พระศพฟาโรห์ตุตันคาเมน อียิปต์
สมาชิกเลขที่95771 | 15 ก.ค. 55
8K views

 

 


สื่อมวลชน ห้อมล้อมพระศพฟาโรห์ตุตันคาเมน ที่เผยร่างใต้ผ้าให้เห็นกันเต็ม ตา

เอเอฟพี/บีบีซีนิวส์/เอ พี – อียิปต์เผยโฉมพระพักตร์ที่แท้จริงของ “ตุตันคาเมน” ยุวกษัตริย์แห่งไอ ยคุปต์ นำร่างมัมมีออกจากโลงหินสู่ตู้กระจก เพื่อควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ถือ เป็นการเก็บรักษาไปในตัว หลังมีผู้คนเข้าชมจำนวนมากมายในแต่ละปี พร้อมนำ แบคทีเรียและความร้อนเขามาด้วย ถือเป็นการจัดแสดง “ร่างมัมมีพระศพ” ให้แก่ สาธารณชนได้ชมเป็นครั้งแรก นับจากค้นพบฟาโรห์วัย 19 และสิ้นสุดการค้นหาสาเหตุ แห่งการสิ้นพระชนม์เมื่อ 3,000 ปี ก่อน

เหล่านักโบราณคดีค่อยๆ บรรจงเคลื่อนย้ายพระศพ มัมมีฟาโรห์ “ตุตันคาเมน” (Tutankhamen) ออกจากบศพหินแบบ โบราณ ที่ประดับตกแต่งไว้อย่างงดงาม มาไว้ในตู้กระจกที่มีการควบคุมอุณหภูมิภาย ในเป็นอย่างดี จัดแสดงไว้ในที่ฝังศพของพระองค์ ณ หุบผากษัตริย์ ในเมืองลักซอร์ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่าน มา

 


บรรดาผู้ วชาญและนักโบราณคดีกำลังค่อยเคลื่อนย้ายพระศพ จากโลงหินสู่โลงกระจก เพื่อ เหตุผลในการรักษาสภาพ ส่วนการเปิดให้สาธารชนเยี่ยมชม คือผลพลอย ได้

การเผยร่างกายมัมมีที่แท้จริงของตุตัน ตาเมน หรือ คิงตุต (King Tut) นั้น นับเป็นครั้งแรกหลังค้นพบพระศพมัม มีในปี พ.ศ.2465 โดยโฮเวิร์ด คาร์เตอร์ นักสำรวจชาวอังกฤษ ซึ่งนับจาก นั้นกว่า 80 ปี มีเพียง 50 คนเท่านั้นที่มีโอกาสเห็นพระพักตร์จริงๆ ของฟาโรห์ หนุ่มที่สิ้นพระชมน์มานานกว่า 3,000 ปี

หลังจากที่เหล่าผู้วชาญเคลื่อนย้ายพระ ศพฟาโรห์ที่ดังที่สุดแห่งศตวรรษเข้าสู่ตู้กระจกแล้ว ก็เปิดผ้าลินนินสีขาวที่ห่อ มัมมีเป็นชั้นสุดท้าย เผยให้เห็นร่างไร้วิญญาณหลายพันปี ซี่งพระศพที่เห็นใน ปัจจุบันมีลักษณะหดตัว และเป็นสีดำทั้งร่าง รวมถึงใบ หน้า

การเคลื่อนย้ายครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการ อนุรักษ์ร่างกายส่วนที่เหลือของคิงตุต ซึ่งนักโบราณคดีเปิดเผยว่า มัมมี ต้องเผชิญกับความร้อน ความชื้น และแบคทีเรียต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากนำ เข้ามา ขณะเยี่ยมชมหลุมฝังศพกษัตริย์องค์น้อยในแต่ละ ปี

“กษัตริย์แห่งทองคำพระองค์นี้ ทั้งน่าอัศจรรย์และ ลี้ลับ ทำให้ผู้คนทั่วโลกต้องการชมว่า อียิปต์มีวิธีเก็บรักษาพระองค์ไว้อย่างไร บ้าง และเชื่อว่าผู้คนทั่วโลกก็อยากจะยลโฉมของพระองค์” ซาไฮ ฮาวาสส์ (Zahi Hawass) ผู้อำนวยการสภาโบราณสถานแห่งอียิปต์ กล่าวก่อนที่จะเคลื่อนย้ายฟาโรห์ ผู้โด่ง ดัง

 


ฮาวาสส์กับพระศพฟาโรห์ที่โด่งดังที่สุด

เมื่อครั้งที่คาร์เตอร์สำรวจพบหลุมศพของฟาโรห์ หนุ่ม พร้อมขุมทรัพย์มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ประดับประดาไปด้วยทอง ตรงใจกลางของหลุม ศพซึ่งเก็บมัมมีพระศพฟาโรห์ไว้ ก็ยังปกคลุมไปด้วยเครื่องราง เพชรนิลจินดา และใน หน้าของพระองค์สวมด้วยหน้ากากทองคำ สร้างความประหลาดใจให้แก่เขายิ่ง นัก

แต่ด้วยความต้องการแค่ขุมทรัพย์ คาร์เตอร์และทีมสำรวจจึงตัด แขนขาและหัวของมัมมีออกเป็น 18 ส่วน โดยใช้มีดและขดลวดที่อังความร้อนลอกหน้ากาก ทองออกจากใบหน้าของ ฟาโรห์

 


หน้ากาก ทองคำของตุตันคาเมน แสดงให้เห็นถึงยุคแห่งทองในสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพ แต่หน้ากากทองชิ้นนี้ยั่วยวนใจยิ่งนัก ทำให้ทีมสำรวจแรกลงทุนเลาะออกจากพระ พักตร์ของ พระองค์

ร่างกายของฟาโรห์ได้รับการประกอบขึ้นใหม่ และส่งกลับไปยังโลงศพหินอันเดิมในอีก 1 ปีถัดมา (พ.ศ.2466) และเพิ่งจะได้รับการ เคลื่อนย้ายอีก 3 ครั้งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เพื่อเอ็กซเรย์ตรวจสอบในประเด็น ต่างๆ

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่เหล่านักโบราณคดีต้องการรู้เป็น อย่างยิ่งคือ “สาเหตุการสิ้นพระชนม์” ของฟาโรห์เจ้าของร่าง ที่จากโลกไปทั้งที่ ยังมีพระชนมายุเพียงแค่ 19 ชันษา รวมถึงคำร่ำลือ “คำสาปฟาโรห์” ที่ตามหลอกหลอน ผู้บุกรุกรวบกวนพระ ศพ

ครั้งแรกที่นำคิงตุตไปเอ็กซเรย์ในปี 2511 จนพบเศษ กระดูกในกะโหลกศรีษะ ทำให้เชื่อว่าพระองค์น่าจะถูกปลงพระชนม์ด้วยลูก ธนู ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางรายก็สันนิษฐานเหตุว่า เป็นเพราะตุตันคา เมนต้องการนำแนวคิด “พหุเทวนิยม” (การนับถือพระเจ้าหลายองค์) กลับมาสู่ชาว อียิปต์อีกครั้ง หลังจากที่อาเคนาเตน (Akhenaten) พระราชบิดาของคิงตุตได้ปฏิรูป ศาสนาอย่างถอนรากถอนโคนนำเอา “เอกเทวนิยม” ให้นับถือสุริยเทพ “อาเตน” เพียงองค์ เดียว

แต่หลังจากอาเคนาเตนสิ้นพระชนม์ลง ศาสนสถานและชื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “อาเตน” จึงถูกลบออกไป รวมทั้งพระนามของ “ตุตันคาเตน” ที่ เปลี่ยนมาเป็น “ตุตันคาเมน” อีก ด้วย

อย่างไรก็ดี ผลจากการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ครั้งล่าสุดในปี 2548 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า พระองค์ ไม่ได้ถูกลอบปลงพระชนม์ และสิ้นพระชนม์จากการติดเชื้ออันเนื่องมา จากกระดูกหัก อีกทั้งสันนิษฐานว่า เศษกระดูกในกะโหลกน่าจะเกิดขึ้นในช่วงดองพระ ศพ

ขณะที่นักวิจัยบางคนเชื่อว่ารอยแตกที่กระดูกอาจเกิดขึ้นในภาย หลัง ด้วยฝีมือของนักโบราณคดี ไม่ว่ารอยแตกที่กระดูกนั้นจะเกิดขึ้นเพราะเหตุใด ฮาวาสส์แสดงความมั่นใจว่าตุตันคาเมนไม่ได้ถูกลอบปลงพระชนม์แน่นอน และปิดข้อ สันนิษฐานดังกล่าวไว้เพียงเท่านี้ โดยจะไม่รบกวนพระศพอีกต่อ ไป

ที่สำคัญในการแสกนครั้งเดียวกันนี้ ก็ได้มีการสร้างแบบ จำลอง “พระพักตร์” ของพระองค์ขึ้น โดยใช้ข้อมูลจากโครงสร้างใบหน้ามัมมี และจาก หน้ากากทองคำหนัก 11 กิโลกรัมที่เคยใช้ ครอบ

 


โครงหน้า ของตุตันคาเมนที่นักวิจัยประมวลผลออกมา โดยจำลองในแบบปูนปั้นสไตล์อียิปต์ โบราณ

“ตุตันคาเมน” หรือ "ตุตันคามุน" (Tutankhamun/Tutankhamen) เป็นฟาโรห์องค์ที่ 12 ในราชวงศ์ที่ 18 ของอียิปต์ ทรงขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนมายุเพียง 10 ชันษา ทรงเป็นกษัตริย์อียิปต์โบราณใน ช่วงปี 1334-1323 ก่อนคริสตกาล ก่อนหน้าขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า “ตุตันคาเต น” อันหมายถึงเทพอาเตน หรือ

 

 

Share this