ตอนเด็กเฟรมเป็นเด็กอ้วน อ้วนจนโดนเพื่อนแกล้ง ไม่มีใครอยากนั่งด้วย มันเลยทำให้เฟรมรู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง เวลากลับถึงบ้านก็จะร้องเพลง มันเป็นวิธีระบายอารมณ์แบบเด็ก ๆ ที่บ้านเฟรมจะมีแผ่นคาราโอเกะและไมค์ วันดีคืนดี พ่อเห็นเราร้องบ่อย เขาก็ทำกระจกใหญ่ ๆ ให้เหมือนห้องซ้อมร้องเพลง เราก็ยิ่งอยากร้องเพลงเข้าไปใหญ่ เป็นอยู่อย่างนั้นหลายปี แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่านั่นคือแพชชั่นของเรา รู้แค่ว่าเราชอบร้องเพลง กามิกาเซ่ ทาทา ยัง ก้านคอคลับ เฟรมร้องได้หมด
เฟรมเชื่อว่า ถ้าทำอะไรแล้วรู้สึกว่ามันสนุกมากเลยนั่นคือแพชชั่น เช่น มีความสุขกับการกินมาม่าแล้วเล่นเกม นั่นก็เป็นแพชชั่น บางคนถ่ายคลิปตัวเองแล้วมีความสุข นั่นก็แพชชั่น อย่าไปมองว่าสิ่งที่ทำให้เราสนุกเป็นเรื่องไร้สาระ ตราบใดที่มันไม่ผิดศีลธรรมอันดีงาม ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ขยี้มันให้สุด ๆ ถ้ารู้สึกว่าเล่นเกมแล้วสนุกมากเลย แล้วเกมไหนชอบที่สุด เล่นต่อไปให้รู้มันทุกซอกทุกมุมเดี๋ยวมันจะมีทางของมันเอง
มากค่ะ ไม่ใช่แค่เด็กนะ ผู้ใหญ่ก็ด้วย ความสนุกที่จะเรียนรู้อะไรบางอย่างมันได้หายไป เราถูกบังคับว่าต้องเรียนอะไรบ้าง เราไม่เคยได้เรียนตามความอยากรู้ เราไม่มีสปิริตที่จะทำอะไร อยู่ในยุคโซเชียลจ๋า ซึ่งเฟรมว่ามันไม่ได้เติมเต็มจิตวิญญาณ เฟรมยังรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เล่นสนุกจริง ๆ ได้โดดยาง ได้เล่นรีรีข้าวสาร เฟรมชอบยูนิคอร์น ชอบสิ่งแฟนตาซี เพราะมันทำให้เฟรมรู้สึกได้เป็นเด็ก
มีนะ ทำตัวเองด้วย ตอนอายุ 17 เฟรมอยากดัง อยากให้คนมาชอบเราเยอะ ๆ ช่วงนั้นรอแต่ให้คนมาป้อนงานให้ เฟรมไม่พัฒนาตัวเองเลย นั่งเฉย ๆ รอโอกาส และมองคนอื่น ๆ เขาได้งาน เฟรมเสียเวลาไปกับการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ไปหวังในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่เชื่อไหมว่าพอคิดได้ หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เรามีความสุขกับการทำงานทันที เฟรมไปฝึกทำเพลง เรียนโปรดิวซ์ จนทำได้ด้วยตัวเอง คือรู้เลยว่าการอยากให้คนอื่นมารัก มันคือทุกข์ เราทำได้แค่ตั้งใจทำงานให้ดี
