้าก็จะเผากันทีนึง และที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะสมหวังหรือไม่สมหวัง ก็จะเอาไปเผาทิ้งกันทุกปี และก็ซื้อตัวใหม่ไปขอพรใหม่
และนอกจากนั้นยังมีความเชื่อในญี่ปุ่นอีกว่า ตุ๊กตาดารุมะสามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ โดยเชื่อว่าเทพฝีดาษไม่ชอบสีแดง จึงมีการนำตุ๊กตาดารุมะไปให้เป็นของเล่นแก่เด็กๆ เพื่อเป็นการคุ้มครองและป้องกันเด็กๆจากโรคฝีดาษอีกด้วย
แล้วรู้หรือไม่ว่านอกจากจะทำให้คนสมหวังแล้ว
ตุ๊กตาดารุมะยังแฝงไปด้วยปรัชญาคำสอนที่แสนลึกล้ำของเซน
ซึ่งผู้ที่เข้ามาเผยแพร่ลัทธินี้ในแถบญี่ปุ่นและจีนก็คือ พระโพธิธรรม(
ภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า โบได ดารุมะ)
ซึ่งพระโพธิธรรมท่านจะสวมจีวรที่มีสีออกไปทางสีแดง และมีหนวด มีเครา
เวลาท่านนั่งสมาธิ มองไกลๆก็คล้ายๆกับว่าเป็นก้อนอะไรกลมๆ ไม่มีแขนและขา(แต่ยังคงเอกลักษณ์หนวดเครารกๆอยู่ :)
จึงเป็นที่มาของเจ้าตุ๊กตาดารุมะว่าทำไมถึงมีลักษณะอย่างที่เห็นกันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
รูปพระโพธิธรรม ที่มาของตุ๊กตาดารุมะ
ซึ่งกว่าที่เราจะประสบความสำเร็จได้ ก็ต้องใช้ความพากเพียร อุตสาหะ มิใช่เพียงแค่ว่า นั่งขอพรจากเทพเจ้าแล้วก็สมหวังไปซะทุกอย่างตามใจเรา ดังนั้นการที่เราขอพรจากตุ๊กตาดารุมะ ก็เหมือนเป็นการตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง แล้วเมื่อมีเป้าหมายแล้วก็ต้องมุ่งหน้า ฝ่าฟันทำให้สำเร็จ ซึ่งบางครั้งบางครา เราอาจต้องล้มลุกคลุกคลาน แต่ก็อย่าได้กลัว เพราะคนเราเมื่อล้มได้ ก็ย่อมลุกได้ เฉกเช่นตุ๊กตาดารุมะ ซึ่งถูกทำให้เป็นตุ๊กตาล้มลุกก็เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ผู้คนว่าอย่าเพิ่งท้อถอยแต่สิ่งเลวร้าย หรือความยากลำบากใดๆ และจงสู้ต่อไป แล้วสิ่งที่เราหวังไว้ก็จะเป็นจริง
http://www.cmjsschool.com/home_tha/?inform_id=2
http://www.oknation.net/blog/thamyzhang/2009/05/13/entry-1
http://www.itti-patihan.com/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B0-%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B0-Daruma-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2011/02/E10200509/E10200509.html
http://www.japanesedollss.ob.tc/page7.htm
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1
โปรดติดตามตอนต่อไป^^
Group02