ไผ่ มีชื่อบาลีว่า “เวฬุ” “ตจสาโร” “เวณุ” และ “วํโส” (วัง –โส) มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติอยู่ 2 ครั้ง
หลังจากที่พระเจ้าพิมพิสารได้ฟังธรรมที่สวนตาลหนุ่มแล้ว ได้ทูลอาราธนาพระพุทธองค์พร้อมพระสาวก ไปรับพระกระยาหารเช้าที่พระราชนิเวศน์ในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่พระพุทธองค์เสวยเสร็จ พระเจ้าพิมพิสารได้ทูลว่า ที่สวนตาลหนุ่มนั้นอยู่นอกเมือง การเดินทางลำบาก ทรงใคร่ถวายพระราชอุทยานสวนไม้ไผ่ ให้เป็นที่ประทับของพระพุทธองค์ และที่อยู่ของสงฆ์
พระพุทธองค์ทรงรับด้วยพระอาการดุษณี พระเจ้าพิมพิสารจึงหลั่งน้ำจากพระเต้าบนพระหัตถ์พระพุทธองค์ เพื่อเป็นการถวายสวนไผ่ ให้เป็นวัดในพุทธศาสนาแห่งแรก
นอกจากนี้ พระเจ้าพิมพิสารยังโปรดให้ขุดสระน้ำการันธะขึ้น เพื่อให้พระพุทธองค์ได้สรงน้ำด้วย
สวนไผ่แห่งนี้ เดิมเป็นที่ประพาสของกษัตริย์ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “กลันทกนิวาปสถาน” หรือสถานเลี้ยงกระแต เนื่องจากกษัตริย์พระองค์หนึ่งเสด็จมาบรรทมพักที่นั่น พระองค์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงกระแตดังเจี๊ยวจ๊าว จึงทอดพระเนตรเห็นอสรพิษตัวหนึ่งเลื้อยมายังที่บรรทม ทรงรอดชีวิตจากอสรพิษได้เพราะเสียงกระแต จึงพระราชทานทุนทรัพย์สำหรับซื้ออาหารเลี้ยงกระแตเรื่อยมา
อีกเหตุการณ์คือ หลังจากที่พระพุทธองค์ได้ส่งพระสาวกไปประกาศพระศาสนาแล้ว ในคืนวันเพ็ญเดือนสาม พระสาวกจำนวน 1,250 รูป ได้มาประชุมพร้อมกันที่วัดเวฬุวันโดยมิได้นัดหมาย ( พระสารีบุตร บรรลุอรหันต์ในวันนั้นพอดี)
พระพุทธองค์เห็นเป็นโอกาสดี จึงทรงแสดง “โอวาทปาฏิโมกข์” หรือพระโอวาทอันเป็นหลักสำคัญ 13 ประการคือ
“ การไม่ทำชั่วทั้งปวง
การทำความดีให้พร้อม
การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้วนี้เป็นคำสั่งสอนขะงพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขันติคือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง
พระนิพพานพระพุทธเจ้าทั้งหลายกล่าวว่าสูงสุด
ผู้ยังทำร้ายผู้อื่นอยู่ไม่นับว่าเป็นบรรพชิต
ผู้ยังเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ไม่นับว่าเป็นสมณะ
การไม่ว่าร้ายเขา
การไม่เบียดเบียนเขา
การเคร่งครัดในพระธรรมวินัย
การรู้จักประมาณในการบริโภค
การอยู่ในสถานที่สงบสงัด
และการฝึกจิตให้มีสมาธิอย่างสูงเสมอ
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย”
ชาวพุทธยึดถือวันนี้เป็นวันสำคัญทางศาสนา คือวัน “มาฆะบูชา” นั่นเอง
อีกทั้งยังทรงบัญญัติจารีตใหม่ในพระศาสนาคือ ได้ทรงแสดง “วิสุทธิอุโบสถ” คืออุโบสถที่ประกอบด้วยความบริสุทธิ์ (อันต่างจากยัญพิธีในวันอุโบสถของพราหมณ์ แม้จะใช้คำ "อุโบสถ" เหมือนกัน) โดยแบ่งเป็นทางปฏิบัติสำหรับภิกษุ และทางปฏิบัติสำหรับคฤหัสถ์
ทางปฏิบัติสำหรับภิกษุ กำหนดที่วันขึ้นและแรม 15 ค่ำ ให้ภิกษุสวดโอวาทปาฏิโมกข์ เพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ทางวินัย ให้เป็นการซักซ้อม และตรวจสอบถึงความพร้อมเพรียงของภิกษุทั้งหลาย
สำหรับคฤหัสถ์ ทรงบัญญัติที่วันขึ้นและแรม 8 ค่ำ กับวันขึ้นและแรม 15 ค่ำ ในวันนั้น คฤหัสถ์ให้ถือศีล 8
...............................................................................
อ้างอิงเรื่อง และรูป
เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ
เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา เกษมอนันต์พริ้นติ้ง 02-809-7452-4
ศาสตราจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ
พาโนรามา ตามรอยพระพุทธเจ้า อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์ 65/60-62 ถ.ชัยพฤกษ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพ 10170
วรศักดิ์ มหัทธโนบล (คอลัมน์ เงาตะวันออก) นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ ปีที่ 29 ฉบับ1483 ประจำวันที่ 16 – 22 มกราคม 2552