ปรากฏการณ์ รุ้งกินน้ำกลับหัว
สมาชิกเลขที่43572 | 26 เม.ย. 54
5.4K views
เมื่อเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตกในยามเช้าหรือเย็น วงโค้งรุ้งกินน้ำซึ่งมีอยู่ 7 สี ได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง จะโค้งไปตามส่วนโค้งของเปลือกโลก แต่ในภาพเป็นรุ้งกินน้ำมีวงโค้งตรงกันข้ามกับรุ้งกินน้ำธรรมดา เป็นโค้งกลับด้าน ซึ่งแน่นอนว่าปรากฏการณ์เช่นนี้หาดูได้ยากยิ่ง
การปรากฏของรุ้งกินน้ำส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาสดใส นกส่งเสียงร้องพร้อมกับอากาศดีบริสุทธิ์ แต่เมื่อใดรุ้งกินน้ำปรากฏกลับด้าน จึงเป็นสัญญาณเตือนว่ากลียุคกำลังบังเกิด
รุ้งกลับหัวกลับหางที่ศัพท์ทางอังกฤษเรียกว่า เซอร์คัมเซนิทัล อาร์ก (Circumzenithal Arc) หรือวงแหวนครึ่งขอบฟ้า ซึ่งมีคำอธิบายโดยนักปราชญ์เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ว่านี่คือรอยแสยะยิ้มพญายม (Cruach's Grin)
ทักเกอร์ แม็กคาร์ตนีย์ นักมนุษยวิทยาชาวอเมริกัน ที่ฟิลาเดลเฟีย อธิบายว่า "ครูแอ็ก" เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของชาวเซลติกโบราณ (บรรพบุรุษชาวอังกฤษ) เป็นเทพเจ้าแห่งความตายและการทำลายล้าง การสร้างรุ้งกินน้ำกลับด้านขึ้นบนท้องฟ้าจึงเป็นคำเตือนจากเทพเจ้าครูแอ็กว่า วาระสุดท้ายของโลกกำลังมาถึงแล้ว หรือในคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ได้วาดภาพรุ้งกินน้ำกลับด้านเอาไว้ โดยระบุว่า เป็นลางบอกเหตุว่าโลกกำลังเกิดสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรมขึ้นแล้ว
คำทำนายจากยุคโบราณ หากนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าเข้าเค้า โดยเฉพาะปรากฏการณ์โลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอาจนำพาไปสู่วาระสุดท้ายของโลกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ได้
นักอุตุนิยมวิทยาในยุคปัจจุบันก็มีคำอธิบายถึงการเกิดรุ้งกลับหัวว่า เกิดจากภาวะภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง การเกิดรุ้งกินน้ำธรรมดาเกิดขึ้นโดยแสงแดดสาดส่องผ่านละอองน้ำหรืออากาศชื้นในชั้นบรรยากาศ แต่รุ่งกินน้ำกลับหัวเกิดจากการผสมผสานอย่างผิดธรรมชาติ นั่นคือการผสมปนเประหว่างอากาศร้อนกับอากาศหนาวเหนือชั้นบรรยากาศ แล้วสะท้อนกลับมาเหมือนกระจก จึงเกิดรุ้งกินน้ำกลับหัวขึ้นมา
ดร.แจ็กเกอลีน มิตตอง นักดาราศาสตร์ อวกาศแห่งแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ถ่ายภาพรุ้งกินน้ำกลับหัวภาพนี้ได้จากท้องฟ้าใกล้บ้านพัก
"ฉันไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ฉันอายุ 60 ปีแล้ว ยังแปลกใจกับปรากฏการณ์ประหลาดนี้"
รุ้งกินน้ำกลับหัว เมื่อเกิดขึ้นจะมีแสงสว่างมากกว่ารุ้งกินน้ำธรรมดาหลายเท่า เชื่อกันว่าวงโค้งกลับหัวเกิดจากการสะท้อนแสงมาจากวงแหวนฮาโล หรือฉัพพรรณรังสีของดวงอาทิตย์
นายกรหริศ บัวสรวง โหรชื่อดัง เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำที่เกิดขึ้นในลักษณะกลับหัวที่ประเทศอังกฤษ ในทางโหราศาสตร์ทำนายว่าเป็นลางร้าย และจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบ้านเมืองนั้นๆ ตลอดจนเกิดผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่กับประเทศอื่นๆ ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน ประเทศอังกฤษอยู่ทางทิศตะวันตก มีดาวพฤหัสบดีเป็นตัวแทนประเทศตะวันตก ตอนนี้ดาวพฤหัสบดีเข้าไปอยู่ในภพวินาศของดวงโลก และเมื่อเกิดปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำกลับหัวซึ่งถือเป็นลางร้าย ก็บอกได้ว่าทั่วทั้งโลกจะเกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้งหรือข้อพิพาทระหว่างประเทศ และปะทะสู้รบกันอย่างรุนแรง
"รุ้งกินน้ำกลับหัวดาวทำมุมตรงกันข้าม แม้ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศไทย แต่ก็อาจส่งผลทางอ้อม เช่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็เกิดขึ้นในช่วงที่ดาวพฤหัสบดีอยู่ในภพวินาศ ไทยกับเขมรจะมีปัญหาขัดแย้งกระทบกระทั่งกันตลอดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จากนั้นก็จะเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ" นายกรหริศเผย
นายอรรถวิโรจน์ ศรีตุลา โหรชื่อดัง บอกเช่นเดียวกันว่า รุ้งกินน้ำกลับหัวเป็นเรื่องไม่ดี ให้ระวังภัยพิบัติ ปัญหาภายในบ้านเมือง ปัญหาระหว่างประเทศ จะเกิดการเจ็บป่วย สูญเสียบุคคลสำคัญต่างๆ ของประเทศ
การปรากฏของรุ้งกินน้ำส่วนใหญ่เป็นช่วงเวลาสดใส นกส่งเสียงร้องพร้อมกับอากาศดีบริสุทธิ์ แต่เมื่อใดรุ้งกินน้ำปรากฏกลับด้าน จึงเป็นสัญญาณเตือนว่ากลียุคกำลังบังเกิด
รุ้งกลับหัวกลับหางที่ศัพท์ทางอังกฤษเรียกว่า เซอร์คัมเซนิทัล อาร์ก (Circumzenithal Arc) หรือวงแหวนครึ่งขอบฟ้า ซึ่งมีคำอธิบายโดยนักปราชญ์เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ว่านี่คือรอยแสยะยิ้มพญายม (Cruach's Grin)
ทักเกอร์ แม็กคาร์ตนีย์ นักมนุษยวิทยาชาวอเมริกัน ที่ฟิลาเดลเฟีย อธิบายว่า "ครูแอ็ก" เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่งของชาวเซลติกโบราณ (บรรพบุรุษชาวอังกฤษ) เป็นเทพเจ้าแห่งความตายและการทำลายล้าง การสร้างรุ้งกินน้ำกลับด้านขึ้นบนท้องฟ้าจึงเป็นคำเตือนจากเทพเจ้าครูแอ็กว่า วาระสุดท้ายของโลกกำลังมาถึงแล้ว หรือในคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ได้วาดภาพรุ้งกินน้ำกลับด้านเอาไว้ โดยระบุว่า เป็นลางบอกเหตุว่าโลกกำลังเกิดสงครามระหว่างธรรมะกับอธรรมขึ้นแล้ว
คำทำนายจากยุคโบราณ หากนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ของโลกในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าเข้าเค้า โดยเฉพาะปรากฏการณ์โลกร้อนที่กำลังเกิดขึ้นอาจนำพาไปสู่วาระสุดท้ายของโลกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ได้
นักอุตุนิยมวิทยาในยุคปัจจุบันก็มีคำอธิบายถึงการเกิดรุ้งกลับหัวว่า เกิดจากภาวะภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง การเกิดรุ้งกินน้ำธรรมดาเกิดขึ้นโดยแสงแดดสาดส่องผ่านละอองน้ำหรืออากาศชื้นในชั้นบรรยากาศ แต่รุ่งกินน้ำกลับหัวเกิดจากการผสมผสานอย่างผิดธรรมชาติ นั่นคือการผสมปนเประหว่างอากาศร้อนกับอากาศหนาวเหนือชั้นบรรยากาศ แล้วสะท้อนกลับมาเหมือนกระจก จึงเกิดรุ้งกินน้ำกลับหัวขึ้นมา
ดร.แจ็กเกอลีน มิตตอง นักดาราศาสตร์ อวกาศแห่งแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ถ่ายภาพรุ้งกินน้ำกลับหัวภาพนี้ได้จากท้องฟ้าใกล้บ้านพัก
"ฉันไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน ฉันอายุ 60 ปีแล้ว ยังแปลกใจกับปรากฏการณ์ประหลาดนี้"
รุ้งกินน้ำกลับหัว เมื่อเกิดขึ้นจะมีแสงสว่างมากกว่ารุ้งกินน้ำธรรมดาหลายเท่า เชื่อกันว่าวงโค้งกลับหัวเกิดจากการสะท้อนแสงมาจากวงแหวนฮาโล หรือฉัพพรรณรังสีของดวงอาทิตย์
นายกรหริศ บัวสรวง โหรชื่อดัง เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำที่เกิดขึ้นในลักษณะกลับหัวที่ประเทศอังกฤษ ในทางโหราศาสตร์ทำนายว่าเป็นลางร้าย และจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบ้านเมืองนั้นๆ ตลอดจนเกิดผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่กับประเทศอื่นๆ ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน ประเทศอังกฤษอยู่ทางทิศตะวันตก มีดาวพฤหัสบดีเป็นตัวแทนประเทศตะวันตก ตอนนี้ดาวพฤหัสบดีเข้าไปอยู่ในภพวินาศของดวงโลก และเมื่อเกิดปรากฏการณ์รุ้งกินน้ำกลับหัวซึ่งถือเป็นลางร้าย ก็บอกได้ว่าทั่วทั้งโลกจะเกิดความวุ่นวาย ความขัดแย้งหรือข้อพิพาทระหว่างประเทศ และปะทะสู้รบกันอย่างรุนแรง
"รุ้งกินน้ำกลับหัวดาวทำมุมตรงกันข้าม แม้ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประเทศไทย แต่ก็อาจส่งผลทางอ้อม เช่น ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็เกิดขึ้นในช่วงที่ดาวพฤหัสบดีอยู่ในภพวินาศ ไทยกับเขมรจะมีปัญหาขัดแย้งกระทบกระทั่งกันตลอดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จากนั้นก็จะเริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ" นายกรหริศเผย
นายอรรถวิโรจน์ ศรีตุลา โหรชื่อดัง บอกเช่นเดียวกันว่า รุ้งกินน้ำกลับหัวเป็นเรื่องไม่ดี ให้ระวังภัยพิบัติ ปัญหาภายในบ้านเมือง ปัญหาระหว่างประเทศ จะเกิดการเจ็บป่วย สูญเสียบุคคลสำคัญต่างๆ ของประเทศ