ในบรรดาอาหารที่เอร็ดอร่อยทั้งหลาย ส่วนมากมักจะมีพลังงานสูง และถึงรู้ทั้งรู้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลิ้มลองรสชาติเมื่อกินหมดจึงเริ่มกังวลแล้วละว่า ที่กินไปนั้นจะทำให้น้ำหนักขึ้นสักกี่กิโลกรัม…
ถ้าคุณยังคงมีพฤติกรรมการกินแบบนี้ ลองมาดูคำพยากรณ์สุขภาพเกี่ยวกับอาหารจานโปรดที่คุณชอบกินซิว่า มีผลดีหรือผลเสียอย่างไร โดยจะแบ่งความรุนแรงออกเป็น 4 ระดับตามตัวอักษร ดังนี้
A รุนแรงเล็กน้อย
B รุนแรงปานกลาง
C รุนแรงมาก
D รุนแรงมากที่สุด
ถ้าคุณเป็นที่ชอบกินอาหารที่มีกะทิน้ำมัน หรือเนย
ได้แก่ แกงเขียวหวาน แกงเทโพ พะแนง มัสมั่น แกงอินเดีย แกงฮังเล หรือ หรือ ชอบกินอาหารติดมันหรือซีส เช่น คอหมุย่าง หนังไก่ ทอด หมุกรอบ เป็ดปักกิ่ง ขาหมู ลาซานญ่า พิซซ่า อาหารอิตาเลียน
พยากรณ์สุขภาพ
A ถ้าคุณยังเป็นวัยรุ่นอยู่และกินอาหารประเภทนี้สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง ก็คงไม่มีผลต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่มีน้ำหนักเกินอยู่แล้วหรืออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป จะทำให้ระดับคอเลสเตอรอลและระดับ LDL (ไขมันไม่ดี ) ของคุณเพิ่มขึ้นได้
B ถ้าคุณรับประทานอาหารประเภทนี้สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้งภายในหนึ่งเดือนน้ำหนักอาจจะพุ่งขึ้น 1 กิโลกรัมเลย และสำหรับคนที่มีน้ำหนักเกินอยู่แล้วมีอัตราเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนได้
C ถ้าคุณเป็นคนที่โปรดปรานอาหารประเภทนี้มาก ต้องมีในสำหรับอาหารทุกมื้อ และกินติดต่อกันเกิน 1 ปี มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือด คอเลสเตอรอลและไตรกลีเวอไรด์สูงซึ่งเป็นสาเหตุโรคหัวใจได้
D ถ้าคุณมีระดับคอเลสเตอรอลและตรกลีเซอไรด์สูง หรือเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจอยู่แล้ว และยังกินอาหารประเภทนี้อยู่เป็นประจำจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของโรคมากยิ่งขึ้น
วิธีแก้ไข
ในระยะแรก ถ้าคุณกินอาหารประเภทนี้เพียงสัปดาห์ละ 1 หรือ 2 วัน อาจไม่มีผลต่อน้ำหนักของคุณเท่าไหร่ ตราบใดที่ระบบการเผาพลาญอาหารของคุณยังไม่ลดต่ำลง ซึ่งจะเกิดขึ้นตามวัย แต่ถ้าอายุของคุณเริ่มเข้าเลข 3 หากรักที่จะกินกะทิ หรืออาหารที่มีไขมันสูง ก็คงต้องหาเวลาออกกำลังกายเพื่อเพิ่มปริมาณ HDL (ไขมันที่ดี) กันแล้วละ
ส่วนผู้ที่มีภาวะคอเลสเตอรอลหรือไตรกลีเซอไรด์สูง ต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง ลดแกงกะทิทั้งหลาย และลองเปลี่ยนไปกินแกงป่าแกงส้ม หรือต้มยำ แทนสัก 3 – 6 เดือน แล้วกลับไปเซ้คระดับดอเลสเตอรอลและไตรกลีเวอไรด์อีกครั้ง รับรองว่าลดระดับจากเดิมแน่นอน
แต่ถ้าจะให้ร่างกายของคุณมีสุขภาพดียิ่งขึ้น คุณคงต้องกินอาหารที่ช่วยควบคุมระดับน้ำคอเลสเตอรอลและลดการดูดซึ่งไขมัน ได้แก่ ผักและผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เช่น แอ๊ปเปิ้ล ฝรั่ง เซเลอรี่ ผักโขม บรอกดอลี คะน้า ผักบุ้ง และเปลี่ยนไปกินข้าวกล้องแทนข้าวขาว พยายามเลือกกินดปรตีนจากปลาทะเลหรือเต้าหู้ เปลี่ยนไปใช้น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง หรือใช้กะทิธัญพืชประกอบอาหารแทน แล้วคุณจะควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่หมัด
ถ้าคุณชอบกินขนมไทยและเบเกอรี่
ขนมไทย เช่น ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ ลูกชุบ ขนมครก ขนมชั้น ฝอยทอง เม็ดขนุน ขนมกะทิทั้งหลาย มีส่วนผสมหลักส่วนมากเป็นแป้ง น้ำตาล และกะทิ
เบกอรี่ เช่น พาย ครัวซองต์ เค้ก คุกกี้ ซีสเค้ก ขนมปังไส้ต่างๆ มีส่วนผสม ได้แก่ แป้ง น้ำตาล ไขมันจากสัตว์ เช่น เนย และ ไขมันทรานส์ เช่น มาร์การีน เนยขาว
พยากรณ์สุขภาพ
