ถนนน่าปั่น เส้นทางพัทลุง-ตรัง

     บนทางหลวงหมาย 4 หรือ ถนนเพชรเกษม เส้นทางจากแยกเอเซียจังหวัดพัทลุงไปถึงเขาพับผ้า จังหวัดตรัง เป็นเส้นทางนักปั่นสำหรับซ้อมขาอีกหนึ่งเส้นทาง และในที่สุดผมก็ได้มาปั่นในเส้นทางนี้

     หลังจากเสร็จธุระ ก็พอจะมีเวลาว่างในตอนบ่าย ผมก็ได้จัดแจงอุปกรณ์จักรยานในกระเป๋ามาประกอบรวมร่างเตรียมพร้อมปั่น หลังจากที่ได้ศึกษาเส้นทางมาสักระยะแล้ว  พัทลุง-ตรัง มีระยะทางราวๆ 60 กม.  และจะลองปั่นพับผ้ามาไหว้ศาลเจ้าเทพารักษ์สักครั้ง ระยะทางประมาณ 31 กม. แต่งตัวและเช็ครถเตรียมพร้อมกันแล้วก็ออกปั่นกันเลย

     เริ่มต้นจากแยกเอเชียเมืองลุง ปั่นไปบนถนนเส้นเพชรเกษม ก็ rolling สำหรับวอร์มร่างกายประมาณ 10 นาที เพิ่ม Hr ให้อยู่โซน 3 ถนนเส้นนี้มีไหล่ทางกว้างมีรถจอดข้างแต่ไม่เยอะ และมีร้านค้าเกือบจะตลอดสาย หายห่วงเรื่องแวะหาเสบียง  การปั่นจะต้านลมนิดหน่อย และเหมือนจะเป็นเนินซึมบ้าง  แต่ก็สามารถปั่นยืนพื้นได้ที่ความเร็ว 30+ km/hr มีเนินขึ้นลงพอให้ท้าทายอยู่

      เส้นทางนี้จะผ่านวัดถ้ำสุมะโนปั่นเข้าไปไหว้พระและพักผ่อนคลายร้อนได้ ระหว่างทางก็จะมีซุ้มขายผลไม้ตามฤดูกาลและตอนนี้ก็มีทุเรียน มังคุด แตงไทยขาย ขณะปั่นได้จะได้กลิ่นทุเรียนโชยมาแต่ไกลเลย (55+) แต่ขอผ่านไปไม่แวะนะครับ จนมาถึง ตีนเขาจะมีป้ายบอก "ทางภูเขาลาดชัดยาว 10.500 กม. โปรดระมัดระวังเป็นพิเศษ" ก็จัดการแวะเติมน้ำเต็มกระบอกแล้ว จากนั้นพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย

     จากถนนเส้นเดิมที่เป็นทางคดเคี้ยวไปตามร่องเขา เหมือนลักษณะการพับผ้าที่ผู้ขับรถยนต์สมัยนั้นต้องเวียนหัวไปตามกัน ปัจจุบันได้มีการตัดถนนเส้นใหม่ที่สวยงาม ปั่นขึ้นเนินและลงเนินสลับไปมา (ประมาณ 5 เนิน) ทางผ่านก็จะเจอ "สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจังหวัดพัทลุง" ก็ลงมาจอดพักถ่ายรูปสักหน่อย (ไว้มีโอกาสครั้งหน้าจะแวะเข้าไปชม) มาถึงนี้แล้วจากแดดเปรี้ยงได้หายไปกลายเป็นเมฆครึ้มมาแทนที่ อย่างน้อยก็ปั่นไปพัก ณ ศาลเจ้าเทพารักษ์ ก่อนฝนตกดีกว่า

     2 เนินผ่านไป และอีกเนินสุดท้ายก็จะถึงจุดพักที่ร้านขายของ ไว้สำหรับนักปั่นที่จะพักเติมน้ำและถ่ายรูป จากนั้นก็มาไหว้ศาลเจ้าเทพารักษ์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนี้ ที่ผู้คนขับรถผ่านไปมาต้องบีบแตรเผื่อแสดงความสักการะทุกคน เมื่อหายเหนื่อยแล้ว ฝนก็เริ่มลงเม็ด เปิดไฟหน้า เปิดไฟท้าย ล็อคคลีตกับบันได้และออกตัวลงเนินกันเลย

    ฝนตกหนักมาก การลงเนินก็อันตรายมากด้วยเหมือน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อมาถึงตีนเขากลับแห้งสนิท มีเพียงลมที่คอยส่งเราให้ปั่นได้เร็วขึ้น และเมฆที่บดบังแสงแดดยามบ่ายแก่ๆ ให้ไม่ร้อน ทำให้การปั่นขากลับนี้สบายกว่าตอนขามาเยอะเลย และมาถึงที่พักในที่สุด ครั้งหน้าหากได้มีโอกาสไปปั่นที่ไหนอีกจะมาแนะนำเส้นทางอีกนะค๊าบ
 

ระดับความยาก :  2.5  (เต็ม 5 คะแนน)

ระดับความสนุก :  4  (เต็ม 5 คะแนน)

ระดับความท้าทาย : 2 (เต็ม 5 คะแนน)

การจราจร : เป็นถนนฝั่งละ 2 เลน ไหล่ทางกว้าง รถยนต์วิ่งไม่เยอะ มีรถบรรทุกผ่านบ้าง แต่ตอนเย็นจะมีตลาดขายของข้างทาง