บทที่ 1
<การปรากฏอีกครั้ง>
ปี ค.ศ. 2130
“ม่ามี้!! เห็นชีทเคมีของหนูไหมค่ะ!” เด็กสาววัยรุ่น ผมทองบลอนท์สั้น สวมชุดนักศึกษา กำลังคาบขนมปังปิ้งอยู่ที่ปากกำลังวิ่งลงมาหาของในตู้วางหนังสือ ใช่แล้วนี้คือคิมส์ ตอนนี้เรียนมหาวิทยาลัย คณะประวัติศาสตร์และความเชื่อ เธอเรียนก่อนเกณฑ์ 3 ปี ตอนนี้เธออายุเพียง 16 ปี ทั้งที่จริงๆแล้วเธอควรจะเรียนอยู่มัธยมปลาย เพราะด้วยผลการเรียนเป็นที่น่าภาคภูมิใจของโรงเรียน เธอจึงได้โควต้าก่อนใครในโรงเรียน แต่เธอก็สะเพร่า ขี้ลืมชีทบ่อยครั้ง โดยเฉพาะวิชาเคมี
“ใช่นี้รึเปล่า ลูกคิมส์” เธอหันไปหาเสียงแม่ที่กำลังยืนถือใบชีทเคมีพร้อมกับแขว่งไปมา
“นั้นแหละค่ะๆ ขอบคุณมากค่ะ..อ๊ะ” เธอวิ่งไปหาแม่พร้อมยื่นมือไปหยิบชีทในมือแม่ แต่แม่ของเธอกลับชักมือเข้า ส่ายหน้าและพูดว่า
“ขี้ลืมแบบนี้ วันหลังไม่หาให้แล้วน่ะ สะเพร่าจริงๆเลย วันนี้กลับมาช่วยแม่ทำความสะอาดบ้านด้วยน่ะ” และยื่นชีทให้คิมส์
“ขอโทษค่ะ วันหลังไม่ลืมแล้วค่ะ” เธอรู้ว่าวันหลังก็ลืม พร้อมยิ้มนิดๆ แม่เธอส่ายหน้าในความกะล่อนของลูกสาวแสนซนคนนี้
“ไปแล้วนะค่ะม่ามี้” คิมส์บอกกับแม่พร้อมกับกดสวิตซ์เปิดประตูออกไปจากบ้าน
แม่หันหน้าไปมองลูกสาวที่กำลังขึ้นรถแท็กซี่ที่ใช้พลังงานแม่เหล็ก ซึ่งรถแบบนี้จะไม่มีคนขับและสามารถใช่คำสั่งไปมหาวิทยาลัยได้เลย คิมส์เข้าไปในรถหลังจากที่ปิดประตูแล้ว เธอจึงหันไปหาแม่แล้วโบกมือยิ้มแย้มให้แม่ยืนดูเธออยู่ทางหน้าประตูทุกๆวัน
“เฮ้อ! เสร็จไปงานหนึ่ง” จากนั้นเธอก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาสีครีมขนาดใหญ่ แล้วมองไปที่ภาพผู้ชายคนหนึ่งพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง “คุณจะรู้บ้างไหมน้า ว่าลูกเราทั้งเรียนเก่งทั้งแก่นแก้วกะล่อนน่ารัก แถมสวยอีกต่างหาก เฮ้อ! ยิ่งพูดก็เหนื่อยใจในความกะล่อนจริงๆเหมือนใครก็ไม่รู้?” เธอบ่นพรำถึงลูกสาว กริ๊ง...กริ๊ง...เสียงโทรศัพท์แบบอัตโนมัติ เวลาจะรับไม่ต้องกดอะไรพูดออกมาได้เลย
“สวัสดีค่ะ บ้านเฟอร์เรจิสค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณนาย เจน์นิเฟอร์”
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรค่ะ?”
“ดิฉัน ซิสเตอร์ คาเอนี่น่ะค่ะ เรื่องที่คุณนายเคยมาปรึกษากับดิฉันเรื่องเกี่ยวกับกล่องเก่าๆนั้นและ ลูกสาวของคุณน่ะค่ะ”
“ อ๊ะ!! ซิสเตอร์ ค่ะๆ เป็นอย่างไรบ้างค่ะ”
“ตอนนี้ลูกสาวของคุณนายอยู่ไหมค่ะ?”
