Robert Bunsen ครบรอบวันเกิด 200 ปี
โรเบิร์ตวิลเฮล์ Robert Bunsen (30 มีนาคม 1811 -- 16 สิงหาคม 1899) [1] เป็นนักเคมีชาวเยอรมัน เขาตรวจสอบการปล่อยสเปกตรัมของธาตุน้ำอุ่นและมีการค้นพบ Gustav Kirchhoff ซีเซียม (ใน 1860) และรูบิเดียม (ใน 1861) Bunsen พัฒนาวิธีการวิเคราะห์ก๊าซธรรมชาติหลายแห่งเป็นผู้บุกเบิกในสารเคมีอินทรีย์และได้งานแรกในสาขาวิชาเคมี organoarsenic กับผู้ช่วยห้องปฏิบัติการ, ปีเตอร์ Desaga ของเขาเขาได้พัฒนาเตา Bunsen, การปรับปรุงในหัวเผาในห้องปฏิบัติการแล้วในการใช้งาน รางวัล Bunsen - Kirchhoff สำหรับสเปกโทรสโกเป็นชื่อหลังจาก Bunsen และ Kirchhoff โร เบิร์ตวิลเฮล์ Bunsen เหรียญมีการกำหนดทุกปีโดย European Geosciences Union Robert Bunsen นักวิทยาศาสตร์ที่ให้ไว้ล่วงหน้าอย่างมีนัยสำคัญในด้านของการธรณีเคมี, แร่, ศิลา, และ Volcanology
Bunsen เกิดใน Göttingen, Germany, อายุน้อยที่สุดของโฟร์ซันของบรรณารักษ์หัวหน้าของ Robert Bunsenมหาวิทยาลัยและอาจารย์ของการศึกษาเรื่องภาษาทันสมัย, คริสเตียน Bunsen (1770-1837). [2] หลังจากที่เข้าเรียนใน Holzminden, ใน 1828 Bunsen matriculated ที่ Göttingen และ เรียนเคมีกับ Friedrich Stromeyer, ได้รับปริญญาเอก 1831 การศึกษาระดับปริญญาใน ใน 1832 และ 1833 เขาได้เดินทางไปในประเทศเยอรมนีฝรั่งเศสและออสเตรียที่ซึ่งเขาได้พบกับฟรี ดริช Runge (ผู้ค้นพบนิลีนและใน 1819 ที่แยกคาเฟอีน), Justus von Liebig ใน Gießen, และ Eilhard Mitscherlich ในกรุงบอนน์
อาจารย์มหาวิทยาลัย
In 1833, Bunsen กลายมาเป็นอาจารย์สอนที่ Göttingen และเริ่มต้นการศึกษาทดลองของการละลาย (ใน) ของเกลือโลหะของกรด arsenous วันนี้ การค้นพบของการใช้สารประกอบด้วยน้ำเหล็กออกไซด์เป็นสารตกตะกอนของเขายังคง เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด [ชี้แจงจำเป็น] ยาแก้พิษจากพิษสารหนู In 1836, Friedrich Wöhler Bunsen ประสบความสำเร็จที่โรงเรียนสารพัดช่างของคาสเซิล Bunsen สอนมีระยะเวลาสามปีแล้วได้รับการยอมรับตำแหน่งศาสตราจารย์สมทบที่ มหาวิทยาลัย Marburg, Robert Bunsenซึ่งเขายังคงการศึกษาของเขาในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า cacodyl เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งศาสตราจารย์เต็มใน 1841 Bunsen ทำงานของนำเขาโห่ร้องอย่างรวดเร็วและกว้างส่วนหนึ่งเป็นเพราะ cacodyl ซึ่งเป็นพิษมากและผ่านการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นเองในอากาศแห้งเพื่อให้ยากที่จะ ทำงานกับ Bunsen เกือบตายจากพิษสารหนูและการระเบิดที่มีค่าใช้จ่าย cacodyl เขามองเห็นในตาขวาของเขา In 1841, Bunsen สร้างเซลล์แบตเตอรี่ Bunsen โดยใช้คาร์บอนอิเล็กโทรดแทนทองคำขาวแพงขั้วไฟฟ้าที่ใช้ในเซลล์ไฟฟ้าเคมีวิ ลเลียมโรเบิร์ตโกรฟของ ต้นในปี ค.ศ. 1851 เขาได้รับการยอมรับตำแหน่งศาสตราจารย์ที่ University of Breslau ซึ่งเขาสอนสำหรับสามภาคการศึกษา
ภาพสีดำและสีขาวของชายสองคนวัยกลางคนไม่ว่าจะหนึ่งศอกพิงกับหนึ่งในคอลัมน์ไม้ที่อยู่ตรงกลาง ทั้งสวมเสื้อยาวและสั้นกว่าคนทางด้านซ้ายมีหนวดเครา
Gustav Kirchhoff (ซ้าย) และโรเบิร์ต Bunsen (ขวา)
ในปลายปี 1852 Bunsen กลายเป็นผู้สืบทอดของ Leopold Gmelin ที่มหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก มี ที่เขาใช้ในการผลิตโลหะด้วยกระแสไฟฟ้าบริสุทธิ์เช่นโครเมียม, แมกนีเซียม, อลูมิเนียม, แมงกานีส, โซเดียม, แคลเซียมแบเรียมและลิเธียม การทำงานร่วมกันนานเฮนรี่บีชรีสอร์ท Robert Bunsenเริ่มใน 1852, ในสิ่งที่พวกเขาศึกษาการสร้างโฟโตของไฮโดรเจนคลอไรด์จากไฮโดรเจนและคลอรีน
Bunsen ยกเลิกการทำงานของเขากับ Roscoe ใน 1859 และเข้าร่วม Gustav Kirchhoff เพื่อศึกษาการปล่อยสเปกตรัมของธาตุอุ่นพื้นที่วิจัยที่เรียกว่าการวิเคราะห์ สเปกตรัม สำหรับงานนี้ Bunsen และผู้ช่วยห้องปฏิบัติการ, ปีเตอร์ Desaga ของเขามีสมบูรณ์เตาก๊าซพิเศษโดย 1855, อิทธิพลมาจากรุ่นก่อนหน้านี้ การออกแบบที่ใหม่กว่าและ Desaga Bunsen ซึ่งให้เปลวไฟร้อนมากและสะอาดเรียกว่าตอนนี้เพียงแค่"เตา Bunsen". [3] [4]
ได้มีการศึกษาก่อนหน้านี้สีลักษณะของธาตุน้ำอุ่น แต่ไม่มีอะไรเป็นระบบ ในฤดูร้อนปี 1859, Kirchhoff แนะนำให้ Bunsen ว่าเขาพยายามที่จะฟอร์มสเปกตรัมของสีเหล่านี้เป็นแท่งปริซึม โดยเดือนตุลาคมปีที่สองนักวิทยาศาสตร์ได้คิดค้นเครื่องมือที่เหมาะสมสเปกโตรสโคปต้นแบบ ใช้มันพวกเขาสามารถระบุลักษณะสเปกตรัมของโซเดียม, ลิเธียมและโพแทสเซียม หลังจาก purifications ลำบากจำนวนมาก Bunsen พิสูจน์ว่าบริสุทธิ์สูงตัวอย่างให้สเปกตรัมที่ไม่ซ้ำกัน ในระหว่างการทำงานนี้, Bunsen ตรวจพบก่อนหน้านี้ใหม่สีฟ้าไม่ทราบสายการปล่อยสเปกตรัมในตัวอย่างของน้ำแร่จาก Duerkheim เยอรมนี เขาเดาว่าเส้นเหล่านี้แสดงให้เห็นการดำรงอยู่ขององค์ประกอบทางเคมียังไม่ได้เปิด หลังการกลั่นระวังการตันสี่สิบของน้ำนี้ในฤดูใบไม้ผลิ 1860 เขาก็สามารถแยก 17 กรัมขององค์ประกอบใหม่ เขาชื่อ element"ซีเซียม"หลังจากคำลาตินสำหรับลึกสีน้ำเงิน ปีนี้เขาค้นพบรูบิเดียมโดยกระบวนการที่คล้ายกัน. [อ้างจำเป็น
