แม้ว่าเส้นทางธรรมของเหล่าสามเณร 12 รูป ที่ร่วมโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 7 ภายใต้แนวคิด “ความรักจักรวาล : รัก-เรียน-เพียร-ให้” จัดโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์และบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ปิดฉากลงอย่างงดงามในพิธีลาสิกขาเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ณ วัดป่าไทรงาม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี แต่เชื่อมั่นได้ว่าหลักธรรมคำสอนและหลักปฏิบัติต่างๆ ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ที่เหล่าสามเณร ได้เรียนรู้และซึมซับผ่านการ อบรมและดูแลเป็นอย่างดียิ่งของพระอาจารย์ใหญ่ประจำโครงการ พระพระครูนิโครธธรรมาภรณ์ (หลวงตาเอนก ยสทินฺโน) เจ้าอาวาส ยังคงหยั่งลึกอยู่ในจิตใจ และเป็นแสงสว่างนำทางให้บัณฑิตน้อยได้ประพฤติตนในทางที่ถูกต้องดีงามต่อไปอย่างแน่นอน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า
“ตลอดระยะเวลา 1 เดือน เชื่อว่าสามเณรทุกรูป ได้มีโอกาสเรียนรู้พระธรรม และได้รับความเมตตาจากหลวงตาเอนก พระพี่เลี้ยง ตลอดจนพระอาจารย์ทุกรูปที่ได้ให้ความรู้แก่สามเณร ตามแนวทางหลัก 4 ข้อ เริ่มจาก
1. “รัก” – การบวชของสามเณรทุกรูป มาจากความรักและความปรารถนาดีของบิดามารดา บุพการีที่ต้องการให้สามเณรได้เรียนรู้ปฏิบัติธรรม อันเป็นความรู้สูงสุดของชีวิต ขณะเดียวกัน สามเณรเอง ก็มีความกตัญญู สร้างบุญให้แก่พ่อแม่ ซึ่งรักแรกของเราทุกคน เริ่มด้วยคำว่า “กตัญญู” เสมอ คือ รู้ถึงสุขทุกข์ของบุพการี สัปดาห์แรก จึงเป็นสัปดาห์ของความรักอันเป็นพื้นฐาน เป็นจักรวาลเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าสู่จุดที่เราเรียกว่าอยู่ในศีล การฝึกฝนตนเองไม่ให้เบียดเบียนกัน”
ต่อด้วยสัปดาห์ที่ 2 “เรียน” - เริ่มต้นจากการตั้งคำถามเสมอเพื่อหาเหตุผล ถ้าสามารถเริ่มต้นจากการตั้งคำถาม หาเหตุหาผลในทางสร้างสรรค์ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เชื่อมโยงจากพื้นฐานของความรักแล้ว ก็ย่อมสามารถเดินอยู่บนพื้นฐานหลักธรรมขั้นต่อไปได้เป็นอย่างดี แต่การเรียนรู้ โดยทั่วไปเกิดขึ้นจากการเรียนผิด เรียนถูก แต่มิได้ย่อท้อต่อความล้มเหลวและความผิดพลาดนั้น
จึงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 “เพียร” - ส่วนของฆราวาส หมายถึงการไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค แต่ความเพียรในทางธรรม หมายถึงความเพียรที่มีปัญญา หาทางออกได้โดยการชนะตนเองหรือกิเลสในใจ ความเพียรเป็นพื้นฐานสำคัญให้เราพัฒนาจิตใจได้อย่างต่อเนื่อง
และสุดท้าย “ให้” - ให้ความรู้ ให้ธรรม ซึ่งหลวงตาอเนก ได้กล่าวว่า การเป็นตัวอย่างที่ดีเป็นการให้ที่ดีที่สุด เพราะพูดหลายครั้งก็ไม่เท่ากับการแสดง การกระทำ ดังนั้น สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 7 ทุกรูป จึงเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อเติบโตขึ้นไป ได้มีความรัก เรียนรู้ มีความเพียร และรู้จักให้ อันเป็นตัวอย่างที่ดีอย่างต่อเนื่อง”
น้องเร็น ด.ช.วิชชวุฒฬ์ นาควัชระชัยท์ อายุ 7 ขวบ เซียนที่ตัวเล็กที่สุดในโครงการ จากจังหวัดปทุมธานี แสดงธรรมก่อนลาสิกขาว่า “การบวชครั้งนี้ ต้องใช้ความเพียรมาก คือการพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จ เช่น การห่มจีวรซึ่งยากมาก มีครั้งหนึ่งรู้สึกท้อ แต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ก็สามารถทำได้ และคิดเสมอว่าถ้าเราท้อ ก็จะไม่สำเร็จ ในที่สุดก็สามารถห่มจีวรเองได้ เป็นสิ่งที่ภูมิใจมาก นอกจากนี้ การเดินจงกรม บางวันเดินเป็นชั่วโมง ต้องอาศัยความเพียร ต้องอดทนจึงสำเร็จ การกวาดลานวัด บำเพ็ญประโยชน์ก็ต้องใช้ความเพียรอย่างมาก เพราะทำไปนานๆ ก็เหนื่อยและหิว”
น้องเร็น กล่าวต่อว่า “การมาบวชสามเณรต้องอาศัยความอดทนในหลายเรื่อง ซึ่งความอดทนครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่นๆ อย่าง กีฬาเทควันโด เป็นการฝึกความอดทนเพื่อแข่งขัน ส่วนการบวชสามเณรนั้น เป็นการอดทนเพื่อชนะใจตนเอง อดทนเพื่อธรรมะ ดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เกิดเป็นคนจงพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จ”
น้องปัญปัน ด.ช.เมธาสิทธิ์ พันเพ็ชร อายุ 9 ปี จากจังหวัดยโสธร กล่าวว่า “ตลอด 1 เดือนที่ได้บวชเป็นสามเณร ปลูกปัญญาธรรมนั้น ได้เรียนรู้ ฝึกฝนหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินธุดงค์ บิณฑบาต ได้ฝึกฝนตนเองให้มีความอดทน ตั้งใจฝึกสมาธิ
และที่สำคัญ ได้ขจัดความกลัวของตนเอง มีความกล้ามากยิ่งขึ้น เพราะกิจกรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเรียนรู้มาก่อน อีกทั้ง การได้มาบวชร่วมกับพี่ๆ น้องๆ ทำให้ได้รู้จักความรัก ความสามัคคี การแบ่งปัน และการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการบวชมีเยอะมาก จะนำหลักคำสอน สิ่งที่ได้เรียนรู้จากพระอาจารย์ ไปถ่ายทอดแก่คนรอบข้าง โดยเฉพาะการทำประโยชน์เพื่อสังคม”
“ก่อนปิดภาคเรียน ส่วนใหญ่จะปั่นจักรยาน อ่านหนังสือ วิ่งเล่น กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องดี เพราะทำให้เราสนุก มีความสุข แต่การบวชก็ให้อะไรมากกว่าความสนุก เป็นกิจกรรมที่ดีอีกแบบหนึ่ง ต่อให้ไม่ได้เจอคุณพ่อคุณแม่นาน แต่ความรู้และการปฏิบัติธรรมที่ได้รับ เป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตที่ดีมาก” ปัญปัณ กล่าว
ปิดท้ายด้วย น้องนิว ด.ช.เศรษฐทรัพย์ ไชยมั่น อายุ 10 ปี จากจ.อุบลราชธานี หนุ่มน้อยที่มาบวชเพื่ออุทิศบุญกุศลให้แก่บิดาที่ล่วงลับไปแล้ว และเพื่อศึกษาธรรมะ กล่าวว่า “รู้สึกดีใจและเศร้าใจที่ต้องลาสิกขาในครั้งนี้ ที่ดีใจคือเราสามารถบวชครบ 1 เดือนและได้ทำบุญให้แก่คุณพ่อ แต่ที่เสียใจคือต้องจากลาพระอาจารย์ และเพื่อนๆ ซึ่งการบวชได้ให้ประโยชน์ หลักคำสอนมากมาย โดยเฉพาะการไม่ยึดติด ทำความดี อดทน พากเพียร การให้ รวมถึงทำให้รู้จักตนเองมากขึ้น หากมีโอกาสจะกลับมาบวชอีก อยากให้เพื่อนๆ ที่สนใจศึกษาธรรมะ อยากสร้างบุญให้แก่พ่อแม่ คนที่รัก และอยากได้รับประสบการณ์ดีๆ แก่ชีวิต ขอให้มาร่วมโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม หรือบรรพชาเป็นสามเณร จะได้รับสิ่งดีๆ อย่างแน่นอน ตัวผมเองถ้ามีโอกาสก็อยากบวชอีกครับ”
เกี่ยวกับสามเณร ปลูกปัญญาธรรม
สามเณร ปลูกปัญญาธรรม เป็นโครงการที่กลุ่มทรูจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้ศึกษาหลักธรรมคำสอน ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติตนตามแนวทางพุทธศาสนา ซึ่งจะคัดเลือกเยาวชนที่ตั้งใจเข้าร่วมโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม เพื่อเรียนรู้ ปฏิบัติธรรม เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยจะถ่ายทอดสดในรูปแบบรายการธรรมะเรียลลิตี้ ทางช่องเรียลลิตี้ ทรูวิชั่นส์ เอชดี ช่อง 119 หรือ 333 และช่องเรียลลิตี้ ทรูวิชั่นส์ ช่อง 60 หรือ 99 รวมทั้งออกอากาศช่วงไฮไลท์ประจำวัน ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และช่องทรูปลูกปัญญา ทรูวิชั่นส์ ช่อง 37 และ 111 ที่เปิดเป็นฟรีทูแอร์ให้ทั่วประเทศสามารถรับชมรายการผ่านอุปกรณ์และจานรับสัญญาณระบบอื่น ๆ ได้แก่ PSI ช่อง 188 และ DTV ช่อง 315 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
พร้อมรับชมรายการผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.trueplookpanya.com/truelittlemonk รวมถึงอีกหนึ่งช่องทางพิเศษ ผ่านแอปพลิเคชัน TrueID นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามข่าวสารของโครงการได้ที่ www.facebook.com/truelittlemonkthailand อีกด้วย