จิตวิทยาของการใส่ ‘เสื้อคู่’ ที่จะทำให้ทุกคนอยากใส่คู่กับใครสักคน
Posted By Plook Magazine | 09 ก.ค. 64
13K views

Shares
0

ไหนใครมีเสื้อคู่ห้อยอยู่ในตู้เสื้อผ้าบ้าง ยกมือ !  คนเขียนอินเสื้อผ้าคู่มาก ๆ อินถึงขั้นที่ว่าทุกครั้งที่ไปเที่ยวต่างจังหวัดจะเป็นคนรับบทดูแลธีมเสื้อผ้าด้วยตัวเอง ขอบอกก่อนว่า ‘เสื้อคู่’ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องใส่กับคู่รักเท่านั้น คู่เพื่อนซี้ คู่พี่น้อง หรือกับคนในครอบครัว เราก็สามารถใส่เป็นธีมเดียวกันได้หมด เพราะการใส่เสื้อคู่ไม่ได้มีหน้าที่แค่จะประกาศให้โลกรู้ว่า ‘ฉันไม่โสดนะคะ’ เท่านั้น แต่การใส่เสื้อคู่ยังสามารถทำให้ความสัมพันธ์ของเราแข็งแกร่งขึ้นด้วย 

ปล. ใครจะส่งบทความนี้ไปให้คนที่แอบชอบเนียน ๆ ให้เขารู้ว่าเราอยากใส้เสื้อคู่ด้วยก็ไม่ว่ากัน 

 

 


การใส่เสื้อคู่แน่นอนว่ามีความหมายมากกว่าแค่จะบอกว่าฉันไม่โสด ดร.นิคกิ โกลด์ชไตน์ ผู้เชื่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ได้ให้ความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ Huffington Post ไว้ว่า การที่คนสองคนตัดสินใจที่จะแต่งตัวเหมือนกันนั้นเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันกับการตัดสินใจเรื่องอื่น ๆ ที่มาจากจิตใต้สํานึก (Subsciousness) เรารู้แค่ว่าเราชอบและอยากจะทำโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นกับคนที่คบกัน 6 เดือนขึ้นไป 

 

เนื่องจากคนเราส่วนใหญ่เมื่อได้รู้จักกันแล้วก็มักจะอยากกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมหรือคนที่เราสนิทด้วยให้ได้มากที่สุดจึงทำให้คู่รักหรือแก๊งเพื่อนค่อย ๆ เปลี่ยนสไตล์ของตัวเองให้ดูเหมือนกันทั้งที่รู้หรือไม่รู้ตัวก็ตามเพื่อที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกว่า ฉันเหมาะสมที่จะอยู่กับคน ๆ นี้นะ จึงไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นคู่รักหลายคู่ คู่เพื่อนสนิทหลายคู่จะแต่งตัวคล้ายกัน หากสนใจอะไรเหมือน ๆ กัน ชอบกินอะไรเหมือนกันไปจนถึงมีงานอดิเรกคล้าย ๆ กันอยู่แล้ว

 

Cr. harper's bazaar
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดแมทซ์เนคไทลายจุดให้เข้ากับชุดของภรรยาวอลลิส ซิมป์สัน

 

การแต่งตัวเหมือนกันก็เป็นอีกเบาะแสหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกได้ว่า สองคนนั้นมันเริ่มปิ๊งกันเข้าให้แล้วนั่นก็คือ ‘การเลียนแบบ’ เมื่อคนสองคนปิ๊งกัน พวกเขาจะเริ่มลอกเลียนแบบบางสิ่งบางอย่างจากกันโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นการเดิน นั่ง พูด บุคลิกท่าทางต่าง ๆ นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า ‘ปรากฏการณ์กระจกเงา’ การที่คู่รักทำอะไรที่เหมือนกัน แสดงว่าทั้งคู่เปิดใจให้กัน พร้อมที่จะยอมรับซึ่งกันและกัน นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีข้อเสีย ปรากฏการณ์กระจกเงาอาจเป็นอันตรายได้ เพราะมันสามารถเกิดขึ้นในกลุ่มของเพื่อนสนิทด้วยเช่นกัน ใครที่กำลังแอบรักต้องระวังให้มากเพราะหากตีความไม่ดีแล้ว อาจจะสับสนระหว่างสัญญาณของความรักกับมิตรภาพได้ 

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น เสื้อคู่ก็เป็นกิจกรรมที่ดีต่อความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นแฟนกันหรือเพื่อนซี้ เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นว่าเรามีมนุษย์อีกคนที่พร้อมจะ ‘ปรับตัว’ และ ‘เปิดใจ’ รับเอาความเป็นตัวเราไปเป็นส่วนหนึ่งในตัวเขา เป็นการบอกอีกคนให้รู้ว่าฉันซีเรียสกับเธอแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วอย่างเรื่องแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าผม และนั่นจะนำไปสู่การทำให้ความสัมพันธ์น่าสนใจมากขึ้น เฮลตี้มากขึ้นเช่นเดียวกันกับการพาแฟนไปเดท ไปดินเนอร์ ซื้อของขวัญให้ หรือว่าไปทริปสั้น ๆ เมื่อคู่รักจับมือกันออกไปทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน หลุดออกไปจากความจำเจที่เป็นรูทีนเพื่อไปลองทำอะไรใหม่ ๆ ด้วยกันก็มีแนวโน้มที่จะทำให้คนสองคนเข้าใจกันมากขึ้น นอกจากนี้การแต่งตัวเหมือนกันยังมีส่วนทำให้เกิดพลังบางอย่าง (Empower) ที่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนพนักงานบางออฟฟิศที่แต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มเดียวกันเพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียว เป็นทีมเดียวกัน พร้อมลุย !    

