ออกไปใช้ชีวิตที่บ้านหนองเต่า
Posted By Plook Magazine | 19 พ.ย. 61
7K views

Shares
0

ณ บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ผมได้พบกับพี่น้องปกาเกอะญอที่มากความสามารถอย่าง ‘พะตีจอนิ โอ่โดเชา’ ปราชญ์ชุมชนเจ้าของสวนคนขี้เกียจ สวนที่มีความมั่นคงทางอาหารและช่วยรักษาป่าไปในตัว และได้เดินเท้าเข้าป่าไปดูจุดบวชป่า เพื่อเรียนรู้วิถีความเชื่อและความผูกพันที่มีต่อธรรมชาติของชาวปกาเกอะญอ บอกตามตรงว่าก่อนเริ่มเดิมทางไปยังบ้านหนองเต่า ความคาดหวังหลักของผมคือ ได้ไปเรียนรู้วิถีของชุมชนและภูมิปัญญาของพี่น้องปกาเกอะญอ เอาเข้าจริงสิ่งที่ได้รับมันมากกว่านั้น


 

บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

เดินเท้าเข้าป่า

ก่อนที่คณะจะเคลื่อนทัพ แม่ ๆ ในชุมชนได้ตระเตรียมข้าวห่อใบตอง ผัดผัก หมูทอด และผงโรยข้าวไว้เป็นเสบียงสำหรับการเดินป่าในครั้งนี้ เราออกเดินตั้งแต่ในหมู่บ้าน ผ่านทุ่งนาอันเขียวขจี แล้วเริ่มเข้าสู่ใต้ร่มเงาของป่าใหญ่ ระหว่างทางผมก็เดินสูดอากาศอันสดชื่น เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ที่ช่วยปลอบโยนจิตใจชนิดที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง เดินไปได้สักพักท้องฟ้าก็เริ่มวิปริตแปรปรวนขึ้นมา ไม่กี่อึดใจเม็ดฝนเริ่มเทลงมา คณะเดินป่าที่เตรียมสัมภาระมาพร้อมก็รีบสวมเสื้อกันฝน บางคนก็เข้าไปหลบใต้ใบกล้วย พอพวกเราเดินมาถึงจุดหมาย ฝนก็หยุดตกแบบรู้งาน

 

บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

บวชป่า 50 ล้านต้น

ระหว่างมื้ออาหารเที่ยงอันเลิศรส พะตีจอนิ ปราชญ์ชุมชนวัย 73 ปี ก็เริ่มเล่าเรื่องการบวชป่า 50 ล้านต้น เมื่อปี 2539 ว่า ปีนั้นมีพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือในหลวง ร.9 ซึ่งชุมชนไม่ได้มีสิ่งของที่จะไปถวายให้ในหลวง ร.9 จึงตัดสินใจร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ ทำการบวชป่า 50 ล้านต้นเพื่อถวายให้กับในหลวง ร.9 นอกจากการบวชป่าเพื่อถวายให้กับในหลวง ร.9 แล้ว อีกมิติหนึ่งคือเป็นการอนุรักษ์ป่าไม้ เพราะมีข้อห้ามว่าต้นไม้ต้นไหนที่ผ่านการบวชแล้ว ถือว่าห้ามตัด ห้ามทำลาย

 

บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

บ้านหนองเต่า จังหวัดเชียงใหม่

 

สวนคนขี้เกียจ

สวนคนขี้เกียจของพะตีจอนิ หรือ Lazy Garden เป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพืชผลกว่า 100 ชนิด เช่น อะโวคาโด กาแฟ สาลี่ ไม้ไผ่ ฯลฯ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด อย่างไก่ป่า วัว ควายอีกด้วย ที่สวนแห่งนี้ได้ชื่อว่าขี้เกียจ นั่นก็เพราะเป็นสวนที่ปล่อยให้ธรรมชาติทำหน้าที่ของมัน โดยที่คนจะไม่ไปรบกวนหรือใส่ยาเคมีเร่งการเจริญเติบโต

บรรยากาศในสวนช่างรื่นรมย์ชวนงีบหลับใต้ร่มไม้ยิ่งนัก ส่วนพะตีจอนิก็เต็มไปด้วยพลังที่อยากจะถ่ายทอดความรู้ให้กับเราอย่างกะตือรือร้น ความรู้สึกตอนเดินชมสวนคนขี้เกียจมันคล้ายกับตอนเดินป่ายังไงยังงั้น สิ่งคล้ายคลึงที่ว่าไม่เพียงแต่เป็นร่มเงาและลมเย็น ๆ ที่พัดมาเป็นระยะ แต่รวมถึงการที่เราได้ชิม ชิม ชิม แล้วก็ชิมผลผลิตในสวน ผมจึงเกิดคำถามว่า สวนของพะตีมันอุดมสมบูรณ์เทียบเท่าป่าดิบเขาเชียวหรือ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะเห็นว่าคำตอบมันอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

 

 

Must Know

•  คำว่า ‘พะตี’ เป็นภาษาปกาเกอะญอ มีความหมายว่า ‘ลุง’
ความหมายของ ‘ความขี้เกียจ’ ของชาวปกาเกอะญอ ไม่ได้หมายถึงการนอนสันหลังยาวไปวัน ๆ
     แต่หมายถึง การผ่อนจังหวะชีวิตให้สอดคล้องกับจังหวะก้าวของธรรมชาติที่ดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป      
ชุมชนแห่งนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในสไตล์คนขี้เกียจ

 


เรื่องและภาพ : ธีรชาติ ชัยประเสริฐ

 

เว็บไซต์ปลูกเฟรนส์ดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป

Tags