A ถ้ากินสัปดาหืละ 3 -4 ครั้ง จะทำให้น้ำหนักของคุณขึ้นไม่ค่ำกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
B ถ้ากินทุกวันหรือมากกว่า 5 วันต่อสัปดาห์ นานเกิน 6 เดือน จะทำให้ระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลของคุณพุ่งสูงเกินมาตรฐาน
C ถ้าคุณเป็นดรคเบาหวานหรือโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดอยู่แล้วควรต้องหลีกเลี่ยงขนทต่างๆ เหล่านี้ มิฉะนั้นจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงของโรคได้
วิธีแก้ไข
ในระยะแรกคุรต้องพยายามลดปริมาณขนทลงครึ่งหนึ่ง เปลี่ยนไปกินผลไม้ที่ไม่หวานมากและมีใยอาหารสุงแทน เช่น แอ๊ปปิ้ล สาลี่ ชมพู่ ส้ม กล้วย ผรั่ง พุทรา หรือเลือกขนมที่ทำจากส่วนผสมประเภทโฮลวีต เช่น ขนมปังโฮวีต แครกเกอร์โฮตวีต คุกกี้ข้าวดอ๊ตถ้าเป็นขนมไทยก็พยายามหลีกเลี่ยงขนมที่ใส่กะทิ เปลี่ยนเป็นเฉากีวยหรือถั่วเขี่ยวต้มน้ำตาลแทน แต่ถ้าอยากินจริงๆก้กินได้ไม่เกินเดือนละ 2 -3 ครั้ง เหมือนเป็นการให้รางวัลตัวเอง รับรองว่าสุขภาพในปีนี้ของคุณจะดีขึ้นแน่นอน
ถ้าคุณชอบดื่มเครื่องดื่มที่มีรสหวาน
ได้แก่ ชานม กาแฟเย็น นมเย็น โกโก้ร้อน กาแฟปั่น น้ำผลไม้ปั่น น้ำหวาน เครื่องทุกชนิดที่แต่งหน้าด้วยวิปครีม เป็นต้น
พยากรณ์สุขภาพ
A ถ้าคุณดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละ 1 แก้ว ช่วง 1 – 2เดือน แรกอาจไม่มีผลต่อน้ำหนักของคุรเท่าไหร่ แต่พอเข้าเดือนที่ 3 รับรองคุณจะตกใจว่าทำไมคุณกินอาหารเหมือนเดิม แต่น้ำหนักกลับขึ้นมาได้
B ถ้าคุณดื่มหลังอาหารทุกมื้อติดต่อกันเป็นระยพเวลาประมาณ 6 เดือน ระดับไตรกลีเวอไลด์ของคุณมีสิทธิ์เกินจากเกณฑ์มาตรฐานและคุณจะอ้วนโดยไม่รู้
C หากคุณดื่มมากกว่าวันละ 2 แก้ว เรียกได้ว่าดื่มแทนน้ำเลยก้ว่าได้ ติดต่อกันเป็นระยะประมาณ 1 ปีขึ้นไป รับรองว่าคุณมีสิทธ์เป็นดรคอ้วน อาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินมาตรฐานและค่อนข้างมีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวานในอนาคต
D สำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานอยู่แล้ว เพียงคุณดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้วันละ 1 – 2 แก้วก็เป้นอันตรายต่อร่างกายของคุณมากอย่าแก้ปัญหาโดยการกินยาลดน้ำตาลอยู่เลย เพราะจะจะยิ่งทำให้ความรุนแรงของโรคมากยิ่งขึ้น คุณควรดื่มน้ำเปล่า หรือถ้าอยากดื่มอะไรหวานๆ ก็คงต้องใช้น้ำตาลทราย ไม่เกินวันละ 1- 2 ช้อนชาน้ำตาลเที่ยใ หรือสมุนไพรบางชนิดที่ให้ความหวาน เช่น หญ้าหนวดแมว แทนดีกว่า
วิธีแก้
สำหรับผุ้ที่ดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้เพียงวันล่ะ 1 แก้ว คุรคงต้องพยายามจำกัดปริมาณลงให้เหลือสัปดาห์ละไม่เกิน 2 -3 แก้ว เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้ดูดซึมเข้าร่างกายได้เร็ว ทำให้อวัยวะต่างๆต้องทำงานหนักเพื่อควบคุมของเหลวในร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติ เช่น ตับต้องเร่งผลิตอิซูลินเพื่อลดรัดับน้ำตาลในเลือด และไตต้องขับถายของเสียออกจากร่างกาย ข้อสำคัญอีกอย่างคือ ความหวานมีผลทำให้เซลล์ของคุรเสื่อมเร็ว จึงทำให้แก่กอ่นวัยอีกด้วย
หากเป้นผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วนอยู่แล้ว ก็ต้องหยุดดื่มเลยครับเพราะทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น ส่วนคนที่เป็นเบาหวานหรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เห็นทีต้องมองเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นแค่ทางผ่าน ถ้าอยากดื่มจริงๆ แค่จิบๆ นิดหน่อยก้พอนะครับ
จบคำพบากรณ์สุขภาพเพียงแค่นี้ และหวังว่า ถ้าคุณอยากเป็นผู้มีสขภาพดีและไม่อ้วน ก้ต้องพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมตังเองตามคำพยากรณืนี้ รับรองว่าแม่นจริงๆ
ที่มา : นิตยสาร HEALTH & COLSISNE