ความนิยมในประเทศอังกฤษ
เรื่องสั้น เชอร์ล็อก โฮลมส์ ที่ลงพิมพ์ในนิตยสารสแตรนด์ ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนผู้อ่านจำนวนมากเชื่อว่า เชอร์ล็อก โฮลมส์ มีตัวตนจริง และพากันเขียนจดหมายไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือ จดหมายจำนวนมากที่ส่งไปยังบ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ ถูกตีกลับมายังที่ทำการไปรษณีย์ เนื่องจากบ้านเลขที่นั้นไม่มีอยู่จริง[19] กล่าวกันว่า โคนัน ดอยล์ มีรายได้จากนวนิยายเรื่องนี้มากกว่างานประจำของเขาเสียอีก
ปี ค.ศ. 1893 เมื่อโคนัน ดอยล์ เริ่มคิดพล็อตนิยายได้ยากขึ้น และต้องการจะหันไปทุ่มเทกับงานเขียนด้านอื่นที่เขาเห็นว่ามีคุณค่ามากกว่า เขาได้เขียนเรื่องสั้นตอน ปัจฉิมปัญหา (The Final Problem) ให้เชอร์ล็อก โฮลมส์ พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้และพลัดตกเหวไป เพื่อจบบทบาทของเชอร์ล็อก โฮลมส์เสีย ผลปรากฏว่า ผู้อ่านพากันต่อว่าต่อขานโคนัน ดอยล์ อย่างเคียดแค้น สมาชิกนิตยสารสแตรนด์ บอกยกเลิกสมาชิกภาพถึงกว่าสองหมื่นคน บางคนถึงกับไว้ทุกข์ให้แก่เชอร์ล็อก โฮลมส์ มีจดหมายจำนวนมากส่งไปถึงโคนัน ดอยล์ เพื่อเค้นถามข้อเท็จจริงว่า โฮลมส์ตกเหวไปแล้วตายจริงหรือเปล่า จนในที่สุดโคนัน ดอยล์ ทนไม่ไหว จึงปล่อยเรื่องยาว หมาผลาญตระกูล ออกมาในปี ค.ศ. 1901 ทำให้ผู้อ่านตื่นเต้นยินดีมาก แต่ก็ยังไม่หายสงสัย เพราะเหตุการณ์ในเรื่อง หมาผลาญตระกูล เป็นเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะต่อสู้กับศาสตราจารย์มอริอาตี้ ข้อกังขาว่าโฮลมส์ตกเหวแล้วตายหรือไม่ จึงยังมิได้ไขกระจ่าง[20]
ในที่สุด โคนัน ดอยล์ แต่งเรื่องสั้นชุด "คืนชีพ" (The Return of Sherlock Holmes) ในปี ค.ศ. 1903 เป็นการตอบคำถามว่า เชอร์ล็อก โฮลมส์ ยังไม่ตาย หลังจากนั้น เขาก็แต่งเรื่องยาวและเรื่องสั้นอีกหลายเรื่อง[21]
ในปี ค.ศ. 2002 สมาคมเคมีแห่งราชสำนักอังกฤษ ได้มอบตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ (Extraordinary Honourary Fellowship) ให้แก่ เชอร์ล็อก โฮลมส์ ในฐานะนักสืบคนแรกที่นำศาสตร์ทางเคมีไปประยุกต์ใช้กับงานสืบสวน ในโอกาสครบรอบหนึ่งร้อยปีการคลี่คลายคดี หมาผลาญตระกูล และครบรอบหนึ่งร้อยปีการรับบรรดาศักดิ์อัศวินของเซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์[22]
ปี ค.ศ. 2007 หนังสือพิมพ์ Beeton's Christmas Annual 1887 ซึ่งตีพิมพ์เรื่อง เชอร์ล็อก โฮลมส์ ตอนแรกสุด ได้รับประมูลไปในราคา 156,000 เหรียญสหรัฐ[23]
สมาคม
ปี ค.ศ. 1934 มีการก่อตั้ง สมาคมเชอร์ล็อก โฮลมส์ ขึ้นในกรุงลอนดอน และ หน่วยลาดตระเวนถนนเบเกอร์ ก็ตั้งขึ้นในกรุงนิวยอร์ก สมาคมทั้งสองนี้ยังคงมีกิจกรรมต่อเนื่องอยู่จนถึงปัจจุบัน (แม้ว่าสมาคมเชอร์ล็อก โฮลมส์ จะสลายตัวไปในปี 1937 แต่ก็ได้กลับฟื้นขึ้นใหม่ในปี 1951) และยังมีสมาคมเชอร์ล็อก โฮลมส์ ตั้งขึ้นในประเทศอื่น ๆ อีก เช่น ในเดนมาร์ก อินเดีย และญี่ปุ่น
พิพิธภัณฑ์
ระหว่างงานเทศกาลใหญ่ในอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1951 มีการก่อสร้างห้องนั่งเล่นของเชอร์ล็อก โฮลมส์ เพื่อแสดงในนิทรรศการเชอร์ล็อก โฮลมส์ โดยจำลองของสะสมของโฮลมส์และองค์ประกอบต่าง ๆ ตามที่มีระบุในนิยาย หลังปิดงานนิทรรศการ ข้าวของเหล่านั้นนำไปเก็บไว้ที่ผับเชอร์ล็อก โฮลมส์ ในกรุงลอนดอน และบางส่วนนำไปเก็บไว้กับพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของโคนัน ดอยล์ ในเมืองลูเซนส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมา ในปี ค.ศ. 1990 มีการก่อตั้ง พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮลมส์ ที่บ้านเลขที่ 239 ถนนเบเกอร์ ในกรุงลอนดอน[19] และที่เมืองไมริงเกน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในปีต่อมา แต่พิพิธภัณฑ์สองแห่งนี้แสดงข้อมูลของโคนัน ดอยล์ มากกว่าข้อมูลของโฮลมส์
พิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮลมส์ ที่ "221 บี ถนนเบเกอร์" นับเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในโลกที่ตั้งขึ้นสำหรับตัวละครในนิยาย[24]
อนุสาวรีย์
อนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮลมส์ ตั้งอยู่ที่ด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดินถนนเบเกอร์ นอกจากนี้ ยังมีอนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮลมส์และวัตสัน ที่สถานทูตอังกฤษในกรุงมอสโคว์ เป็นผลจากความโด่งดังของโฮลมส์ที่นำไปจัดทำเป็นรายการโทรทัศน์ในรัสเซีย [25]
ที่เมืองไมริงเกน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอกจากเป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์เชอร์ล็อก โฮลมส์แล้ว ยังเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เชอร์ล็อก โฮลมส์ด้วย เมืองนี้ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ โดยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกไรเคนบาค (Reichenbach Falls) ซึ่งเป็นสถานที่ที่โฮลมส์ ต่อสู้กับ มอริอาร์ตี้ จนพลัดตกเหวไป[26]
อิทธิพลต่องานอื่น
ภาพลักษณ์ของเชอร์ล็อก โฮลมส์ คือ การสวมเสื้อคลุม หมวก และคาบไปป์ กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ ภาพยนตร์และละครหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนักสืบมักแต่งตัวตามอย่างโฮลมส์เช่นนี้ และยังมีนวนิยายแนวสืบสวนอีกหลายเรื่องที่ได้รับอิทธิพลจาก เชอร์ล็อก โฮลมส์ โดยตรง เช่น
- หนังสือและภาพยนตร์การ์ตูนจากประเทศญี่ปุ่น เรื่อง ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮลมส์ค่อนข้างมาก ทั้งบุคลิกของตัวละครหลัก และชื่อของตัวละครที่นำมาจากชื่อกลางของเซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์
- ตัวละครหลักในละครทีวีเรื่อง เฮาส์ เอ็ม.ดี. คือ เกรกอรี่ เฮาส์ ก็ได้รับอิทธิพลจากเชอร์ล็อก โฮลมส์ ทั้งในการชอบใช้ยา (เฮาส์ติดยาแก้ปวด ส่วนโฮลมส์สูบไปป์และเคยใช้โคเคน) ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้ เฮ้าส์ใช้เทคนิคเดียวกันกับโฮลมส์ในการตรวจวิเคราะห์ปัญหาของผู้ป่วยของเขา เพื่อนสนิทของเฮ้าส์ คือ ดร.เจมส์ วิลสัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากชื่อที่คล้ายกัน คือ เฮ้าส์-โฮลมส์ กับ เจมส์ วิลสัน-จอห์น วัตสัน นอกจากนี้ ยังมีตัวละครที่ชื่อ มอริอาตี้ (ชื่อเดียวกับอริของโฮลมส์) ปรากฏตัวในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่สอง และเกือบจะสังหารเฮ้าส์ได้สำเร็จ[27] นอกจากนั้นที่อยู่ของเฮาส์คือเลขที่ 221 บี เช่นเดียวกับโฮลมส์
- พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ ทรงได้รับแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากเรื่องชุดเชอร์ล็อก โฮลมส์ในการพระราชนิพนธ์นิยายนักสืบชุด นิทานทองอิน บรรยายพฤติการณ์ของ "นายทองอิน รัตนะเนตร์" ซึ่งมีอาชีพเป็นนักสืบ มีสหายคู่ใจผู้ร่วมผจญภัยและเป็นผู้เล่าเรื่องแต่ละตอน (ทำนองเดียวกับ นพ. วัตสันในเรื่องเดิม) ชื่อ นายวัด มีอาชีพเป็นหมอความหรือทนาย พฤติการณ์หลายเรื่องของนายทองอินได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องของเซอร์อาเธอร์ โคแนน ดอยล์ แต่บางเรื่องก็ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องนักสืบของผู้อื่น เช่น เอดการ์ อัลลัน โป และมีบางเรื่องที่พระราชนิพนธ์ขึ้นเอง