ในแง่ของการแต่งเพลง สนุกกับการหยิบสิ่งที่เห็นมาแต่งเพลง เพลงของเฟรมมันมีความเป็นจิตวิทยาร่วมนิดหนึ่ง อย่างเพลงอยู่ดี ๆ ก็… ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนชอบ แต่มีหลายคนมากที่บอกว่าเอาชีวิตเขาไปแต่งเพลงหรือเปล่า เฟรมเชื่อว่า ทุกสิ่งที่เราเจอ เราไม่ได้เจอคนเดียว ทุกคนเคยผิดหวัง เคยโดนเท หาย ไลน์ไม่ตอบ ทุกคนหาเรื่องของตัวเองในเรื่องเล่าของคนอื่น ถ้าเราหาจุดร่วมได้ เขาก็จะรู้สึกว่ามันเป็นเพลงของเขา
จริงนะ เวลาไปร้องเพลงก็สนุก เฟรมเหมือนไปร้องคาราโอเกะให้เพื่อนฟัง สนุกกับการเปลี่ยนโชว์ เปลี่ยนเซ็ตลิสต์ใหม่ เปลี่ยนชุดใหม่ ให้นักดนตรีใส่ชุดยูนิคอร์น มันตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ได้ทำ แต่บางงานที่ต้องแต่งหน้าเยอะ เฟรมก็จะรู้สึกว่ามันฝืนนิดหนึ่งเพราะเราไม่ชอบแต่งหน้า แต่ก็ทำได้ เพราะมันเป็นงาน แต่ 80% ก็คือสนุกอยู่ดี
เยอะมาก (เน้นเสียง) เฟรมว่าทุกคนต้องเคยเจอ อย่างเรื่องแนวเพลง ก่อนหน้านี้ยังไม่ฮิปฮอปนะ เราทำวงร็อคหญิงล้วนแต่มันก็ไม่ใช่ทาง เหมือนเรามโนไปเองว่าเสียงแหบ ๆ ห้าว ๆ ต้องร้องร็อค ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรา จนสุดท้ายก็เจอทางของตัวเองว่าเราชอบฮิปฮอป ไม่ดีไซน์เสียงมาก ลองสังเกตดูสิ เฟรมร้องเพลงเหมือนพูดเลย มันเข้าปากเรามากกว่า แต่มันก็เกือบ 11 ปีเลยนะกว่าจะรู้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา
เฟรมโชคดีตรงนี้ บ้านเฟรมจะเป็นบ้านที่สนับสนุนลูก 100% มีครั้งหนึ่งเฟรมไปเล่นเปียโนบ้านเพื่อนแล้วบอกพ่อ อาทิตย์ต่อมาเปียโนมาที่บ้านเลย อยากไปเกาหลีเหรอ ที่บ้านก็ส่งไป แต่ตอนไปเกาหลีมันเป็นตัวเราเองที่ไม่เข้มแข็งพอที่จะไปอยู่ในสถานการณ์นั้นก็เลยกลับมา มันไม่ใช่เรื่องของเงินอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของใจด้วย พ่อแม่จะบอกเฟรมชัด ๆ เลยว่า ไม่ต้องเรียนให้ได้ที่หนึ่งก็ได้ เอาให้ผ่านพอ แล้วเอาเวลาที่เหลือไปทำอะไรที่อยากทำ เราก็เลยไม่กดดัน แล้วมันทำให้เรียนได้เกรดดีด้วย อย่างตอนมหาวิทยาลัยก็ได้เกียรตินิยม มันอาจจะเป็นเคล็ดลับหนึ่งก็ได้นะ เราไม่ได้โฟกัสที่เกรด แต่โฟกัสว่าจะทำงานยังไงให้ออกมาดี ให้อาจารย์ชอบ
เฟรมเป็นคนคิดน้อยเรื่องนี้ คือถ้าทำอะไรสักอย่างแล้วมันไม่เวิร์ก เฟรมจะคิดว่ามีบ้านให้กลับ จะไม่คิดว่าเราพังมากมาย นี่ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเรากล้าทำตามความฝันน้อยลง เพราะตอนที่เฟรมกลับจากเกาหลี ก็มีคนถามตลอดว่า กลับมาทำไม แล้วจะเอายังไงต่อ ถ้าจิตไม่เเข็งจริงก็หงอเลย
นี่คือปัญหา แต่เฟรมว่าแค่เรากล้าไปลองทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งไว้นะ เราชนะใจตัวเองแล้ว พอเรากล้าครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง สาม สี่ มันจะตามมา เราจะเริ่มกล้าทำอะไรมากขึ้น มีความเป็นตัวของตัวเองจริง ๆ ไปได้ไกลไหมไม่รู้ แต่เรามีความสุข พอตัวเองมีความสุข เฟรมว่าเราจะไปได้ไกล
เมื่อก่อนเฟรมชอบร้อยลูกปัด ทำสร้อยมาก สุดท้ายเราก็ไม่ได้ไปเป็นนักทำจิวเวลรี่นะ แต่ก็ได้รู้ว่าที่จริงแล้วเราเป็นคนชอบดีเทล เลยเอาตรงนั้นมาใช้กับการร้องเพลง การแต่งตัว การทำผมได้ มันไม่มีอะไรสูญเปล่าในทุกอย่างที่เราลองทำ เราเอาตรงนั้นไปต่อยอดได้ และเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้ตัวเองด้วย
ใครจะไปรู้จริงไหม ตอนทำชาแนลคัฟเวอร์เพลงในยูทูบ เฟรมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะพาเราไปไหน ได้เงินหรือไม่ได้ จะดังหรือไม่ดัง เฟรมรู้แค่ว่าอยากทำมาก จนวันหนึ่งก็ได้เงินมา 2,000 บาท จากการคัฟเวอร์เพลง เฟรมน้ำตาแทบไหล เฟรมว่าทุกอย่างมันมีลู่ทางเสมอ เราต้องศึกษา ขยี้กันต่อไป
หลายคนอาจไม่รู้ว่าเฟรมทำชาแนลคัฟเวอร์เพลงมา 7-8 ปีแล้วนะ แต่เพิ่งจะมีคนมารู้จักจริง ๆ ปีที่แล้วเอง ทุกอย่างมันมีบันไดที่ต้องเดิน เฟรมอยากให้ทำไปเรื่อย ๆ อย่าท้อ เมื่อไหร่ที่รู้สึกว่าเรามีความสุขกับการทำอะไรสักอย่าง ภูมิใจกับมันมาก ตื่นเต้นกับมันมาก โดยที่วันนั้นอาจจะไม่ได้มีคนมาดีใจหรือรับรู้ ภูมิใจกับเราเลยสักคน แต่เชื่อเถอะว่าสักวันจะมีคนเห็น และมีความสุขไปกับเรา ให้คิดว่าเรากำลังวิ่งมาราธอนไม่ใช่วิ่งระยะสั้น
เฟรมชอบช่วงนั้นนะ มันเป็นช่วงที่มึน ๆ ดี มีทั้งดีและไม่ดี เราได้รางวัลนักร้องนำหญิงยอดนิยม แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนด่าเราเป็นล้าน เพลงเราขึ้นท็อปชาร์ตเลยนะ แต่มีคนดราม่าติดแฮชแท็กด่า มันมีทั้งสุขและทุกข์ เฟรมมองเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะมีอะไรเข้ามากระทบให้เราได้ฝึกตัวเอง
อืม… ตอนนั้นมันมีความคิดอยากทิ้งทุกอย่างแล้วไปอยู่ต่างประเทศนะ แต่เฟรมก็ทำไม่ได้ เพราะการเป็นนักร้อง การทำเพลงมันคือ ตัวตนของเฟรม ถ้าทิ้งไป ก็แปลว่าเฟรมหนีตัวเอง ใครที่ไหนจะหนีตัวเองได้ ถูกไหม คำตอบสุดท้ายของเฟรมก็คือ เราอยากทำงาน อยากทำเพลงต่อไป
เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี
ภาพ : Bate Kunkong
เว็บไซต์ปลูกเฟรนส์ดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป