เราถามจัสมินว่า ทั้งที่ก็รู้ว่าตอนแข่งต้องทำเมนูเนื้อสัตว์แน่นอน แต่จัสมินทานมังสวิรัติมาตั้งแต่เด็กไม่กลัวว่าจะเสียเปรียบเหรอ “จัสมินก็เพิ่งรู้เหมือนกันตอนมีคนมาบอก เพราะตัวเองไม่กังวลเลย มันไม่ได้เป็นข้อเสียเปรียบด้วย ทานหรือไม่ทานเนื้อ มันไม่เกี่ยว คนที่ทานก็ได้แค่รสชาติ ไม่ใช่ว่าเขาทานเนื้อแล้วจะทำอาหารอร่อยกว่าเรา ตัวเทกเจอร์ เช่น สเต็ก มันก็วัดอุณหภูมิได้ว่าเท่าไหร่อร่อย สิ่งที่ต้องรู้ไม่ใช่เรื่องของรสชาติ แต่ต้องรู้ว่าจะทำให้มันสุกด้วยวิธีไหน ทานคู่กับซอสอะไรแล้วจะเข้ากันมากกว่า”
นอกจากจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนวัยเดียวกันอยากเป็นเชฟแล้ว สิ่งที่จัสมินต้องการสื่อสารออกไปอีกอย่างก็คือ วิถีการทานมังสวิรัติ “หลายคนชอบคิดว่าอาหารมังสวิรัติไม่อร่อย แต่ต้องทานเพื่อสุขภาพ จัสมินอยากทำให้เห็นว่า อาหารที่ไม่ต้องใช้เนื้อก็อร่อยเหมือนกัน เราทานมา 11 ปีแล้ว หลัก ๆ คือมันมีประโยชน์” ส่วนเรื่องการซ้อมทำอาหารเมนูเนื้อ จัสมินบอกว่าแทบไม่ซื้อวัตถุดิบมาซ้อมถ้าเป็นเนื้อสัตว์ เเต่ใช้วิธีอ่านหนังสือ หรือศึกษาในยูทูบแทน
จากที่เคยนำใบไม้มาตำเล่นในครกหิน มาวันนี้เธอเป็น 5 คนสุดท้ายในรายการ เธอซ้อมทำอาหารทุกวัน ไม่ก็อ่าน cookbook เพราะเชื่อว่าการเป็นเชฟต้องมีพื้นฐานที่ดี และนี่คือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากรายการ MasterChef Junior “อย่าท่องจำสูตร เพราะเวลาทำจริงจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ ต้องจำในแบบของตัวเอง ทำพื้นฐานให้แน่น เทคนิกการผัด ทอด การกะไฟ ให้ลองทำหลาย ๆ อย่าง เพื่อจะได้เจอสิ่งที่ชอบ และตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำไปอีกนานเท่าไหร่”
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับจัสมิน • วัตถุดิบที่เธอไม่เบื่อที่จะหยิบมาทำอาหารเลยคือ ถั่วต่าง ๆ ใช้แทนเนื้อสัตว์ และทำได้หลายเมนู • เธอใส่ใจกับการจัดจานมาก เพราะคิดว่ามันเป็นการทำงานศิลปะ • เพสโต้ คือ ซิกเนเจอร์ของเธอ ทั้งชอบทำและชอบทาน • เธอเคยอยากเป็นหมอ แต่มารู้ทีหลังว่าชอบอาชีฟเชฟมากกว่า • เธอพูดภาษาจีนได้นิดหน่อย • เธออยากได้เครื่องซูวีเพื่อมาศึกษาลองทำผักให้สุกดูบ้าง |
เรื่อง : วัลญา นิ่มนวลศรี
ภาพ : jasmin_masterchef, MasterChef Thailand
เว็บไซต์ปลูกเฟรนส์ดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป