วัดร่องขุน
สมาชิกเลขที่17991 | 21 เม.ย. 54
3.4K views

 

วัดร่องขุน

ประวัติของวัด  
     เมื่อประมาณพ.ศ.๒๔๓๐ ตรงกับสมัยรัชกาลที่๖มีชาวบ้านเข้ามาจับจองที่ดินทำไร่นาบริเวณบ้านร่องขุ่นในปัจจุบันเพียงไม่กี่หลังคาเรือนโดยอาศัยลำน้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำแม่ลาวซึ่งมีลักษณะสีขุ่นเลี้ยงชัพชาวบ้านจึงเรียกว่า ''บ้านฮ่องขุ่น" หรือบ้านร่องขุ่น ในภาษากลางมาโดยตลอด       
     หลังขุนอุดมกิจ เกษมราษฎร์    นำครอบครัวเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านเพื่อขึ้นกว่า๕๐ หลังคาเรือน ท่านจึงคิดสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นในหมู่บ้าน
วัดร่องขุ่นถือกำเนิดครั้งแรก  ณ   ริมฝั่งแม่น้ำลาวทิศตะวันตกใกล้กับน้ำแม่มอญคณะศรัทธาสร้างศาลาและกุฎิเป็นเรือนไม้และได้อาราธนานิมนตพระทองสุข บาวิน จากวัดสันทรายน้อยเป็นเจ้าอาวาท
     มาถึงสมัยคุณพ่อหมี   แก้วเลื่อมใส ได้ย้ายวัดมาตั้งอยู่บริเวณหัวนาของท่านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนด้านทิศตะวันตกติดกับลำน้ำร่องขุ่น ต่อมา กำนันทาดีวรัตน์ เห็นว่าวัดวาเริ่มคับแคบ เพราะ หมู่บ้านใหญ่ขึ้น  จึงได้ย้ายวัด มาอยู่บนที่ดินในปัจจุบันโดยนางบัวแก้วภรรยาของกำนันยกที่ดินให้สร้างวัดจำนวน ๔ ไร่เศษ เมื่อสร้างเสร็จได้นิมนต์พระดวงรจ อาภากโรจากวัดมุงเมืองมาเป็นเจ้าอาวาทและต่อมาพระดวงรจ อาภากโร   ได้ย้ายไปจำพรรษาวัดอื่น ชาวบ้านได้ขออาราธนานิมนต์พระไสว ชาคโร มาเป็นเจ้าอาวาทเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๙ ถึงปัจจุบัน

พระไสว ชาคโร ได้สร้างพระอุโบสถในปี พ.ศ๒๕๐๗และได้อาราธนาพระหินโบราณจากหมู่บ้านหนองสระ อ.แม่ใจ มาเป็นพระประธานในอุโบสถ ปี๒๕๒๐ ได้รับวิสุงคสีมา ปี ๒๕๒๙ ได้บูรณซ่อมแซมกำแพงวัด ปี ๒๕๓๓ สร้างหอฉัน และ ซุ้มประตูวัด ปี๒๕๓๗พระไสว ชาคโรได้รับแต่ง ตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระครูชาคริยานุยุต ปี๒๕๓๔ คณะศรัทธาเห็นว่าวัดสร้างมา ๓๘ ปี   อยู่ในสภาพทรุดโทรมเป็นที่อยู่ของค้างคาวฝูงใหญ่ใช้ทำสังฆกรรมไม่ได้จึงคิดสร้างอุโบสถหลังใหม่
     วันที่๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๘ได้ทำพิธีรื้อถอนอุโบสถ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๘ ได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ในการก่อสร้าง

                        

     วันที่  ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๙ ได้ลงมือก่อสร้างอุโบสถหลังปัจจุบันแต่เสร็จเพียงแค่ โครงสร้างเท่านั้น  ปัจจัยของวัดเริ่มขาดแคลนเพราะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก
     ในปี ๒๕๔๐ อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงระดับชาติเป็นเลือดเนื้อของคนบ้านร่องขุ่นโดยกำเนิดปวารณาตน เข้ามาสานต่อถวายเป็นเป็นพุทธบูชา หวังให้เป็น"งานศิลป์เพื่อแผ่นดิน"ด้วยปัจจัยของท่านเองโดยพระครูชาคริยานุยุตและชาวบ้านไม่ต้องลำบากหาเงินมาสร้างวัด
     อาจารย์ เฉลิมชัย  โฆษิตพิพัฒน์   ได้เข้ามาทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมตามปรารถนาของท่าน   จนทำให้วัดร่องขุ่นสวยงามประทับใจผู้คนที่มาเยี่ยมชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจากวัดร่องขุ่นที่ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดและประเทศชาติ
     โครงการก่อสร้างวัดเมื่อเสร็จสมบูรณ์จะประกอบไปด้วยหมู่สถาปัตยกรรม ๙ หลังมี อุโบสถ หอพระธาตุ หอพระ หอบรรยายธรรม  หอวิปัสสนากุฏิพระซุ้มทางเข้าเขตพุทธราวาส หอศิลป์ ห้องสุขา
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
จากตัวเมืองเชียงรายใช้ ถ.พหลโยธิน (ทางหลวงหมายเลย 1) มุ่งหน้าไปทาง อ.แม่สรวย เมื่อถึงหลัก กม.816 มีทางแยกขวาไปน้ำตกขุนกรณ์(ทางหลวงหมายเลข 1208) แยกไป 100 ม. วัดอยู่ซ้ายมือ
รถประจำทาง นั่งรถสองแถวสีฟ้าสายเชียงราย ลงรถที่สามแยกบ้านร่องขุ่น แล้วเดินต่อเข้าวัด
สิ่งน่าสนใจ
พระอุโบสถ
ด้านนอกสร้างเสร็จไปแล้วราว 60 % เป็นพระอุโบสถสีขาว ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วสามชั้น ด้วยอุโบสถประดับลวดลายปูนปั้น มีช่อฟ้า ใบระกา เป็นรูปนาค มกร และสัตว์ในเทพนิยาย หน้าบันประดับด้วยปูนปั้นสีขาว เป็นรูปพระพุทธเจ้าตรัสรู้
ภายในพระอุโบสถเป็นจิตรกรรมฝาผนังภาพพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ในปางต่างๆ สำหรับองค์พระประธานจะใช้วิธีเขียนภาพลงบนเซรามิกเผาเคลือบ ซึ่งยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ
     นอกจากพระอุโบสถแล้ว ยังมีสิ่งปลูกสร้างอื่นอีก คือ หมู่กุฏิ วิหาร เมรุ ศาลาราย พิพิธภัณฑ์ และศาลารับรอบแขก ซึ่งจะค่อยๆ ดำเนินการก่อสร้างโดยไม่มีเงื่อนไขด้านเวลามาเป็นตัวกำหนด

ที่มา :  http://www.thailand-travel-destination.com/ , http://www.kammatan.com/

Share this