เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของโครงการ “สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 6” ซึ่งเป็นพิธีลาสิกขาของ 12 สามเณรน้อยที่ต้องสิ้นสุดจากเพศบรรพชิต เพื่อออกไปใช้ชีวิตฆราวาสและกลับคืนสู่อ้อมอกของพ่อแม่ ภายในงานวันนั้น กึกก้องไปด้วยเสียงปาฐกถาธรรมอันซาบซึ้งในรสพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เหล่าสามเณรได้เรียนรู้มาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม ณ วัดเขาวง จ.สระบุรี ภายใต้การดูแลของพระอาจารย์ใหญ่ประจำโครงการ พระครูภาวนาพิลาศ เจ้าอาวาส อันสร้างความปลื้มปิติ และตื้นต้นใจแก่พระอาจารย์ พ่อแม่ ญาติโยม ตลอดจนผู้ที่กำลังรับชมการถ่ายทอดสด
โดยในพิธีลาสิกขาวันนั้น ยังได้รับเกียรติจากนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยคุณหญิงเทวี เจียรวนนท์ ภริยา ในฐานะประธานในพิธี รวมถึงรองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นายชรัส บุญณสะ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ที่ปรึกษาฝ่ายฆราวาส โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรู คอร์ปอเรชั่น นำโดยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ / ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และนายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ตลอดจนผู้สนับสนุนโครงการ ร่วมอนุโมทนาบุญ
ช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 6 ทั้ง 12 รูป ต้องใช้ความอดทน และความเพียรอย่างสูง ในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ฝึกฝน เรียนรู้ธรรมะด้วยความตั้งใจ เพื่อก้าวผ่านบททดสอบชีวิตในช่วงเวลาบวชเรียนให้ได้
ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักสำหรับผู้เยาว์ แต่เหล่าสามเณร สามารถทำสิ่งที่เป็นสิริมงคลสูงสุดแก่ชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ ได้ตอบแทนพระคุณบุพการี ผู้มีพระคุณด้วยความกตัญญู กติเวทิตา
และที่สำคัญเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้รับชม ทุกเพศทุกวัย ได้เรียนรู้ธรรมะไปพร้อมกับสามเณร พร้อมนำข้อคิดจากการรับชมรายการไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ด.ช.ศุภวิชญ์ ใจบุญ (นะโม) อายุ 7 ปี จากจังหวัดพิจิตร เล่าว่า “เป็นครั้งแรกที่ได้บวช รู้สึกประทับใจมาก จนรู้สึกไม่อยากลาสิกขาเลย เพราะมีกิจกรรมสนุกๆ มากมายให้ทำ ได้ลองปั้นดินเผาเป็นพระพุทธรูป ซึ่งพระอาจารย์ชมว่าผลงานสวยงาม ภูมิใจมาก ชอบการเดินธุดงค์ขึ้น-ลงเขา เพราะอากาศดีและเย็นสบาย วิวทิวทัศน์สวย นอกจากนี้ ยังชอบฝึกนั่งสมาธิและเดินจงกรมเพราะรู้สึกว่าทำแล้วจิตใจสงบขึ้น คิดว่าการบวชครั้งนี้ นอกจากจะนำบุญมาฝากคุณพ่อคุณแม่และคุณครูแล้ว ยังทำให้มีสติและสมาธิดีขึ้นกว่าเดิมมาก”
“ปกติอยู่ที่โรงเรียน ผมเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ดีอยู่แล้ว ก็จะมีหน้าที่คอยดูแลเพื่อนๆ เมื่อได้มาบวชกับเพื่อนๆ สามเณรอีก 11 รูป ซึ่งไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ผมจึงอยากทำหน้าที่ดูแลเพื่อนๆ ให้ดีที่สุด อยากให้พวกเขามีความสุข เช่น บางคนร้องไห้ งอน หรือน้อยใจ ไม่ว่าจากเรื่องอะไรก็ตาม ผมจะเข้าไปพูดปลอบใจ ให้กำลังใจ และคอยช่วยเหลือถ้ามีโอกาส ตอนเช้าทุกวัน ผมคอยกวาดถูพื้นกุฏิและกวาดใบไม้ที่ลานวัด ส่วนตอนกลางคืน ก็จะคอยกางมุ้งให้พระอาจารย์ ซึ่งพระอาจารย์จะสอนอยู่เสมอว่า เราควรรักตนเอง รักคนอื่น และรักหน้าที่ของตน การอยู่ร่วมกันต้องคอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน สิ่งนี้จะทำให้ทุกคนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและสงบสุข”