“เอ๋อ ต้องขอโทษด้วยน่ะค่ะ พอดีลูกสาวของดิฉันวันนี้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยพอดี เมื่อครู่นี้เองน่ะค่ะ สะดวกอีกวันไหนไหมค่ะ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะติดต่อไปใหม่นะค่ะ”
“ขอโทษจริงๆน่ะค่ะ สวัสดีค่ะ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ...ติ๊ด”
หลังจากที่เจน์นิเฟอร์คุยกะแม่ชีคาเอนี่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้านต่อ ส่วนทางคิมส์ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย
“นักเรียนวันนี้คิมส์ดูเหมินลอยมากๆเลยน่ะครูจะทำโทษเธอโดยไม่ให้เธอไปกินข้าวเข้าใจไหม?” คุณครูสาวสวยประจำคณะของคิมส์พูดขึ้น
“อ๊ะ =[]=!! ครูค่ะ หนูฟังครูตลอดเลยน่ะค่ะ T^T” คิมส์เถียงครูขึ้นบ้าง
“ทุกคน ไปพักได้จ๊ะ ^^” คุณครูยิ้มพร้อมหันไปทางคิมส์
“อยู่นี้ก่อนน่ะจนกว่าครูจะอนุญาต ^^”
คิมส์มองคุณครูที่เดินออกไปจากห้อง เปิดประตูออกไปแล้วก็ปิดประตู เธอหันกลับมาอีกที เพื่อนๆของเธอก็ไม่เหลือแล้ว ไปทานอาหารกลางวันกันหมดไม่เหลือใครเลย เธอก้มหน้าฟุบลงที่โต๊ะเรียน แล้วถอนหายใจ เฮ้ออออออ!! เธอรู้สึกเหงา และหิวมากด้วย แต่สักพัก..Happy Birthday to you...Happy Birthday to you… เสียงร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดก็ดังขึ้นมาจากหน้าต่างแต่เธอก็ไม่สนใจ ก้มหน้าลงไปฟุบโต๊ะต่อ และอยู่ๆก็มีเสียงดัง ปัง!!!!!!!!!! เสียงประตูห้องเริ่มส่งเสียงดังจนเธอทนไม่ได้ ลุกขึ้นมาจากโต๊ะ เดินไปเปิดโต๊ะประตู
“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์คิมส์!!!” ทุกคนในห้องมาเซอร์ไพร์คิมส์ที่หน้าห้องร่วมทั้งคุณครูประจำชั้นด้วยพร้อมกับถือเค้กและพิซซ่าฉลองวันเกิดที่เขียนว่า ‘happy birth Kim’
“นี้..ทุกคน..คุณครูเดลี่....”
“ฮ่าๆๆ เรามาเซอร์ไพร์เธอน่ะคิมส์ แฮปปี้เบิร์ดน่ะ ^^v”
“ขอบคุณมากจ๊ะ ฉันไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี คุณครูค่ะ หนู..”
“ไม่ต้องหรอกน่ะ เงินพวกนี้เราสมัครใจจ่ายเพื่อเธอ ฮ่าๆครูเองก็ลงจ่ายด้วยน่ะ ^w^”
“ไม่รู้จักขอบคุณยังไงดี..”
“โอ๊ย..มัวแต่ขอบคุณ ไม่ได้กินกันพอดี หิวจะได้อยู่แล้วครับอาจารย์ = =;;”
“จ้าๆ ไปๆเข้าไปในห้องฉลองกันน่ะ ^^”
“ เย้ๆๆๆ”
และแล้วความเหงาของคิมส์ก็หายไปเป็นปริดทิ้ง เมื่อจัดงานวันเกิดก็ต้องก่อนอื่นเลย..
“ก่อนอื่น..คิมส์จ๊ะ เป่าเทียนแล้วอธิฐานก่อนน่ะ” คุณครูเดลี่ยื่นเค้กที่จุดเทียนอยู่บนหน้า 17 เล่ม วันนี้ คือวันครบรอบ 17 ปีของคิมส์
“เอาล่ะน่ะค่ะ...โอมเพี้ยง!!”
ฟู่...คิมส์เป่าเทียนบนเค้กได้หมดแสดงว่าคำอธิฐานของคิมส์จะเป็นจริง.......
“เอาล่ะ!! ตัดเค้กได้!!! ><//” คุณครูเดลี่สั่งการตัดเค้กเริ่มงานได้เลย ทั้งเพื่อนๆของคิมส์ก็เริ่มการตัดแบ่งเค้กและแกะพิซซ่าฉลองกัน ทุกอย่างมีความสุขและความหิวของคิมส์หายไปเมื่อจบงานเพื่อนคนหนึ่งเดินมาหาคิมส์ที่กำลังเก็บกระเป๋า
“คิมส์ กลับบ้านกัน”
“จ้า” คิมส์รีบสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกมาบ้านห้องพร้อมกับเห็นว่าหน้าห้องไม่ได้เพื่อนคนที่เรียกคิมส์เพียงแค่คนเดียว มีเพื่อนสาว 3 คน ชาย 2 คนที่กลับบ้านกับคิมส์เป็นประจำและวันนี้คงเป็นวันที่คิมส์ไม่มีวันลืมตลอดไปแน่นอน เพราะวันนี้คงเป็นวันที่คิมส์ได้มีความสุขและสมหวังในสิ่งที่อธิฐานไว้กับเค้กวันเกิดวันนี้ ทั้ง 5 คนเดินไปขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านด้วยกันที่หน้ามหาวิทยาลัย แต่ละคนค่อยๆทะยอยลงจากรถแท็กซี่และแล้วก็ถึงตาคิมส์ รถแท็กซี่จอดที่หน้าบ้านของคิมส์
“บายจ้า คิมส์”
“จ้า เทเลอร์ พรุ่งนี้เจอกันน่ะ”
“จ้า”
คิมส์หน้าไปโบกมือลาเพื่อนสาวคนสุดทางของรถแท็กซี่ และหันเข้ามาที่ประตูบ้าน วางนิ้วหังแม่มือบนเครื่องสแกนลายนิ้วมือ จากนั้นประตูก็ลื่นเปิด ฟืบบบ... เธอเดินเข้าไปในบ้านถอดรองเท้า เดินเข้ามาเหมือนเดิม
“กลับมาแล้วค่ะ แม่”
กริ๊ง...กริ๊ง กริ๊ง...กริ๊ง กริ๊ง...กริ๊ง... เสียงโทรศัพท์บ้านเธอดังขึ้น คิมส์รีบเดินมาพูดโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ บ้านเฟอร์เรจิส”
“สวัสดีจ๊ะ ฉันคือซิสเตอร์ คาเอนี่ ฉันมีเรื่องคุยกับหนูนิดหน่อย มีเวลาสักหน่อยไหมจ๊ะ?”
“เอ่อ..ค่ะๆ มีค่ะ ตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ แล้วหนูแนะนำตัวนะค่ะ หนูชื่อ...”
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ต้องจ๊ะๆ หนูคิมส์ ฉันรู้แล้วจ๊ะ หนูหันไปที่บนโซฟานะจ๊ะ”
คิมส์หันไปทางโซฟา แล้วท่าทางตกตะลึง ‘กล่องใบนี้...มาได้ยังไง..?’
“คุณรู้ได้ยังไงค่ะ? ว่ากล่องใบนี้...”
“หันมองไปดีๆอีกครั้ง ไปดูอีกที หนูจะนึกอะไรออกแน่”
คิมส์หันไปที่กล่องนั้นอีกครั้งตามคำที่แม่ชีบอก เธอหันไปมองที่กล่อง และนึกอะไรขั้นได้อย่างหนึ่งว่ากล่องนี้คือกล่องที่เธอเคยพยายามเปิดตอนอายุ 3 ขวบ
“หนูจำได้ใช่ไหม? แล้วกล่องใบนี้คืออะไร?”