 

Cr. hyunah_aa
ฮยอนอาและอีดอนแมทซ์กันในชุดเสื้อแจ็กเก็ตขนเเกะ


 

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะว้าวกับการแต่งตัวเหมือนกัน ! 

 

บางคนอาจมองว่ามันไร้สาระ เป็นกิจกรรมที่ไม่จำเป็นที่จะมาใส่เสื้อคู่กันกับเพื่อนหรือกับแฟน คนเราไม่เห็นจำเป็นจะต้องแต่งตัวเหมือนกันเพื่อที่จะบอกว่าเข้ากันได้ดีเลย ในกรณีนี้ย่อมเกิดขึ้นได้ หรือเมื่อเราต้องเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองอย่างจำใจเพื่อให้เข้ากับอีกคนอยู่ฝ่ายเดียว ต้องซื้อเสื้อผ้า ต้องคอยสรรหาสิ่งของเพื่อที่จะใส่คู่กับอีกฝ่ายอยู่เสมอ โดยที่อีกฝ่ายไม่คิดจะปรับเข้าหากันเลย หรือที่เลวร้ายที่สุดเลยคือ ต้องเปลี่ยนสไตล์จากหน้ามือเป็นหลังมือโดยที่ไม่เต็มใจ แบบนี้จึงไม่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการใส่เสื้อคู่เพราะนอกจากจะไม่ทำให้ความสัมพันธ์เฮลตี้แล้ว ยังอาจทำให้อีกคนสูญเสียตัวตนของตัวเองไปเพราะอีกฝ่ายมีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายมากเกินไปจนเสียสมดุล กลายเป็นว่าต้องยอมเพียงเพราะแค่อยากจะทำให้อีกฝ่ายพอใจโดยที่ตัวเองไม่ได้อยากทำ หรือทำเพื่อรักษาความสัมพันธ์เท่านั้น สุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยคำว่าเลิกรา บ๊ายบาย ส่วนใครที่โอเคกับการที่มีอีกคนเข้ามาเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อย ช่วยให้เรารู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นก็ยินดีด้วย นั่นแปลว่าพวกคุณได้ไปต่อไม่รอแล้วนะ 

 

Cr. devonleecarlson
Jesse rutherford และ Devon carlson แมทซ์กันในเสื้อยืดการ์ตูนสพันจ์บ็อบ

 

การใส่เสื้อคู่จะคิ้วท์ได้ก็ต่อเมื่อคนสองคนมีความสุขที่จะใส่ด้วยกัน เพราะการใส่เสื้อคู่คือวิธีการสื่อสารวิธีหนึ่งที่คนสองคนสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ของเขาเอง เมื่อความสัมพันธ์ถูกพัฒนามาจนถึงจุด ๆ หนึ่ง คนสองคนมักจะอยากเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับอีกคนหนึ่งเสมอไม่เว้นแม้แต่เรื่องเสื้อผ้า และถ้าหากว่าความสัมพันธ์นั้นต้องจบลง แต่ครั้งหนึ่งเราก็ได้แลกเปลี่ยนความคิด แพชชั่น ตัวตน ความลับ ความหลงใหล และสไตล์ต่อกัน ซึ่งล้วนต้องใส่รหัสลึกลับที่ไม่มีเครื่องถอดรหัสใดจะไขออกนอกจากเขาสองคนเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สไตล์เสื้อคู่ของแต่ละคู่แตกต่างไม่เหมือนกัน บางคู่ก็ชอบธีมหรูหรา แบรนด์เนมทั้งตัว บางคู่ก็มาในลุคสุดคิ้วท์ แต่บางคู่ก็รักที่จะแต่งแนวสปอร์ตตี้ มินิมอลเรียบ ๆ ไปจนถึงแนวพังก์ร็อกแซ่บ ๆ เราไม่มีทางรู้เบื้องหลังที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคู่ของใครได้เลยถ้าพวกเขาไม่เฉลยให้เราฟัง และนั่นก็คือความน่ารักของเสื้อคู่ คนที่พร้อมจะใส่เสื้อแมทช์กับเรา เดินข้าง ๆ เรา ไม่ได้เพื่อบอกโลกให้รู้ว่ารักกันขนาดไหน แต่เพื่อบอกให้คนข้าง ๆ รู้ต่างหากว่ารักนะ อิอิ 

 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

20 ไอเดียแต่งชุดคู่ แมทช์ยังไงให้ดูเท่ คูล มีสไตล์ !!!

แมทช์สีเสื้อมงคล สีนำโชคช่วยเสริมดวงความรัก ปี 2021

แมทช์แฟชั่นเสื้อยืดสไตล์ Model Looks ไซส์ไหนก็ใส่สวย

Color of Love สีนำโชค เสริมดวงความรัก

แนะนำ 6 ร้านเสื้อคู่ ลุคเท่ ๆ คูล ๆ ใน IG

แนะนำร้านเสื้อยืดสุดคิ้วท์ใน IG งบหลักร้อยก็เก๋ได้ !

คำแนะนำที่จะทำให้ 'รักตัวเอง' มากขึ้น ด้วยแนวคิด Body Positive

แนะนำช่อง Youtube สอนแต่งตัว หมดปัญหาแต่งตัวไม่เป็น แต่งตัวไม่เก่ง

ทำยังไงดี เมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่สวยตาม 'Beauty Standard'

รวมทริคดูแลตัวเองให้ดูดี เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้เต็มสิบ


 

แหล่งข้อมูล
Couple Dressing: The Psychology Behind Getting Matchy-Matchy

 

 

เว็บไซต์ปลูกเฟรนส์ดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป

Tags