สำหรับธรรมะที่อดีตสามเณรนะโม ปาฐกถาในวันลาสิกขา ได้แก่หัวข้อ “รักตน รักหน้าที่” ซึ่งให้แง่คิดที่ดีว่า “การรักตน คือการเรียนรู้คุณค่าแห่งรักที่ควรเริ่มต้นจากตนเอง เราควรต้องรักตนเองก่อน ก่อนที่จะไปรักใครหรือสิ่งใดๆ ก็ตาม แต่ต้องรู้จักรักให้ถูกวิธี จากนั้นก็ควรรักหน้าที่ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ เช่น กวาดใบไม้ที่ลานวัด กวาดถูพื้นกุฏิ ก็จะทำให้บริเวณวัดสะอาดขึ้น พระและคนเข้ามาทำบุญก็จะได้สดชื่น หรือช่วยพ่อแม่ล้างจาน ทำงานบ้าน ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ และได้ชื่อว่าเป็นลูกที่ดีและกตัญญู หน้าที่จึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่จะต้องรับผิดชอบ ก็ต้องลงมือทำให้สำเร็จ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะเกิดปัญหาได้”
ด.ช.ปกรณ์ สูตะบุตร (เจแปน) อายุ 7 ปี จากกรุงเทพมหานคร เล่าประสบการณ์จากการบวชในครั้งนี้ว่า “ช่วงที่บวช ได้เรียนรู้ธรรมะและทำกิจกรรมมากมาย เช่น ทำวัตรเช้า สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ออกธุดงค์รวมถึงงานศิลปะ เช่น วาดรูป ปั้นดินเหนียว ประดิษฐ์สิ่งของและหุ่นยนต์ ซึ่งทุกคนชอบมาก ที่ประทับใจที่สุด คือมีโอกาสได้ทำวีลแชร์ให้สุนัขพิการเพื่อช่วยให้สุนัขที่โชคร้ายเหล่านั้นกลับมาเดินได้คล่องขึ้น”
“ตอนบวชใหม่ๆ ก็พบอุปสรรคบ้าง เช่น หนังถลอกเพราะเดินสะดุด แล้วยุงกับแมลงหวี่มากวนแผลบ่อย ทำให้รู้สึกรำคาญ และมีเพื่อนบางคนชอบมาแกล้ง แต่พออยู่นานๆ ไป ก็สนิทกันและแผลก็หายไปเอง ที่ยากคือเรื่องนั่งพับเพียบเพราะนั่งไม่สะดวกและเมื่อย แต่ก็พยายามตั้งใจ หัดจนทำได้ ตอนลาสิกขา รู้สึกคิดถึงเพื่อนๆ และพระอาจารย์มาก รักพระอาจารย์ เพราะท่านไม่เคยดุและคอยสอนธรรมะด้วยนิทานสนุกๆ ทุกวัน ทำให้เรียนรู้ธรรมะได้ง่ายขึ้นและเพลินดี จะปรับปรุงเรื่องการกินให้เรียบร้อยและมีวินัยมากขึ้น ลดนิสัยขี้งอนให้น้อยลง และหลักธรรมต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มา เชื่อว่าสามารถทำให้ตนเองจะมีสติและปัญญามากขึ้น”
สำหรับธรรมะที่อดีตสามเณรเจแปน ปาฐกถาในวันลาสิกขา ได้แก่หัวข้อ “รักคนอื่น รักการแบ่งปัน” ซึ่งได้ให้ข้อคิดอันน่ากินใจว่า “มนุษย์ควรรู้จักแบ่งปันความรักตนเองสู่คนรอบข้าง รู้จักรัก เสียสละ และช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งจะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะคนพิการหรือสัตว์พิการที่มีชีวิตที่ยากลำบากกว่าคนปกติทั่วไป เราควรช่วยเหลือเท่าที่มีโอกาส เพื่อให้คนหรือสัตว์เหล่านั้นได้มีชีวิตที่ดีขึ้น และเมื่อใดที่เราได้ช่วยเขา ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงิน ให้น้ำ อาหาร จูงข้ามถนน หรือทำวีลแชร์ให้สุนัขพิการเดินได้ เขาก็จะมีความสุขอันเกิดจากการกระทำของเรา บุญก็จะเกิดขึ้น ทำให้ใจของเรามีความสุขไปด้วยทุกครั้ง”
ด้าน ด.ช.พุฒดิศ เหล่าบัณฑิต (วินวิน) อายุ 9 ปี จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า “ดีใจที่ได้ทำบุญให้แก่ปู่ย่าตายายและได้ทดแทนพระคุณพ่อแม่อย่างที่ตั้งใจไว้ รู้สึกสบายใจและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก และยังได้เรียนรู้หลักธรรมเพิ่มขึ้น รู้สึกชอบและประทับใจกิจกรรมทุกอย่าง สำหรับผมทุกวันเป็นวันที่ดีที่สุดอยู่แล้ว อาจมีอุปสรรคในเรื่องการออกธุดงค์เล็กน้อย เพราะต้องเดินขึ้นเขา-ลงเขา ทำให้บางวันรู้สึกคันตามผิวหนังบ้าง สิ่งที่ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น คือการปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่น รู้สึกเสียใจที่ต้องลาสิกขาไป เพราะอีกใจหนึ่งก็ยังอยากบวชต่อ ยังไม่อยากจากเพื่อนๆ และพระอาจารย์”
“ตอนยังไม่บวชชอบหิวข้าวตอนเย็น แต่พอบวชแล้วกลับงดข้าวเย็นได้สบายมาก เคยมีพื้นฐานในเรื่องการบวชมาแล้ว บวชครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการต่อยอดให้เรียนรู้เรื่องธรรมะให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และไม่ผิดหวังเพราะพระอาจารย์ได้สอนหลักธรรมและข้อคิดดีๆ มากมาย โดยเฉพาะการไม่รักแต่ตนเอง แต่ให้รู้จักรักคนอื่นและจักรวาล คิดว่าจะนำสิ่งนี้ไปปรับใช้ในชีวิต เพราะเราต้องอยู่กับสังคมโลกนี้ต่อไป หลังลาสิกขา อยากกอดคุณพ่อคุณแม่ที่สุด เพราะไม่ได้เจอท่านนานแล้ว”
ธรรมะที่อดีตสามเณรวินวิน ได้ปาฐกถาในวันลาสิกขา จึงเป็นเรื่องของ “ความรักจักรวาล การเชื่อมโยงทุกความรักด้วยหลักเมตตา ” ซึ่งความรักจักรวาลเป็นบทสรุปของทุกความรัก เรียงร้อยต่อกันตั้งแต่ตนเอง ผู้อื่น สรรพสิ่งรอบตัว เมื่อรักจักรวาลและทุกสรรพสิ่งได้ ก็จะนำมาซึ่งความสุขอย่างแท้จริง เพราะจักรวาลและทุกสิ่งเกื้อกูลและสัมพันธ์กัน ตัวเราเองควรเป็นตัวอย่างของความรักจักรวาล เพื่อที่จะสามารถรักทุกสิ่งในโลกนี้ ให้เพื่อนๆ ครอบครัว และคนอื่นได้ทำตามด้วย ตัวอย่างหนึ่งที่ดีและเห็นชัดที่สุดของผู้ที่รักจักรวาล คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่รักทั้งจักรวาลและทุกสรรพสิ่ง เมื่อพระองค์ท่านตรัสรู้แล้ว ก็มาเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ หรือไม่ว่าใครจะร้ายต่อพระองค์แค่ไหน พระองค์ก็ยังรักและมีแต่ความเมตตาให้เสมอ เช่น พระเทวทัต ที่คอยกลั่นแกล้งและริษยา หรือแม้กระทั่ง โจรองคุลีมาล ที่สามารถบรรลุสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
แม้วันนี้ 12 สามเณรน้อย ได้กลับมาเป็นฆราวาสปกติที่ใช้ชีวิตสนุกสนานและซุกซนตามประสาเด็ก แต่เรื่องราวและสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ “คุณธรรมและจริยธรรม” อันดีงามที่จะติดตัวพวกเขาไป ได้นำหลักธรรมที่มีคุณค่ายิ่งไปใช้ในชีวิต เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาตนให้เติบโตเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพของครอบครัว ชุมชน และสังคมต่อไป…
ทั้งนี้ ผู้สนใจ สามารถติดตามภาพความประทับใจของโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 6 และรับชมรายการย้อนหลังได้ทางช่องทรูปลูกปัญญา ทรูวิชั่นส์ช่อง 37 และ 111 ซึ่งสามารถรับชมผ่านอุปกรณ์และจานรับสัญญาณระบบอื่นๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้แก่ PSI 188 และ DTV 315 ทุกวัน เวลา 7.00 – 8.00 น. ตั้งแต่ 23 พฤษภาคม - 22 มิถุนายนนี้
รวมทั้งผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.trueplookpanya.com/truelittlemonk และ www.youtube.com/Truelittlemonk
นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามข่าวสารของโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ได้ที่ www.facebook.com/truelittlemonk อีกด้วย