สมัยที่พม่ายกทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา หลายต่อหลายครั้งที่กรุงศรีเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่แต่เพียงภายในพระนคร ด้วยกำลังฝ่ายพม่าที่ยกทัพมาหมายบดขยี้ข้าศึกฝั่งตรงข้ามให้แหลกเป็นฝุ๋ยผง ด้วยชัยภูมิที่มีแม่น้ำล้อมรอบ อยุธยาต้องตั้งรับ และยันการโจมตีของกองทัพพม่าให้ได้จนถึงฤดูน้ำหลาก ครั้นพอน้ำหลากพม่าจะยกทัพกลับไปเองเพราะรอบพระนครศรีอยุธยาจะกลายเป็นทะเลสาบ
![]() |
สีสันยามค่ำคืนของโบราณสถานกรุงเก่า |
ต้องยอมรับว่ากรุงศรีอยุธยาได้อาศัยพลังธรรมชาติในการศึกสงคราม และเอาตัวรอดมาได้นับต่อนับครั้ง กระทั่งเสียกรุงครีเป็นครั้งที่สองให้กลับพม่ารามัญจากการปิดล้อมนานถึง 14 เดือน นั่นก็หมายความว่าทัพพม่าสามารถผ่านช่วงน้ำหลากมาได้(พม่าทำการบ้านมาดี) พอน้ำลดพม่าจึงยกไพร่พลเข้าตีหักเอาอยุธยาเสีย
![]() |
ทางเดินในโบราณสถานกรุงเก่า |
มาถึงยุคถึงสมัยปัจจุบัน ไม่ได้มีศึกสงครามจากภายนอกแล้ว แต่ธรรมชาติยังคงความเป็นธรรมชาติอยู่เช่นเดิม ในขณะที่สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ถนนหนทาง บ้านเรือน ห้างหรู รีสอร์ท ถูกสร้างถูกพัฒนาอยู่ทุกวันเดือนปี แอ่งน้ำที่ลุ่มทางธรรมชาติที่เคยมี ถูกทับถมเปลี่ยนทางน้ำที่เคยไหลทำให้พื้นที่รับน้ำต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละนิด แล้วก็แสดงผลของมันออกมาอยากชัดเจน
![]() |
น้ำไหลเข้าท่วมเกาะโบราณสถาน |
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอยุธยาถูกน้ำหลากจากธรรมชาติไหลเข้าท่วม ชาวบ้านเดือดร้อนกันไปทั่ว อยุธยาต้องกลายเป็นทะเลสาบจำเป็นอีกครั้ง ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก คงต้องฝากท่านผู้มีอำนาจท่านผู้นำบ้านเมืองว่าจะบริหารจัดการอย่างไรในการป้องกันแก้ไขกันอย่างยั่งยืนต่อไปก่อนจะถึงฤดูน้ำหลากในปีถัดไปที่กองทัพธรรมชาติจะเข้าตีอีกระลอก สุดท้ายขอพระสยามเทวาธิราชคุ่มครองทุกท่านครับ