การฟังหรือดูเพื่อการตัดสินใจและแก้ปัญหา
การฟังและดูมีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ในการเลือกว่าจะฟังหรือดูสิ่งใด นักเรียนก็ต้องใช้การตัดสินใจแล้ว ความคิดในการตัดสินใจเปรียบเหมือนยามรักษาการณ์ซึ่งจะต้องตัดสินใจว่าจะยอมให้สิ่งใดผ่านเข้ามาในการรับรู้โดยการฟังหรือการดู นักเรียนจะต้องรู้จักเลือกฟัง เลือกดูอย่างมีปัญญา ไม่ควรฟังหรือดูทุกสิ่งทุกอย่างโดยขาดสติ เพราะอาจได้รับสารที่เป็นอันตรายต่อความคิดและจิตใจของนักเรียนได้
การพูดเชิงวิเคราะห์และประเมินค่า
การพูดเชิงวิเคราะห์ประเมินค่า เป็นการพูดที่เกิดจากการใช้ความคิดพิจารณาไตร่ตรองก่อนการพูดวิเคราะห์และประเมินค่าในเรื่องใดก็ตาม นักเรียนควรดำเนินการดังนี้
๑. มีความสนใจในเรื่องที่จะแสดงความคิดเห็น
๒. ฟัง ดู หรืออ่านเรื่องนั้นอย่างน้อย ๒ ครั้ง
๓. ศึกษาเรื่องนั้นอย่างละเอียดจนเกิดความเข้าใจ
๔. จำแนกรายละเอียดของเรื่องนั้นออกเป็นประเด็นต่างๆ เช่นสาเหตุ การกระทำผลที่เกิดขึ้น
ข้อดี ข้อเสีย ความเชื่อปัญหาที่เกิดวิธีแก้ปัญหา รูปแบบการเขียน การใช้สำนวน ภาษา แนวคิดเป็นต้น
๕. พิจารณาประเด็นที่ได้จำแนกไว้ทีละประเด็นอย่างละเอียด ทุกแง่ทุกมุม
๖. ศึกษาข้อมูลและความรู้อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยในการพิจารณาอย่างกว้างขวางและ
ลึกซึ้งมากขึ้น
๗. ตัดสิน และประเมินคุณค่าของเรื่องนั้นอย่างมีหลักเกณฑ์ว่ามีส่วนดี ส่วนบกพร่องควรแก้ไขปรับปรุงอย่างมีหลักเกณฑ์
๘. เรียบเรียงความคิดเป็นบทพูดเชิงวิเคราะห์และประเมินค่า
หลักการเป็นพิธีกร
พิธีกร
พิธีกร หมายถึง บุคคลผู้ทำหน้าที่กำกับ หรือดำเนินการให้กิจกรรมรายการพิธีการต่างๆ สำเร็จตามวัตถุประสงค์และกำหนดการ
โฆษก
โฆษก หมายถึง บุคคลที่ทำหน้าที่คล้ายพิธีกร แต่ใช้ลีลาการพูดที่สนุกสนานเร้าใจกว่าพิธีกรส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ในงานที่ไม่เป็นพิธีการมากนัก
ผู้ประกาศ
ผู้ประการ หมายถึง ผู้ทำหน้าที่ประกาศแจ้งรายการของสถานีวิทยุ โทรทัศน์ตามที่แผนผังรายการกำหนดไว้
ผู้ประกาศจะมีบทบาทค่อนข้างจำกัด และจะให้กับผู้พุดทางสถานีวิทยุ หรือโทรทัศน์มากกว่าผู้ประกาศทำหน้าที่อ่านข้อความที่เขียนไว้แล้วให้ผู้ฟังทราบ
ผู้ดำเนินการอภิปราย
ทำหน้าที่ดำเนินการอภิปรายให้เป็นไปตามขอบเขตและวัตถุประสงค์ที่กำหนด โดยกล่าว
เปิดอภิปราย แนะนำผู้อภิปราย กล่าวเชิญผู้อภิปรายพูดแสดงความคิดเห็น สรุปประเด็นการอภิปราย
และกล่าวปิดการอภิปราย
วิทยากร
วิทยากรเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพูดประเภทให้ความรู้
การเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นพิธีกร
๑. สร้างความเชื่อมั่นในบุคลิกและความสามารถของตนเอง
๒. ใช้หลักการพูดในที่ชุมนุมชนเช่นบุคลิกภาพ การใช้เสียง
๓. สะสมเกร็ดการพูดที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ เพื่อจะได้นำมาใช้ประกอบการพูดนำ
หรือเชื่อมต่อในแต่ละช่วง
การปฏิบัติหน้าที่พิธีกร
ในการปฏิบัติหน้าที่พิธีกรนักเรียนควรดำเนินการดังนี้
๑. ศึกษาข้อมูล หรือวิเคราะห์สถานการณ์ เช่น งานอะไร จัดเพื่อวัตถุประสงค์ใด
บรรยากาศของงานเป็นอย่างไร
๒. สำรวจสถานที่ก่อนวันงาน เพื่อเตรียมตนเองในการแต่งกาย การใช้เสียงและการ
เดินทาง
๓. เตรียมร่างเนื้อหาบทพูด ตรวจสอบข้อความ ฝึกซ้อมการพูดให้คล่องแคล่วไม่ควรพูดโดย
อ่านจากบท
๔. เลือกเครื่องแต่งกายที่เหมาะสมกับตนเอง เพื่อช่วยเสริมบุคลิก
๕. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงทั้งกายและใจ ควบคุมความประหม่าและความวิตกกังวลและทำหน้าที่อย่างสุดฝีมือ
๖. พิธีกรไม่ใช่วิทยากร ดังนั้นจึงควรดำเนินบทบาทให้ถูกต้อง อย่าเป็นผู้บรรยายความรู้หรือพูดมากกว่าวิทยากร
๗. อุทิศตัวให้งาน พิธีกรต้องมาก่อนงานเริ่ม และกลับเมื่องานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
การพูดสุนทรพจน์
สุนทรพจน์เป็นคำสมาส มาจากคำว่า สุนทร+พจน์ แปลว่า ถ้อยคำที่มีความไพเราะและ ดีงามดังนั้น การพูดสุนทรพจน์จึงต้องเรียบเรียงถ้อยคำให้ไพเราะสละสลวย ให้ข้อคิดและจรรโลงใจผู้ฟัง
การกำหนดโครงเรื่องสุนทรพจน์
การกำหนดโครงเรื่องสุนทรพจน์มีหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้
๑. รวบรวมความคิดที่ต้องการพูด โดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมายในการพูด สาระในการพูด
และทบทวนว่ามีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอแล้วหรือยัง
๒. นำข้อมูลที่รวบรวมได้จากการระดมความคิดมาพิจารณาเลือกสรรความคิด โดย วิเคราะห์ว่ารายการความคิดที่ได้จากการระดมความคิดนั้น รายการความคิดใดสอดคล้องกับหัวข้อ
ที่จะพูดมากที่สุด
๓. นำรายการความคิดที่ผ่านการเลือกสรรแล้วมาจัดหมวดหมู่ โดยแบ่งออกเป็นประเด็น
สำคัญหรือหัวข้อใหญ่ และหัวข้อย่อย จัดหมวดหมู่ตามลำดับความสำคัญของเนื้อหาให้ครอบคลุม
เนื้อหา
๔. แบ่งเนื้อเรื่องที่พูดออกเป็น ๓ ส่วน คือ มีคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป