5 ข้อดี.... ของคนเรียนไม่เก่ง ที่เด็กเทพๆ ยังต้องอิจฉา
สมาชิกเลขที่45049 | 20 พ.ค. 55
1.1K views

ต้องยอมรับนะคะว่า ความคาดหวังที่พ่อแม่มีต่อลูก คือ อยากให้ลูกเรียนเก่ง ดังนั้นไม่แปลกใจเลย ถ้าพ่อแม่ของน้องๆ พยายามส่งให้เราไปเรียนพิเศษ เพื่อให้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้ หลายคนอาจเบื่อกับความคาดหวัง แล้วก็รู้สึกท้อที่สมองเราไม่ได้ดีเหมือนใครๆ แหม... ถ้าปลงกันขนาดนี้ พี่มิ้นท์ ขอปลอบใจน้องๆ แล้วกันว่า จริงๆ แล้วการที่เราไม่ได้เป็นจุดเด่นในห้องเรียนก็มีข้อดีเหมือนกัน

เด็กดีดอทคอม :: 5 ข้อดี.... ของคนเรียนไม่เก่ง ที่เด็กเทพๆ ยังต้องอิจฉา

ข้อดีที่ 1 : เรียนแบบสบายๆ
              ไม่มีใครรู้หรอกว่า ความสุขของคนเกรดธรรมดาๆ มีมากแค่ไหน อยู่ในห้องก็เรียนแบบสบายๆ ได้  ไม่ต้องเครียดว่าเรียนบทนี้ไม่รู้เรื่องแล้วอนาคตจะดับสูญ ไม่ต้องกังวลว่าเรียนไม่รู้เรื่องแล้วจะทำการบ้านให้เพื่อนลอกไม่ได้ ดังนั้นในแต่ละวันก็ทำตัวสบายๆ ไม่มีความกังวล ไว้รอมาเครียดอีกทีกันตอนสอบ


ข้อดีที่ 2 : เกรดขึ้นดีใจ เกรดเท่าเดิมเท่าทุน แย่กว่าเดิมไม่เจ็บ
              ว่ากันว่าเรื่องเกรดนี่เป็นตรารับประกันคุณภาพการเรียนกันเลยทีเดียว สำหรับเด็กเทพๆ แล้ว เกรดคือเป้าหมายสูงสุด ดังนั้นเด็กที่เรียนเก่งๆ จะค่อนข้างมีความเครียดสูง และสิ่งที่จะต้องทำให้ได้ คือ ต้องทำเกรดให้มากกว่าเดิม คิดดูว่าถ้าของเดิม 3.9 อยู่แล้ว ดีกว่าเดิม นี่คือกะจะเอา 4.00 ให้ได้เลยใช่มั้ย?? เกรดหล่นไปเพียงประจุเดียว นอนร้องไห้สามวันสองคืน
              แต่สำหรับคนธรรมดาอย่างเราๆ ถ้าเกรดขึ้นซัก 0.5 จาก 2.5 เป็น 3.0 แม่อาจจะเห่อกว่าใครเพื่อน เอาไปโม้ได้ว่าลูกตัวเองเรียนเก่งขึ้นตั้งเยอะ!! ซึ่งเราจะได้รับคำชมด้วย แต่ถ้าเกรดเราเท่าเดิมก็ถือว่าเท่าทุน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าแย่กว่าเดิมก็จะไม่เจ็บมาก เพราะมีภูมิต้านทานมากพออยู่แล้ว


ข้อดีที่ 3 :  ไม่ต้องกดดันจากความคาดหวังของแม่
              ต้องยอมรับว่าคนที่เรียนเก่งอยู่แล้ว ก็จะเป็นที่คาดหวังของพ่อแม่ อยากให้ได้เรียนที่ดีๆ ได้เกรดดีๆ แต่สำหรับคนที่เกรดกลางๆ พ่อแม่จะไม่ค่อยเคี่ยวเข็ญมาก เอาแค่เรียนจบ ไม่สอบตกก็พอ ดังนั้นก็ลดความกดดันตรงนี้ลงไปได้เยอะ เราก็สามารถเดินตามความฝันของเราได้เต็มที่แบบไม่ต้องเครียด


ข้อดีที่ 4:  อาจารย์ไม่ค่อยเล็ง
              ถ้าเราไมได้ดื้อจนอาจารย์เล็งเป็นพิเศษล่ะก็ เด็กกลางๆ อย่างเราก็แทบเป็นอากาศธาตุในห้องเรียนไปเลย เพราะเวลาอาจารย์ถามก็มักจะได้คำตอบจากเด็กเรียนแถวหน้า หรือไม่ก็เล็งไปที่เด็กไม่ตั้งใจเรียน 
              ซึ่งการเป็นเป้าหมายให้อาจารย์เล็งทำให้คนคนนั้นกดดันได้เหมือนกันนะ เช่น เวลาอาจารย์มีคำถาม ถามโพร่งขึ้นกลางห้อง ทุกคนก็จะไปตั้งความหวัง ว่าเออน่ะ เดี๋ยวคนเก่งๆ ก็ตอบกัน เราอยู่เฉยๆ ไปเถอะ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ มันเหมือนเป็นหน้าที่ของชีวิตเด็ก 3.8+ ไปแล้วล่ะ เห็นแบบนี้เริ่มสงสารเด็กเรียนเก่งบ้างรึยังล่ะ ซึ่งส่วนนี้ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้เราเรียนสบายขึ้น ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาของอาจารย์ ขอแค่ตั้งใจเรียนตามปกติ และเอาความรู้ไปสอบก็พอ


ข้อดีที่ 5: เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องแคร์ใคร
               เมื่อเราไม่ได้เรียนเก่ง ก็ไม่ต้องเป็นจุดเด่นของห้อง ซึ่งจะทำให้เราเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ อย่างเวลาสอบก็ไม่ต้องไปนั่งลุ้นว่าจะต้องแข่งกับใครบ้าง เทอมนี้จะติด Top5 มั้ย เพราะถ้าเลยคนที่ 10 มา ก็เริ่มไม่มีใครนั่งไล่แล้วว่าใครสอบได้ที่เท่าไหร่ อีกมีคนนั่งไล่ก็ไม่มีคนอยากรู้เท่าไหร่ ฮ่าๆ
               อีกอย่างนึง คือ การเป็นจุดเด่น ทุกคนในห้องจะโฟกัสไปที่คนนั้น เช่น เวลามีแข่งประกวดตอบคำถาม ประกวดสุนทรพจน์ ประกวดเขียนเรียงความ ฯลฯ เด็กเรียนนั่นแหละ คือ ความหวัง (จริงๆ ก็ไม่ได้หวังอะไรขนาดนั้น แค่ขี้เกียจประกวดกัน ก็ให้เด็กเรียนนี่แหละไปเป็นหน้าเป็นตา) ส่วนเราก็นั่งเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆต่อไป :)

Share this