ทรู ดิจิทัล ผู้นำบริการด้านดิจิทัลครบวงจร รุกนำเทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์คนรักสุขภาพในยุค 4.0 เปิด True HEALTH แห่งแรก ที่ โลตัส เลียบด่วนรามอินทรา ปรึกษาเรื่องสุขภาพได้ทันที ผ่านแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ “ทรู เฮลท์” (True HEALTH) ที่เชื่อมโยงบริการด้านสุขภาพให้คนไทยเข้าใกล้และเข้าถึงได้มากขึ้น ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมจับมือสตาร์ทอัพด้านสุขภาพระดับแนวหน้าของไทย ชีวี (Chiiwii) ให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพครอบคลุมกว่า 20 สาขาเฉพาะทาง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกว่า 100 ท่าน จากชีวีบริรักษ์คลินิกเวชกรรม สอดรับเทรนด์การดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัล ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนไทยได้ใช้บริการด้านสุขภาพอย่างสะดวกสบาย ง่าย และปลอดภัย พร้อมเปิดให้สัมผัสประสบการณ์อัจฉริยะของทรู เฮลท์ ได้ที่ ร้านทรูช็อป เซ็นทรัลเวิลด์ หรือ ปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ทุกที่ผ่านแอปพลิเคชัน “True HEALTH” ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อจากการเดินทางไปโรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “True HEALTH” ฟรีได้แล้ววันนี้ที่ แอปสโตร์ และ เพลย์สโตร์
นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มทรู มุ่งนำศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัล สร้างสรรค์นวัตกรรมบริการตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และรองรับการใช้ชีวิตวิถีถัดไป (Next Normal) รุกตลาดบริการดิจิทัลด้านสุขภาพ รับเทรนด์การเติบโตของการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ผสานความเป็นผู้นำบริการดิจิทัลครบวงจร ของ ทรู ดิจิทัล กับ ความแข็งแกร่งของ ชีวี (Chiiwii) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านสุขภาพชั้นนำของไทย เชื่อมโยงบริการด้านสุขภาพทั้งผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ เปิดตัว “ทรู เฮลท์” (True HEALTH) แห่งแรกที่ โลตัส เลียบด่วนรามอินทรา บริเวณร้านขายยา ให้บริการ “ปรึกษาทุกเรื่องสุขภาพใกล้คุณ Powered by True HEALTH” โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ผ่านแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ด้วยกระจกอัจฉริยะ (Smart Mirror) ที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายอัจฉริยะทรู 5G ปรึกษาปัญหาสุขภาพและซื้อยาได้ทันที พร้อมกันนี้ ยังมีแอปพลิเคชัน “True HEALTH” ให้คนไทยเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายและสะดวกทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน ดาวน์โหลดได้ฟรีแล้ววันนี้ที่แอปสโตร์ และ เพลย์สโตร์ หรือ สัมผัสประสบการณ์อัจฉริยะของ ทรู เฮลท์ ได้ที่ ร้านทรูช็อป เซ็นทรัลเวิลด์ โดย ทรู ดิจิทัล จะเดินหน้าพัฒนาต่อยอด “ทรู เฮลท์” อย่างต่อเนื่อง เพิ่มบริการหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งบริการปรึกษาสุขภาพกับผู้เชี่ยวชาญ การป้องกันดูแล การส่งยา ตลอดจนบริการด้านประกันสุขภาพ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ตอบโจทย์คนรักสุขภาพในยุค 4.0 โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เร่งให้ผู้บริโภคใส่ใจดูแลสุขภาพและพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น
“ทรูเฮลท์” ให้คนไทยเข้าถึงบริการดูแลสุขภาพได้ง่ายๆ ช่วยประหยัดเวลาจากการเดินทางและรอคิวที่คลินิกหรือโรงพยาบาล ทั้งยังปลอดภัยและลดความเสี่ยงติดเชื้ออีกด้วย ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากชีวีบริรักษ์คลีนิกเวชกรรม ครอบคลุมหลากหลายปัญหาสุขภาพกว่า 20 สาขา ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต อาทิ สุขภาพผู้หญิง, เด็ก, โรคทั่วไป, อายุรกรรม, ศัลยกรรม, กระดูกและข้อ, ทันตกรรม, ตา หู คอ จมูก, ผิวหนัง/ชะลอวัย, ออฟฟิศซินโดรม, แพทย์แผนจีน, แพทย์แผนไทย, เภสัชกรรม และ โภชนาการ ใช้บริการได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน ดังนี้
1. ลงทะเบียนและเข้าใช้งานผ่านกระจกอัจฉริยะ (Smart Mirror) ที่ True Health โลตัส เลียบด่วนรามอินทรา บริเวณร้านขายยา หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน True HEALTH แล้วลงทะเบียนเข้าใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน
2. กดเลือกแผนกที่ต้องการปรึกษา
3. เลือกผู้เชี่ยวชาญ เลือกเวลา และเลือกช่องทางการปรึกษาที่สะดวก
4. ชำระเงิน และสามารถเข้ารับคำปรึกษาตามเวลานัดหมาย
สำหรับอัตราค่าบริการในการปรึกษา เริ่มต้นเพียง 360 บาทต่อครั้ง (ครั้งละ 15 นาที) พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าที่ โลตัส เลียบด่วนรามอินทรา ครบ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 15-28 ก.พ. 2564 จะได้รับสิทธิ์ใช้บริการ “ปรึกษาทุกเรื่องสุขภาพใกล้คุณ Powered by True HEALTH” ได้ 1 ครั้ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ที่ True Health บริเวณร้านขายยา ในโลตัส เลียบด่วนรามอินทรา
ทั้งนี้ “ทรู เฮลท์” (True HEALTH) เป็นแพลตฟอร์มที่ ทรู ดิจิทัล ต่อยอดจากแพลตฟอร์ม Teleclinic ที่ได้ริเริ่มพัฒนาขึ้นตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมาที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เพื่อช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในการคัดกรองผู้ป่วยโรคโควิด-19 เบื้องต้น โดยมีการใช้งานแล้วในโรงพยาบาลชั้นนำกว่า 24 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง “ทรู เฮลท์” ยังคงมุ่งส่งเสริมการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภค และช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อจากการพบปะกลุ่มคนจำนวนมาก ประหยัดเวลาในการเดินทางและรอคิวที่โรงพยาบาล ตลอดจนช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมืประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย