เจาะใจ นักวิทยาศาสตร์หญิงไทยคนแรก ร่วมทีมญี่ปุ่น สำรวจขั้วโลกใต้
Mthainews: รายการเจาะใจออกอากาศวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นำเสนอเรื่องราวภูมิอากาศที่กำลังเปลี่ยนแปลง แปรปรวนบนโลกของเรา เกิดกระแสข่าวไปต่างๆนานาว่าจะเกิดภัยพิบัติเกิดขึ้นอีกหรือไม่ รายการเจาะใจจะมาให้ความรู้ว่าปัจจุบันโลกของเราเกิดอะไรขึ้นในขณะนี้ ที่ทวีปแอนตาร์กติกา หรือดินแดนชั้วโลกใต้ พื้นที่ที่หนาวที่สุด ลมแรงที่สุด ใต้สุดของโลก และจะบ่งชี้ว่าภูมิอากาศของโลกจะเป็นอย่างไร ทั้งเรื่องโลกร้อน น้ำแข็งละลาย โดยนักวิทยาศาสตร์หญิงไทย ที่ได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าวมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้
รศ.ดร.สุชนา ชวนิชย์ คณะวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2552 ได้เดินทางสำรวจพื้นที่แอนตาร์กติกา ร่วมกับทีมสำรวจของชาวญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงไทยคนแรกที่เดินทางสำรวจขั้วโลกใต้
ดร.สุชนา กล่าวว่า แอนตาร์กติกา หรือขั้วโลกใต้มีความสำคัญ 2 ประการ คือ
1.เป็นปราการด่านแรกของโลกที่จะบอกว่าขณะนี้ โลกเราถ้าสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเป็นพื้นที่รองรับของเสียของโลก ที่พื้นที่ต่างๆได้ปล่อยก๊าซต่างๆออกไปจนเกิดภาวะเรือนกระจก จะเกิดรุนแรงบนขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ เพราะมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าพื้นที่อื่นๆ เราสามารถเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในตรงนั้นเพื่อจะได้ป้องกัน
2.ปัจจุบันเราอยากรู้ว่า ถ้าสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป โลกของเราในอนาคตจะเป็นอย่างไร จะได้ผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เป็นข้อมูลในการทำนายอนาคต เราถ้าขุดลงไปใต้น้ำแข็ง 3,000 เมตร เราสามารถย้อนอดีต กลับไปถึง 7 แสนปีว่า สภาพภูมิอากาศของโลกเป็นอย่างไร ขั้วโลกใต้เป็นแผ่นทวีปที่เป็นน้ำแข็ง หนาประมาณ 3,000 เมตร อุณหภูมิหนาวสุดที่เคยวัดได้ -89.2 องศาเซลเซียส เหมาะแก่การศึกษาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก
ประเด็นหลักที่ทีมที่เดินทางไปสำรวจเพื่อการศึกษาวิจัย ไม่ใช่เพื่อหาผลประโยชน์ ซึ่งจริงๆนักวิทยาศาสตร์ได้ทำนายไว้ถ้าเกิดน้ำแข็งที่แอนตาร์กติกา หรือขั้วโลกใต้ ละลายหมด น้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 50-60 เมตร
แต่ทั้งนี้ เราก็หวังว่าเราจะยังไม่ถึงตรงนั้น ประเทศไทยอาจจะได้รับผลกระทบทางอ้อมจากสัตว์ที่เป็นห่วงโซ่อาหาร มีผลเป็นขั้นๆ เช่นปลาลดน้อยลง กุ้งลดน้อยลง เป็นต้น
จากการที่ไปอยู่ที่นั่น รวมเวลาทั้งหมด 4 เดือน เดินทาง 2 เดือน สำรวจ 2 เดือน ดร.สุชนา รับผิดชอบสำรวจในส่วนของปลาทะเล ว่าสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อพฤติกรรมการกินอาหารของปลาหรือไม่ มีการเก็บตัวอย่างดินมาวิเคราะห์ว่ามีมลพิษหรือไม่ และได้มีการช่วยนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆในกลุ่มชีววิทยา และกลุ่มสมุทรศาสตร์ ที่มีการเก็บตัวอย่างน้ำทะเล แพลงตอน ซึ่งก๊าซเรือนกระจกจะมีผลกระทบอย่างไร ต่อสัตว์เหล่านี้
