วิธีดับความร้อนของ ใจ
สมาชิกเลขที่23 | 02 มี.ค. 54
1.4K views

ทำไม๊ ทำไมอากาศมันถึงได้ร้อน ร้อน และร้อนขึ้นทุกวี่วันแบบไม่มีทีท่าว่าจะเย็นขึ้นมาเลย อากาศร้อน คนก็ยิ่งร้อนตาม หรือคุณว่าไม่จริง เพราะทุกวันนี้จะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนใจร้อน รีบเร่ง เบ่งอำนาจ ปราศจากความเมตตา แถมยังชอบบ้าคลั่งใส่กันอีกด้วย งาน นี้เลยไม่รู้ว่าจะสงสารคนหรือสงสารโลกก่อนกัน เพราะโลกอาจร้อนขึ้นทุกวัน แต่ถ้าคนร้อนขึ้นแบบฉับพลัน ก็น่ากลัวกว่ากันเยอะค่ะ ฉะนั้นสาวชิคอย่างเรา อย่าปล่อยให้ความสวยและความชิคหายไป เพียงเพราะเอาอารมณ์เป็นใหญ่กันอีกต่อไปเลย ได้เวลาแปลงร่างเป็นน้ำแข็งกันแล้วล่ะค่ะ

1.Countdown ในใจ เรื่อง อารมณ์มันไม่เข้าใครออกใคร เพราะถึงแม้ปกติคุณจะเป็นนางฟ้า แต่จู่ๆ ถ้าเกิดน้ำโหขึ้นมา ก็อาจกลายเป็นนางฟ้าจำแลงแปลงร่างเป็นแม่มดก็เป็นได้ ฉะนั้นเราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ให้เป็นค่ะ ถึงแม้จะระงับไม่ได้แต่ทำให้หนักกลายเป็นเบาได้ โดยวิธีง่ายๆ ก็คือการนับถอยหลังในใจ จะ 1-10 หรือ ถ้าร้อนมากก็ 1-100 เลยก็ได้ไม่ว่ากัน ซึ่งวิธีนี้สามารถช่วยลดระดับองศาความร้อนลงมาได้อย่างน้อยๆ ก็เกือบครึ่งเลยทีเดียว เพราะเมื่อเวลาคนเราโมโห อะไรๆ ก็ดูแย่และอยากจะพุ่งเข้าชนไปซะหมด แต่ถ้าคุณได้อาศัยเวลาเพียงน้อยนิดถ่วงเอาไว้สักหน่อย มันก็เหมือนคนจะตัวตายแต่มีใครมาเตือนสติทัน พอหลังจากนั้นความคิดที่เคยอยากจะดันทุรังก็หายไป เพราะมาคิดได้ว่า “ทำไปแล้วได้อะไร” นั่นสินะ แล้วคุณล่ะคิดได้หรือเปล่าว่าการโมโห โกรธา บ้าระห่ำ ทำหน้ายักษ์เนี่ย มันน่ารักตรงไหนกัน

2. ความเงียบช่วยได้ คน ส่วนใหญ่เวลาโมโห ก็มักจะทำตัวกร่างและชอบหาทางระบายอารมณ์ด้วยการตะโกนด่า ว่ากล่าวคนอื่น ฝืนความรู้สึกไม่เป็น แถมยังเห็นคนอื่นเป็นเหมือนส้วม ที่คอยแต่จะเอาเรื่องร้ายๆ ไปยัดเยียดให้เขารู้ ทั้งๆ ที่เขาน่ะอยากรู้รึเปล่าก็ไม่เคยถาม ฟังแล้วน่าสงสารคนเป็นส้วมสุดๆ ลองวิธีใหม่มั้ย ง่ายๆ เพียงแค่ปิดปากเงียบ ฟังแล้วอาจตลกว่าความเงียบจะช่วยอะไร๊ มีแต่จะทำให้อึดอัดตายกันเปล่าๆ แต่เราขอบอกว่าไม่เลยค่ะ เพราะคุณไม่คิดบ้างหรือว่าการที่เราแสดงพฤติกรรมอะไรออกไปเวลาโมโหมันน่าดู นักหรือไง แถมใครๆ จะพาลรังเกียจเอาได้ด้วยนะ ฉะนั้นถ้าโมโหมา ลองหาที่นั่งสบายๆ เงียบๆ แล้วลองใช้สมองที่มีอยู่ตอนนั้นคิดเอาว่า เราโกรธอะไร หัวเสียเพราะใคร ร้ายแรงขนาดไหน และสุดท้ายลองวิเคราะห์ดูว่า “จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย หรือเป็นแค่ติ่งตอยที่กวนจิตใจเท่านั้น” ถ้ายังคิดไม่ได้ก็ให้เวลากับตัวเองซักหน่อย เพราะมันคุ้มค่ากว่านะกับการที่เสียเวลาเพียงเล็กน้อยในการขบคิด ดีกว่าโดนพิษโมโหทำร้าย ที่สำคัญไม่ได้ทำร้ายคนอื่นเพียงอย่างเดียว แต่มันกลับทำร้ายจิตใจคุณด้วยต่างหาก แล้วมันเรื่องอะไรที่คุณจะต้องมาเสียความรู้สึกดีๆ ไปเพราะเรื่องแค่นี้ล่ะ จริงมั้ย?

3. ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ถึง เวลายึดคำสุภาษิตนี้ไว้ใช้แล้วล่ะค่ะ เพราะอารมณ์ร้อน มักมีสาเหตุมาจากความเร่งรีบซะส่วนใหญ่ ใจร้อนเพราะอยากให้งานเสร็จ ร้อนใจเพราะอยากเสร็จทันเวลา หรือแทบเป็นบ้าเพราะอยากจะได้มาซึ่งอะไรที่หวัง โดยลืมคิดไปว่า ทุกอย่างมีขั้นมีตอนของมัน บางอย่างต้องใช้เวลานาน ยิ่งนานก็ยิ่งดี และบางทีความรวดเร็วก็ทำให้อะไรๆ ไปเร็วเช่นกัน ฉะนั้นลองใช้ชีวิตแบบช้าๆ ดูบ้าง ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงให้เป็นคนอืดอาดหรอกนะคะ แต่หมายถึงการมองชีวิตให้ไหลไปตามสิ่งที่มันควรเกิดดูบ้าง เช่น ถ้าคุณเคยรู้สึกหงุดหงิดเพราะรถติด ทำไมไม่ลองคิดล่ะว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา ที่ถึงแม้คุณอยากจะปาไฟจราจรทิ้ง แต่แล้วมันก็ไม่ได้ช่วยให้รถขยับได้ไกลขึ้น ทำไมไม่ลองคิดดูว่า การที่เราปล่อยชีวิตให้ช้าดูบ้างก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน คิดซะว่าเป็นการพักเหนื่อยระหว่างวัน ก่อนที่จะต้องไปฝ่าฟันกับผู้คนนับพัน ขอบอกว่า “แม้อะไรๆ จะช้า แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแย่เสมอไป บางทีการรีบร้อนไปอาจทำให้อะไรๆ แย่ไปกว่าเดิมก็ได้” ใจเย็นๆ เข้าไว้ค่ะ

4. นั่งสมาธิ วิธี นี้เป็นหนทางสุดท้ายและยังเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับการบำบัดคนใจร้อน ดียังไงน่ะเหรอ ก็เพราะการนั่งสมาธิ จะช่วยทำให้อารมณ์ของเราเย็นลงและสงบขึ้น อย่างน้อยๆ วันละ 15 นาทีก่อนนอน รับรองว่าเรื่องอะไรในหัวที่เคยไหลเวียนวนไปวนมา จนทำเอาเรานอนไม่หลับ กระสับกระส่าย แถมยังไม่สบายกายเวลาตื่น ทั้งหมดนั้นจะหายเป็นปลิดทิ้งแน่ๆ นอกจากนี้ การนั่งสมาธิจะช่วยทำให้เราเป็นคนมีสติมากขึ้น คิดรอบคอบขึ้นและทำอะไรอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทีนี้ล่ะ พอเราเจออะไรมา จากที่เคยหงุดหงิดง่าย กลับสลายตัวไปเร็วอย่างกับเซลล์ที่ตายแล้วแน่นอน คอนเฟิร์มค่ะ

อย่างที่มีคนพูดกันว่า “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า” ฉะนั้นถ้าไม่อยากบ้า ไม่อยากโง่ ก็อย่าไปโชว์อารมณ์ร้อนให้ใครเขาเห็นอีกล่ะ เพราะมันไม่ชิคเลยนะคะสาวๆ

by Intira  Sriumnouy
ที่มา http://www.chicministry.com

ขอบคุณข้อมูลจาก yenta4.com

Share this