ไขปริศนาการตายของฟาโรห์ตุตันคาเมน
สมาชิกเลขที่95771 | 15 ก.ค. 55
2.7K views

นับตั้งแต่ ฮาวเวิร์ด คาร์เตอร์ นักโบราณคดีชาวอังกฤษและคณะค้นพบหลุมศพของ ฟาโรห์ทูทังคามุน หรือที่เรารู้จักกันในนาม ตุตันคาเมน ที่บริเวณหุบผากษัตริย์ (Valley of the Kings) เมื่อปี 1922 คนทั่วโลกต่างก็สนใจเรื่องราวของฟาโรห์หนุ่มน้อยพระองค์นี้กันมาตลอด แม้เวลาผ่านไปเกือบ 90 ปีก็ยังมีแฟนพันธุ์แท้คอยติดตามข่าวคราวอย่างใจจดใจจ่อ

ฟาโรห์ตุตันคาเมนสิ้นพระชนม์ไป 3,300 ปีแล้ว

ดิฉันอ่านเจอเรื่องการขุดหลุมศพฟา้โรห์ครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน รู้สึกว่าลึกลับน่าพิศวง ยิ่งอ่านยิ่งสนุก

เมื่อปลายปี 2007 ได้เล่าถึงการใช้คอมพิวเตอร์สร้างภาพเหมือนของฟาโรห์องค์นี้ไว้ในเรื่อง "เผยโฉมฟาโรห์ตุตันคาเมน" (คลิกดูได้จากหัวข้อ Recommended ทางขวา) ผ่านไปสองปีกว่าแล้ว ยังมีน้องๆ หลานๆ แวะมาอ่านและคอมเมนต์อยู่เรื่อยๆ 

เชื่อแล้วว่าชื่อนี้มีมนต์ขลังจริงๆ

 

 

 โลงทองของตุตันคาเมน

 วันนี้เข้าเว็บไซต์ abcnews.com เจอสารคดีเรื่อง "สาเหตุการตายของคิงทัต" (King Tut เป็นชื่อเล่นที่ฝรั่งตั้งให้ตุตันคาเมน) แน่นอนว่าต้องเอามาเล่าต่ออีกตามเคย

สภาโบราณคดีแห่งอียิปต์ทำการ ศึกษามัมมี่ตุตันคาเมน โดยใช้วิธีทดสอบ DNA, การฉายรังสี, CT Scan ฯลฯ เป็นเวลากว่า 2 ปี จึงมีแถลงการณ์ว่า

"ฟาโรห์ตุตันคาเมนสิ้นพระชนม์ด้วยโรคกระดูกผสมกับไข้มาเลเรีย ประกอบกับสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เกิดเพราะสาเหตุทางพันธุกรรม"

แรกที่มีการค้นพบมัมมี่คิงทัต นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพราะถูกฆาตกรรม

ที่สันนิษฐานอย่างนี้ก็เพราะมัมมี่มีรูโบ๋ที่กะโหลก

แต่หลายสิบปีต่อมา วิทยาการเจริญก้าวหน้าขึ้น ข้อสรุปก็เปลี่ยนเป็น "ตายเพราะติดเชื้อหลังประสบอุบัติเหตุ" ส่วนรอยบนกะโหลกมัมมี่นั้นคาดว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือความสะ้เพร่าของคนทำมัมมี่ 

 

มัมมี่ตุตันคาเมน 

 

รายงานล่าสุดจากสภาโบราณคดีฯ บอกว่า ตุตันคาเมนเกิดมาพร้อมความบกพร่องทางพันธุกรรม เนื่องจากพ่อแม่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน

เผ่าพงศ์วงศาฟาโรห์นิยมจับพี่น้องแต่งงานกันเพื่อรักษาสายเลือดให้บริสุทธิ์ ประกอบกับต้องการรักษาฐานอำนาจของราชวงศ์ด้วย ประมาณว่าเรือล่มในหนอง ทอง(และบัลลังก์)จะไปไหน

ข้อเสียก็คือลูกที่ออกมาสุขภาพอ่อนแอ ยีนพ่อแม่มีีข้อด้อยตรงไหน ลูกก็รับมาเต็มๆ

ตุตันคาเมนเกิดมาโดยมีเท้าปุก (club foot) ข้างหนึ่ง ต้องเดินโดยใช้ไม้เท้าช่วย นอกจากนี้ยังเพดานโหว่ (cleft palate) ยังดีที่ไม่ปากแหว่งด้วย รูปร่างก็เล็กๆ ผอมบาง สูงประมาณ 165 ซม.

ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ก็เลย ป่วยด้วยโรคมาเลเรียเรื้อรัง (อียิปต์เป็นเมืองร้อน ยุงเยอะ) แถมเป็นโรคกระดูกด้วย และเมื่อประสบอุบัติเหตุขาหักก็ติดเชื้อรุนแรง

สิ้นพระชนม์เมื่ออายุ 19 โดยไม่มีทายาทสืบทอดบัลลังก์

รายงานฉบับล่าสุดนี้ ยังลบล้างข้อสันนิษฐานหลายข้อที่มีมาตลอด 88 ปี

เช่น คิงทัตรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้หญิง แถมมีเต้านมอีกต่างหาก

ทีมนักวิจัยก็พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง แถมบอกด้วยว่า "เครื่องเพศของพระองค์เจริญเติบโตเป็นปกติ" 

ส่วนที่สงสัยกันมานานว่า พระองค์มีความบกพร่องทางพันธุกรรมที่เรียกว่า Marfan Syndrome คือเนื้อเยื่อเชื่อมต่อมีความบกพร่อง สังเกตง่ายๆ ว่าข้อต่อจะยืดได้มากผิดปกติ แขนขาจะยาวๆ ยืดๆ กระจกตาหลุดง่าย ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีความผิดปกติของลิ้นหัวใจและอีกหลายอย่าง

ข้อนี้นักวิจัยบอกว่าไม่น่าจะจริงเช่นกันเพราะพระเศียรของตุตันคาเมนค่อนข้างแบน ไม่ยาวผิดรูปเหมือนศีรษะคนที่เป็น Marfan Syndrome

แต่ที่รูปวาดและภาพบนโลงพระศพดูหัวยาวๆ รูปร่างอ้อนแอ้นนั้นเพราะว่าเป็นมาตรฐานความงามสมัยนั้น

คือถ้าเป็นเจ้าต้อง "พระองค์กลมกล้องแกล้ง เอวอ่อนอรอรรแถ้ง" และพระพักตร์งามเหมือนผู้หญิง

แม้ตัวจริงจะล่ำบึก หน้าตาดังมหาโจร ก็ต้องทำรูปบนโลงให้ "งาม" ตามมาตรฐานของยุคสมัย

ข่าวคิงทัตมีแค่นี้ ค่ะ

แต่มีของฝากปิดท้าย เป็นเศียรของรูปสลักฟาโรห์อเมนโฮเทปที่ 3 พระอัยกา (ปู่) ของตุตันคาเมน 

 

 

อเมนโฮเทปเป็นพระบิดาของฟาโรห์อัคเคนาเตน (หรืออัคเฮนาตอน) และเป็นฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ีงในสมัยอียิปต์โบราณ

ก่อนหน้านี้มีการขุดพบรูปสลักของพระองค์หลายรูปด้วยกัน แต่รูปล่าสุดที่พบนี้สลักจากหินแกรนิต เศียรของรูปยังสมบูรณ์ดีเกือบทั้งหมด ไม่ผุกร่อนแหว่งวิ่นไปตามกาลเวลา

3,400 ปีแล้วยังสมบูรณ์ขนาดนี้ น่าทึ่งมาก และถ้าองค์ต้นแบบงามแบบนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นชายงามของโลกยุคโบราณคนหนึ่ง

หวังว่าสักวันคงได้ไปเห็นของจริง

Share this