การผ่าตัดเสริมสวยด้วยจมูก
สมาชิกเลขที่45049 | 19 พ.ค. 55
450 views

โดยทั่วไปนั้นการเสริมสวยจมูกมีขั้นตอนดังนี้

วิธีการผ่าตัด

                การเสริมจมูกจะใช้การผ่าตัดขนาดเล็ก และเกือบจะทั้งหมดใช้ในการเสริมด้วยซิลิโคน (Medical Grade Silicone) ที่ยอมรับถึงความปลอดภัยสูง  โดยสอดผ่านทางรอยผ่าตัดนี้จะมองไม่เห็นจากภายนอก  แพทย์จะเริ่มผ่าตัดขนาดเล็กที่ด้านในของจมูก  ซึ่งแผลเหล่านี้จะมองไม่เห็นจากภายนอก  แพทย์จะเริ่มผ่าตัดโดยการออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับรูปหน้า  และโครงสร้างจมูกก่อน  จากนั้นจึงเริ่มการเสริมจมูกโดยการฉีดยาชาพาะบริเวณที่รอบจมูก  บางรายอาจใช้ยาสลบร่วมด้วยโดยการฉีดยาหรือกินก็มี  สำหรับผู้ที่จะทำเกิดตื่นเต้นมาก  แต่ส่วนใหญ่ใช้ยาชาก็พอแล้ว  หลังผ่าตัดก็สามารถกลับบ้านได้ทันที  แพทย์จะนัดมาตรวจดูอีกครั้ง 7 วันให้หลัง  เพื่อตัดไหมและตรวจดูความเรียบร้อย

การดูแลหลังผ่าตัด

                โดยทั่วไปแล้วมักไม่จำเป็นต้องปิดแผลบริเวณที่จมุกเลย  สามารถเดินทางกลับบ้านได้ทันทีโดยที่คนทั่วไปอาจไม่สังเกตความผิดปกติ (ขึ้นอยู่กับฝีมือของแพทย์ด้วย)  นอกจากอาการบวมปูดให้ผิดสังเกต  แต่แพทย์บางคนอาจนิยมใช้ Plaster ปิดบริเวณสันจมุกหรืออาจใช้เผือกดามบริเวณสันจมูกด้วย  แล้วแต่ความนิยมและประสบการณ์ของแพทย์แต่ละคน

                เมื่อกลับถึงบ้านให้ใช้ผ้าเย็นประคบโดยรอบจมูกประมาณ 1 -2 วัน  เพื่อไม่ให้มีเลือดออกจะได้มีอาการบวมน้อยลงลดอาการอักเสบ  จากนั้นวันที่ 3 – 4 เมื่อมีอาการบวมเต็มที่แล้วให้เปลี่ยนมาประคบด้วยผ้าอุ่นเพื่อลดอาการบวมให้น้อยลง

ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

                พอได้น้อย  ถ้าได้รัการผ่าตัดอย่างถูกต้องและมีการดูแลที่ดีพอ  อย่างไรก็ดีอาการแทรกซ้อนเหล่านี้ก็อาจเกิดขึ้นได้คือ

                1. จมูกที่เสริมเกิดความเอียง  ผิดรูปทรง  ถ้าคุณตรวจพบในระยะแรก 1 -2 สัปดาห์แรกที่แผลยังไม่เข้าที่  แพทย์อาจช่วยดัดให้เข้าที่ได้  ถ้าเกิดภายหลังอาจเกิดการชนหรือกระแทกบริเวณจมุกจะไม่สามารถตัดให้เข้าที่ได้  มักจะต้องผ่าตัดใหม่

                2. เกิดอาการจมูกอักเสบ  เกิดขึ้นได้  ถ้ามีการติดเชื้อบริเวณที่ทำการผ่าตัด  หรือบางครั้งเกิดจากการอักเสบผิวหนังบริเวณใก้เคียง  เช่น  เป็นบริเวณจมูก  บ่อยครั้งที่มักเกิดจากการเสริมที่โด่งเกินไป  เพราะอยากได้จมูกเกิดความยืดตัวของผิวหนัง  จนเกิดแดงที่บริเวณปลายจมูก  และอาจทะลุออกมาได้

                ที่มา : alternative health

Share this