ภูมิแพ้หรือแค่หวัด
สมาชิกเลขที่16935 | 21 ก.ย. 53
2.5K views

 

ภูมิแพ้หรือเป็นแค่หวัด

 

 

ภูมิแพ้ จาม ไอ หอบหืด เป็นอาการที่คนกว่าครึ่งหนึ่งของโลกต้องประสบพบเจอ เนื่องจากสภาพอากาศที่เป็นพิษหรือในเขตที่มีอากาศร้อนชื้น เราเคยสังเกตกันไหมคะ ทำไมเวลาตื่นนอนตอนเช้า ถึงมีอาการจามถี่ๆ น้ำมูกไหล คันตา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

             ยิ่งบางท่านมีอาการรุนแรงอาจถึงหอบหืด ต้องใช้ยาแก้แพ้เป็นประจำ ทำให้เกิดอาการง่วง เหงา หาว นอน ซึ่งถ้าเป็นเด็กก็มักมีผลกระทบถึงการเรียนและการเจริญวัย ส่วนวัยทำงานก็ดูจะเป็นอุปสรรคกับความก้าวหน้าของงานอยู่ไม่น้อย

             ดังนั้น เราลองมาทำความรู้จักโรคภูมิแพ้กันดีกว่าว่ามันคืออะไร จากพ.ญ.วรัตดา ปลายเนตร กุมารเวชกรรมโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท บอกว่า เมื่อพูดถึงโรคภูมิแพ้ หลายคนจะนึกถึงแต่เฉพาะคนที่มีอาการของหวัดเรื้อรัง น้ำมูกไหลเป็นเดือนๆ ความจริงแล้ว โรคภูมิแพ้ เป็นกลุ่มของโรคที่แสดงอาการได้กับหลายระบบของร่างกาย สาเหตุของโรคภูมิแพ้เกิดจากปฏิกิริยาที่ร่างกายมีต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งสารเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาในคนปกติ สารก่อภูมิแพ้ที่พบเป็นสาเหตุได้บ่อย ได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสัตว์ รังแคจากสัตว์ เชื้อรา เกสรดอกไม้ เป็นต้น

             โรคที่จัดอยู่ในกลุ่มของโรคภูมิแพ้ ได้แก่ จมูกอักเสบจากสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง : คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม คันจมูก อาการอาจเป็นครั้งคราวตามฤดูกาลหรือเป็นตลอดทั้งปีก็ได้, หอบหืด : ไอ แน่นหน้าอก หายใจติดขัด หายใจมีเสียงวี้ดๆ, เยื่อบุตาอักเสบจากอาการแพ้ : ตาแดง คันตา น้ำตาไหล แสบตา เปลือกตาบวม, ผื่นแพ้พันธุกรรม : ผื่นคันแห้งแดงบริเวณข้อพับแขน ขา หัวเข่า ข้อศอก หรือบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย

             ผื่นแพ้ผิวหนังจากการสัมผัส : ผื่นคันที่เกิดจากการแพ้สารต่างๆ ที่มาสัมผัส เช่น ผงซักฟอก เครื่องสำอาง ยาย้อมผม ตุ้มหู ถุงมือ เป็นต้น, ลมพิษ : ผื่นนูนคัน คล้ายตุ่มยุงกัด เกิดตามผิวหนังส่วนต่างๆ ของร่างกาย, แพ้อาหาร : อาจมีอาการแสดงได้ตั้งแต่ อาเจียน ท้องเสีย ผื่นขึ้นตามตัว รวมไปถึงภาวะอาหารที่พบว่าเป็นสาเหตุได้บ่อย ได้แก่ นม ไข่ ถั่วลิสง อาหารทะเล เป็นต้น

             และภาวะ Anaphylaxis : เป็นปฏิกิริยาการแพ้ที่รุนแรง เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที ทำให้มีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัดเหมือนเป็นหอบ หืด ความดันโลหิตต่ำ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ พบในคนที่แพ้อาหาร แพ้ยา โดนแมลงและสัตว์ต่างๆ กัดต่อย เช่น ผึ้ง ต่อ แตน มด

             สำหรับปัจจัยเสริมที่ทำให้โรคภูมิแพ้กำเริบ คือ การเปลี่ยนแปลงของอากาศ เช่น อากาศเย็นหรือร้อน หรือเวลาโดนลม, สารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ กลิ่นน้ำหอม น้ำยาหรือสารเคมีต่างๆ และภาวะตึงเครียดจากการอดนอนหรือมีอารมณ์ตึงเครียด

             อย่างไรก็ตาม ในคนที่มีลักษณะอาการที่เข้าข่ายของโรคภูมิแพ้ แพทย์จะทำการทดสอบทางผิวหนัง (skin test) ซึ่งจะช่วยในการวินิจฉัยโรค และหาสาเหตุของการแพ้ นอกจากนี้แพทย์อาจใช้การตรวจอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การทดสอบสมรรถภาพของปอด (spirometry) ในรายที่สงสัยว่าจะมีโรคหอบหืด หรือมีความผิดปกติอื่นๆ ของปอด เพื่อความแม่นยำในการแปลผลการทดสอบทางผิวหนัง ก่อนมาพบแพทย์ควรงดยาลดน้ำมูก (antihistamine) เป็น เวลาอย่างน้อย 72 ชั่วโมง และอาจต้องงดนานกว่านั้น ถ้ารับประทานยาที่ออกฤทธิ์ยาวนาน

             ทั้งนี้ คนที่เริ่มมีอาการดังต่อไปนี้ ควรจะไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาทิ แน่นจมูกหรือมีน้ำมูกมาก จนทำให้หายใจไม่สะดวก, เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง รับประทานยาลดน้ำมูกแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น, โรค ภูมิแพ้/หอบหืด ที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมได้ตามปกติ, โรคหอบหืดที่มีอาการหายใจติดขัด หรือแน่นหน้าอกบ่อยๆ ไอหรือหายใจดังวิ๊ดๆ บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานอนหรือขณะออกกำลังกาย และได้รับการรักษาโรคหอบหืดแล้ว แต่ยังมีอาการไอและแน่นหน้าอกบ่อยๆ

            สำหรับการรักษาโรคภูมิแพ้ ในปัจจุบันนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่ 1.หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ ที่แพ้ 2.การรักษาด้วยยา คือ ยากลุ่ม Antihistamine หรือที่เรียกกันว่า ยาแก้แพ้/ลดน้ำมูก การเลือกใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ยาบางชนิดมีผลทำให้ง่วงนอนได้ และยาพ่นกลุ่มสเตอรอยด์ มีผลข้างเคียงน้อย ได้ผลดีในการรักษา และ 3.การฉีดยารักษาภูมิแพ้ (Allergy shot/Immunotherapy) เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้ เข้าไปในร่างกายของผู้แพ้ทีละน้อยๆ และค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น จนผู้ป่วยมีความต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ วิธีนี้จะต้องใช้เวลา 3-5 ปี เป็นวิธีที่สามารถควบคุมอาการแพ้ได้ดี ผู้ป่วยจำนวนมากสามารถลดหรือหยุดการใช้ยารับประทานหรือยาพ่นได้

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของสสส.และ วิชาการดอทคอม
www.thaihealth.or.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Share this