“ใช่ค่ะ นี่คือสมบัติประจำตระกูลของหนูค่ะ ว่าแต่มันหายไปตั้งแต่หนูยังเด็กมากเลยนะค่ะ มันมาได้ยังไง?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่ต้องตกใจจ๊ะ มันมีทั้งสิ่งที่แน่นอนและสิ่งที่ไม่แน่นอนบนโลกใบนี้ แต่ที่สำคัญหนูเห็นมันแล้วหนูจะทำอย่างไรกับมัน?”
ขณะนั้นคิมส์มีความคิดในหัวว่าเธอต้องทำอย่างต่อไปโดยทันที และหันหน้ากลับมาทางโทรศัพท์
“หนูจะพยายามเปิดมันค่ะ”
“ดีมากจ๊ะ หนูเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมากเลยน่ะ ต้องการคำแนะนำอะไรมั้ย?”
“ค่ะ ทำอย่างไงหนูถึงจะเปิดกล่องใบนั้นได้ค่ะ”
“ฉันไม่สามารถบอกเธอได้หรอกน่ะ เรื่องนี้ แต่ฉันสามารถบอกที่มามันมาน่ะ”
“ที่มา? ก็ได้ค่ะเผื่อว่าหนูจะได้ไปหาทางเปิดมันค่ะ”
“กล่องใบนั้น สร้างขึ้นเมื่อยุคเริ่มต้นประวัติศาสตร์ ยุคที่เพิ่งเริ่มต้นการมีตัวอักษรใช้สื่อสารกัน ง่ายๆคือสร้างเมื่อ 3,500 ปีก่อน ซึ่งอาจจะเป็นบรรพบุรุษของหนูสร้างขึ้น”
“ห๊า!! 3,500 ปี นานไปมั้ยค่ะซิสเตอร์?” คิมส์ร้องเสียงหลง เพราะตกใจเวลาการสร้างกล่องนี้ มันยาวนานมากและน่าตกใจว่าระยะเวลาขนาดนี้ ไม่น่าจะยังอยู่คงสภาพดีมากขนาดนี้แต่มันยังดูดีอยู่เลยนะค่ะ แม้ว่ามันจะดูเก่าไปมาก และลวดลายความสวยงาม ทั้งยังโครงสร้างอีกยังมีสภาพดีมากเลยนะค่ะ”
“งั้นวันพรุ่งนี้ ฉันจะไปหาหนูที่บ้านหรือว่าหนูจะมาหาฉันที่โบสถ์จ๊ะ”
“งั้นหนูไปเองดีกว่าค่ะ งั้นขอที่อยู่โบสถ์..”
“เดี๋ยวฉันฝากให้คุณนายเจน์นิเฟอร์เอาไปให้นะจ๊ะ”
“ขะ..ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ งั้นเท่านี้ล่ะกัน สวัสดีจ๊ะ”
“สะ..สวัสดีค่ะ ‘ติ๊ด’ ”
หลังจากจบบทสนทนาทางโทรศัพท์และคิมส์ก็ได้เบาะแสของกล่องใบนั้น
“เฮ้อออ...” คิมส์ถอนหายใจแล้วเดินไปที่โซฟาและนั่งลงอยู่ข้างกล่อง เธอหันไปทางกล่องนั้นแล้วพูดลอยๆกับกล่องขึ้นมาว่า
“เจอกันอีกแล้วน่ะ กล่องเจ้าปัญหาหายไปนานเลยน่ะ เฮ้ออออ..” เธอถอนหายใจอีกครั้งแล้ว ลุกขึ้นเดินไปหาแม่ที่ห้องนอน เปิดประตูแล้วพูดกับแม่
“แม่ค่ะ แม่เห็นกล่องที่อยู่บนโซฟามั้ยค่ะ?”
“ทำไมเหรอจ๊ะ?”
“มันมาได้ไงค่ะ? แม่หามันเจองั้นเหรอค่ะ?”
“ไม่รู้สิจ๊ะ แต่ลูกรีบไปอาบน้ำดีกว่านะ เดี๋ยวแม่จะลงไปทำข้าวเย็นแล้ว”
“ได้ค่ะ”