คิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำก่อนคิด คตินักกอล์ฟ
สมาชิกเลขที่36782 | 28 ม.ค. 54
2K views


ที่มา :  เขียนโดย...ณรงค์วิทย์ แสนทอง   www.peoplevalue.co.th  เขียนวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2553

 

 

เมื่อเราอยู่ในสนามกอล์ฟ เรามักจะได้ยินประโยคเหล่านี้ จากเพื่อนร่วมก๊วนและตัวเราเองอยู่บ่อยๆ

 

 

  • “กูว่าแล้วว่าต้องตกทราย”หลังจากตีตกทราย

     

  • “กูนึกแล้วว่ามีไลน์ซ้าย” หลังจากพัตต์ไม่ลง

     

  • “ถ้ารู้ยังงี้ ตีเหล็กเจ็ดก็พอ” หลังจากตีทะลุกรีนไปแล้ว

     

  • “ถ้าตีออกซ้ายน่าจะดีกว่า”หลังจากตีเข้าป่าไปเรียบร้อยแล้ว

     

  • “รู้ยังงี้ พัตต์ดีกว่า”หลังจากชิพสั้นไปเรียบร้อยแล้ว

     

  • “ถ้าตีเหล็กวางไปสามครั้งก็ออนแล้ว”หลังจากใช้หัวไม้ตีตกน้ำไปเรียบร้อยแล้ว

     

  • ฯลฯ

     

     ถามว่าทุกคนรู้หรือไม่ว่าการคิดหลังทำอะไรลงไปแล้วนั้น มันไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว คำตอบคือ ทุกคนรู้ เมื่อรู้แล้วทำไมถึงพูดอีก ก็เพราะว่าการพูดเช่นนี้ อาจจะช่วยชดเชยกับสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดลงไปเรียบร้อยแล้ว(ปลอบใจตัวเอง) อีกเหตุผลหนึ่งที่คนเราชอบพูดแบบนี้ก็คือ ต้องการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดีในสายตาของคนอื่น โดยการบอกให้คนรอบข้างรู้ว่าจริงๆแล้วเราคิดถูกแล้ว คิดดีแล้ว แต่มาพลาดตรงที่ตัดสินใจผิดไปหน่อยเท่านั้นเอง (การแก้ตัว ทั้งๆที่ไม่มีใครถาม)      อาการ “ปลอบใจตัวเอง”และ “การแก้ตัวโดยไม่มีใครถาม”นั้น เป็นบททดสอบบทแรกๆที่นักกอล์ฟทุกคนต้องเจอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถลดอาการนี้ได้มากน้อยกว่ากัน และใครสามารถกำจัดอาการเหล่านี้ออกจากตัวเองได้ก่อนกัน

 

 

      สำหรับวิธีการกำจัดอาการนี้ง่ายมากคือ “หยุดพูดเมื่อทำผิดไปแล้ว”โดยไม่ต้องกลัวว่าใครเขาจะว่าเรา เพราะทุกคนมีโอกาสทำผิดเหมือนเราได้ นอกจากนี้ เราอาจจะต้องเปลี่ยนไปมองในแง่บวก เช่น เกือบลงหลุม แค่นี้ก็ดีแล้ว ถึงแม้จะดีไม่ได้แต่ก็ยังดีที่หาลูกเจอ ดีเหมือนกันจะได้ฝึกการระเบิดทราย ฯลฯ

 

 

      ในชีวิตจริงของคนเราก็มักจะไม่แตกต่างอะไรไปจากกีฬากอล์ฟ ที่เรามักจะรู้สึกเสียดายกับโอกาสดีๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและผ่านไป โดยที่เราไม่สามารถฉกฉวยโอกาสนั้นเอาไว้ได้ จะรู้และคิดได้อีกทีก็สายไปเสียแล้ว เช่น เสียดายที่ไม่ตั้งใจเรียนตอนเด็กๆ เสียดายที่ไม่รู้จักออมเงินตั้งแต่เริ่มทำงาน เสียดายโอกาสที่ไม่ได้ไปทำงานที่เมืองนอก เสียดายที่ลาออกจากงานนั้นเร็วไปหน่อย เสียดายเงินลงทุนในธุรกิจที่เจ๊งไปแล้ว ฯลฯ

 

 

      ใครอยากจะลดหรือป้องกันคำว่า เสียดายในชีวิต คงต้องคิดให้รอบคอบ ที่จะตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร ต้องวางแผนสิ่งที่จะทำไว้ล่วงหน้า และถ้าเราคิดดี ตัดสินใจดี และวางแผนดีแล้ว ถึงแม้ผลของการตัดสินใจครั้งนั้นจะล้มเหลว เราก็ต้องทำใจรับผลนั้นด้วยความเต็มใจโดยไม่ต้องย้อนกลับไปหาข้ออ้างให้ตัวเองว่า ถ้าทำอย่างนั้นก็ดีกว่านี้ ทำอย่างนี้จะดีกว่านั้น คนเราต้องให้เกียรติการตัดสินใจของตัวเอง โดยการยอมรับความล้มเหลวจากการตัดสินใจของตัวเอง และหาทางป้องกันความล้มเหลวซ้ำดีกว่าจะมานั่งเสียดายกับสิ่งที่ผ่านไปและแก้ไขไม่ได้แล้ว ถ้าเรามัวแต่เสียเวลากับการหาเหตุมากลบเกลื่อนคำว่าเสียดายและตัดทิ้งออกจากชีวิตของเราไม่ได้ ก็เท่ากับว่าเราจะสูญเสียโอกาสและเวลาในการพัฒนาตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

 

 

“ความผิดพลาดมีไว้ให้ป้องกันและแก้ไข ไม่ได้มีไว้ให้แก้ตัว”

 

 

Share this