การเดินทางไปพื้นที่สำรวจของทีมนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นนั้น ต้องใช้เรือตัดน้ำแข็งเข้าไปสำรวจ เพราะเป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถนำเครืองบินลงจอดได้ ระหว่างที่อยู่บนเรือ ก็มีการเก็บตัวอย่างน้ำทะเล แพลงตอน สัตว์ทะเลระหว่างทาง และมีการเตรียมความพร้อม สัมภาระอื่นๆก่อนลงมือสำรวจ สิ่งที่ลำบากที่สุดก็คือ การออกไปทำงานบนทะเลน้ำแข็ง เป็นงานกลางแจ้งที่เสี่ยง เพราะหากไม่มีความระมัดระวังอาจเกิดอุบัติเหตุ
2 เดือนที่อยู่ที่ศูนย์วิจัยนั้น จะแบ่งกลุ่มกันศึกษา เช่นวิเคราะห์ชั้นบรรยากาศชั้นสูง ดูแสงออโรร่า หรือสนามแม่เหล็ก การตรวจชั้นบรรยากาศ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การสำรวจทางชีวทยา สำรวจสัตว์ทะเล เพนกวิน สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ต้องการไปศึกษาสัตว์ที่นั่น เพราะสัตว์จะแสดงออกจากความเป็นธรรมชาติ ไม่เกรงกลัวมนุษย์ ที่แอนตาร์กติก เพนกวินจะเดินมาดูด้วยความสงสัย เป็นสัตว์สังคมที่มีพฤติกรรมเฉพาะของพวกมัน
ผลการศึกษาตัวปลาที่ทำการวิจัย พบว่ามีพยาธิเจริญเติบโตอยู่ที่ปลาจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับอดีต ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาว่า ด้วยปัจจัยอะไรที่ทำให้ปรสิตเติบโตได้ดี นอกจากนี้ยังมีอุกกาบาตที่เป็นหินแร่จากอวกาศ จะพบได้เยอะ พบได้ง่ายเพราะพื้นเป็นสีขาว อุกกาบาตเป็นสีดำ อีกทั้งเป็นพื้นที่เย็นไม่ละลาย ซึ่งทีมสำรวจของญี่ปุ่นมีการเก็บไปวิจัยศึกษากันอย่างจริงจัง
หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน นับว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า เพราะได้เรียนรู้วิธีการทำงาน และการเห็นการเปลี่ยนแปลงในขั้วโลกใต้ อย่างเช่นพยาธิในปลา เพนกวินเริ่มได้รับผลกระทบ เพราะน้ำแข็งหนาขึ้น มีพายุหิมะจำนวนมาก ส่งผลต่อการหาอาหาร การสืบพันธ์ ส่งผลจำนวนเพนกวินลดลง สิ่งมีชีวิตได้รับผลกระทบ สภาพภูมิอากาศที่
เปลี่ยนแปลงอาจจะเป็นโลกร้อนหรือโลกเย็นก็ได้บางพื้นที่ในบางประเทศ จะพบว่าหิมะตกหนักมาก
ขณะที่ในส่วนของปะการัง ในทะเลประเทศไทย ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาจะพบว่าเกิดปะการังฟอกขาว บางพื้นที่ได้รับผลกระทบมาก เป็นสิ่งที่น่าห่วง สาเหตุเกิดจากอุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาวิจัยในการฟื้นฟูปะการังแบบอาศัยเพศ ที่ทนต่อการเปลี่ยนแปลงได้
สุดท้ายอยากจะฝากให้ทุกคนคิดว่า เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ไม่ใช่ธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งของเรา ถ้าธรรมชาติเปลี่ยนไป มนุษย์เราก็จะได้รับผลกระทบด้วย แต่เราคงไม่สายเกินไปที่จะช่วยกันเช่น ประหยัดพลังงาน ลดการใช้ถุงพลาสติก กล่องโฟม หากเราช่วยได้ก็จะช่วยกัน เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบกับธรรมชาติสิ่งแวดลอมไม่มากก็น้อย
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com