www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > ภาษาเพื่อการสื่อสาร > ม.3

บทสนทนา (Conversation) Pronunciation (การออกเสียง)
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2025-06-05 02:33:24

Pronunciation (การออกเสียงภาษาอังกฤษ) ได้แก่ การออกเสียงสระ การออกเสียงพยัญชนะ การออกเสียงท้ายคำ รวมไปถึงการเน้นเสียง การออกเสียงสูงต่ำ การเชื่อมเสียง ฯลฯ การออกเสียงภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง ชัดเจน เข้าใจง่าย จะทำให้เราสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

*การออกเสียงภาษาอังกฤษโดยทั่วไปที่พบบ่อยๆ จะมี 2 สำเนียง คือ แบบบริติชและแบบอเมริกัน ณ ที่นี้จะไม่อธิบายถึงรายละเอียดหรือความแตกต่างของสำเนียงทั้งสอง จะกล่าวถึงการออกเสียงภาษาอังกฤษที่จำเป็นโดยภาพรวมเท่านั้น โดยจะอธิบายเป็นภาษาไทยอย่างง่ายๆ ไม่มีการอ้างอิงถึง Phonetics (วิชาสัทศาสตร์) หรือ Phonemic symbols (ระบบสัญลักษณ์แทนเสียง) แต่อย่างใด ระบบดังกล่าวนั้น นักเรียนสามารถไปศึกษาเพิ่มเติมได้จากดิกชันนารีออนไลน์ทั่วไป

Vowels (สระ)

การสะกดคำในภาษาอังกฤษนั้นไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้การสะกดเป็นหลักในการออกเสียงคำต่างๆ ได้ทั้งหมด เสียงสระต่างๆ ที่ออกเสียงเหมือนกันในภาษาอังกฤษนั้นอาจสะกดด้วยตัวอักษรต่างกัน ซึ่งมีทั้งสระเดี่ยวและสระควบ ดังนี้

เสียงสระ “เอ”    

say        เซ
take        เทค
place        เพลส

เสียงสระ “อี”        

me        มี
be        บี
feel        ฟีล

เสียงสระ “อาย”  

 I        ไอ, อาย
buy        บาย
night        ไน้ถึ    

เสียงสระ “โอ”        

go        โก
know        โน
note        โน้ททึ

เสียงสระ “อู”        

two        ทู
you        ยู
room        รูม

เสียงสระ “อะ”        

but        บั้ทถึ
up        อัพ
sun        ซัน

เสียงสระ “อา”      

car        คา
hard        ฮาด
park        พ้าคขึ

เสียงสระ “อิ”      

is        อิซ
big        บิ้ก
gym        จิม 

เสียงสระ “อุ”        

look        ลุคขึ
put        พุท
cook        คุกคึ

เสียงสระ “เอะ”        

egg        เอ้ก
test        เท่สถึ    
friend        เฟร็น

เสียงสระ “แอ” หรือ “แอะ”        

at        แอ้ท
and        แอ่น
man        แมน

เสียงสระ “เอาะ”    

on        ออน
want        ว้อนถึ
clock        คล็อคขึ    

เสียงสระ “ออ”       

saw        ซอว
all        ออวลึ
pause        พ็อส

เสียงสระ “เออะ”    

again        เออะเกน
allow        เออะลาว
picture    พิคเฉอะ    

*เสียง ~sion/~tion

decision    ดีซี้เชิน
information    อินฟอเม้เชิน

เสียงสระ “เออ”    

were        เวอ
learn        เลิน
bird        เบิ้ด

เสียงสระ “ออย”    

boy        บอย
coin        คอย
voice        ว๊อยซ

เสียงสระ “อาว”    

now        นาว
how        ฮาว
town        ทาว

เสียงสระ “เอีย”    

here        เฮีย
beer        เบีย
cheer        เชีย

    

สระเสียงสั้นและสระเสียงยาว

ปกติแล้วคำที่สะกดด้วยสระต่างกันจะออกเสียงต่างกัน แต่ทั้งนี้การออกเสียงสั้นหรือยาวนั้นก็จะสื่อถึงคำที่มีความหมายต่างกันด้วย เช่น

สระเสียงสั้น

สระเสียงยาว

men

pen

pepper

เม็น

เพ็น

เพ็พเพอะ

(ผู้ชาย)

(ปากกา)

(พริกไทย)

main

pain

paper

เมน

เพน

เพ้เพอะ

(ส่วนหลัก)

(ความปวด)

(กระดาษ)                  

Consonants (พยัญชนะ)

พยัญชนะในภาษาอังกฤษนั้นทำหน้าที่เป็นได้ทั้งพยัญชนะต้นและตัวสะกด ซึ่งไม่มีกฏการออกเสียงตายตัวเช่นเดียวกับสระ พยัญชนะแต่ละตัวนั้นสามารถออกเสียงได้หลายเสียง มีทั้งเสียงพยัญชนะต้น เสียงควบกล้ำ และเสียงตัวสะกด นอกจากนี้ยังแบ่งเป็นเสียงสั่นและเสียงไม่สั่นอีกด้วย

การออกเสียงพยัญชนะภาษาอังกฤษให้ชัดเจนจะทำให้ฝรั่งเข้าใจคำพูดของเราได้ง่าย โดยเฉพาะการออกเสียงพยัญชนะสุดท้ายของคำหรือตัวสะกด ถ้าเราออกเสียงผิด คำนั้นอาจจะเปลี่ยนความหมายไปเลยโดยสิ้นเชิง เช่น

with        วิธ        (กับ)
wish        วิช        (ขอพร)

เสียงพยัญชนะในภาษาอังกฤษเมื่อเทียบกับภาษาไทยแล้ว มีดังต่อไปนี้

b = เสียง /บ/        
boy        บอย        
job        จ้อบบึ

c = เสียง /ค/ เมื่ออยู่หน้า a, o, u หรือเสียง /ซ/ เมื่ออยู่หน้า e, i, y

can        แคน
come        คัมหมึ
cut        คัทถึ
cell        เซลหลึ
cinema    ซินิมา
cyber        ไซ้เบอะ

ch = เสียง /ช/ /ฉ/ ออกเสียงคล้าย sh แต่ลิ้นต้องแตะเพดานปาก

chair        แช
much        มัชฉึ

d = เสียง /ด/ /จ/

do        ดู
sad        แซดดึ    

    *education    เอะจูเค้ชัน
    *graduate    แกร๊จูเอท
    *soldier    โซลเจอะ    

f = เสียง /ฟ/

fun        ฟัน
if        อี้ฟ

g = เสียง /ก/ /จ/

go        โก
big        บิ้กกึ
page        เพจจึ        

h = เสียง /ฮ/

his        ฮีส
home        โฮม

j = เสียง /จ/

jam        แจมหมึ
juice        จู้ซ

k = เสียง /ค/ /ข/

key        คี
sick        ซิกขึ

l = เสียง /ล/

low        โลว
ball        บอลหลึ

m = เสียง /ม/

my        มาย
mum        มัม
name        เนม

n = เสียง /น/

no        โน
fun        ฟัน

ng = เสียง /ง/

singer        ซิงเหง่อ
young        ยัง
raining    เร้นนิง    

nk = เสียง /ง/

bank        แบ้งขึ
tank        แท่งขึ

p = เสียง /พ/ /ผ/

pay        เพ
map        แมพผึ

ph = เสียง /ฟ/

phone        โฟน
pharmacy    ฟ้ามะซี

q = เสียง /คว/

queen        ควีนหนึ
quick        ควิกขึ

r = เสียง /ร/

run        รัน
rain        เรน

s = เสียง /ส/ /ซ/ /ช/

sun        ซัน
yes        เยส
measure    เมสเชอะ

sh = เสียง /ช/

show        โชว
dish        ดิ้ช

t = เสียง /ท/ /ต/ /ถ/

to        ทู
cat        แคทถึ

th = เสียง /ต/ /ด/ /ธ/ ออกเสียง /ต/ หรือ /ด/ โดยกัดปลายลิ้นเบาๆ

think        ติ๊งขึ
they        เด
theme        ธีมหมึ
cloth        โคลธ  

*Thailand    ไท้แลนดึ

การอ่านออกเสียงคำว่า the

ออกเสียง “เดอะ” เมื่อนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เช่น

the moment        เดอะ โมเมินทึ

ออกเสียง “ดิ” เมื่อนำหน้าคำนามที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ “อ” เช่น

the Earth        ดิ เอิร์ธ

v = เสียง /ว/ /ฟ/ ออกเสียง /ว/ โดยกัดริมฝีปากล่างแล้วพ่นลมเบาๆ เส้นเสียงมีการสั่น

very        เว้หริ
love        เลิฟหวึ

w = เสียง /ว/

we        วี
law        ลอว

wh = เสียง /ว/ /ฮ/

when        เว็น
where        แว
who        ฮู

x = เสียง /ซ/ /ช/ /คส/ 

xerox        ซี้หรอคสึ
exam        เอ้คแซมหมึ
box        บ้อคส

y = เสียง /ย/

you        ยู
yes        เยส

z = เสียง /ซ/ ออกเสียงคล้าย s แต่เส้นเสียงมีการสั่น

zoo        ซู
prize        ไพร้ซ

a, e, i, o เมื่อเป็นพยัญชนะต้น ออกเสียง /อ/ ส่วน u ออกเสียง /ย/

and        แอ่น
egg        เอ้กกึ
ink        อิงขึ
on        ออนหนึ
university    ยู้นิเว้อสิทิ

เสียงควบกล้ำ ร และ ล

    free        ฟรี
    train        เทรน
    drink        ดริ๊งคึ
    play        เพลย์
    black        บะแลคขึ
    glue        กลู

 

การออกเสียง ~s ท้ายคำ (นามพหูพจน์, กริยาเอกพจน์)

คำทั่วไปเมื่อเติม ~s ให้ออกเสียง /ส/ ท้ายคำ เช่น

    dogs        ด๊อกส
    questions    เควสเชินส
    gives        กี้ฟส  

คำที่ลงท้ายด้วยเสียง s, sh, c, ch, x, z, ge, dge เมื่อเติม ~s ให้ออกเสียงเพิ่มอีกพยางค์ว่า “เอ็ซ” เช่น

    houses    เฮ้าเส็ซ
    washes    ว้อชเช็ซ
    slices        สไล้เส็ซ

กริยาที่ลงท้ายด้วย ~ed

กริยาทั่วไปที่ลงท้ายด้วย ~ed ออกเสียงลงท้ายว่า “ดึ” เช่น 

    called        คอลดึ
    played        เพลย์ดึ

กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง f, p, k, s, ss, sh, ch, gh, x +ed ออกเสียง “ถึ” เช่น

    stopped    ซต้อพถึ
    liked        ไล้คถึ 
    watched    ว้อชถึ

กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง t+ed หรือ te+d ออกเสียงเพิ่มอีก 1 พยางค์ว่า “ถิด” เช่น 

    wanted    ว้อนถิด
    connected    คอนเน้ค’ถิด

กริยาที่ลงท้ายด้วยเสียง d+ed หรือ de+d ออกเสียงเพิ่มอีก 1 พยางค์ว่า “ดิด” เช่น

    ended        เอ๊นดิด
    decided    ดิไซ’ดิด

 

Stress (การเน้นเสียง)

ในภาษาอังกฤษนั้น คำที่มีมากกว่าหนึ่งพยางค์ จะต้องมีอย่างน้อยหนึ่งพยางค์ที่เราออกเสียงดังกว่าหรือหนักกว่าพยางค์อื่นๆ เราเรียกการออกเสียงในลักษณะนี้ว่า stress (การเน้นเสียง) ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการออกเสียงภาษาอังกฤษ ในที่นี่จะใช้เสียงโทและเครื่องหมาย (’) แทนการเน้นเสียง ดังนี้

คำที่มี stress ที่พยางค์แรก เช่น

toilet            ท้อย’เล็ท    
happy            แฮ้พ’พี

คำที่มี stress ที่พยางค์ที่ 2 เช่น

station            สะเต๊’ชัน
computer        คอมพิ้ว’เทอะ

คำที่มี stress ที่พยางค์ที่ 3 เช่น

information        อินฟอเม้’ชัน
photography        โฟท้า’กระฟี

คำที่มีเสียงควบ ให้ stress ที่อักษรควบ เช่น

speak            สะปีค’
dragon        ดะแร้’กั่น

คำที่มี stress มากกว่า 1 พยางค์ เช่น

concentration        คัน’ซันทเร้’ชัน

คำบางคำสามารถเน้นเสียงได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความหมาย เช่น

present        เพร้’เซนทึ        (ของขวัญ, ปัจจุบัน)
present        พรีเซ่น’ทึ        (นำเสนอ)

นามผสมหรือนามประสม ให้ออกเสียงเน้นที่นามตัวแรก เช่น

pineapple        ไพ้น’แนพเพิล
housewife        เฮ้าซ์’ไวฟึ

Intonation (การออกเสียงสูงต่ำ)

การออกเสียงสูงต่ำในกลุ่มคำหรือประโยคจะช่วยบอกให้ผู้ฟังทราบว่าผู้พูดกำลังพูดประโยคบอกเล่าหรือประโยคคำถาม การออกเสียงสูงต่ำมีลักษณะคร่าวๆ ดังนี้

ประโยคบอกเล่าและประโยคขอร้อง ให้ลงท้ายประโยคด้วยเสียงต่ำ เช่น

She is my friend.        ชี้ อิส หม่าย เฟร็น  

ประโยคคำถามแบบ yes/no questions ให้ออกเสียงสูงที่ท้ายประโยค เช่น

OK?                โอเค้?
Are you hungry?        อา ยู ฮังกรี๊?
Can you speak Thai?    แคน ยู สะพี้ค ไท้?

ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย question words ให้ลงท้ายประโยคด้วยเสียงต่ำ เช่น

What is it?            ว้อท อิซ อิท?
Where are you from?    แว อ๊า ยู ฟรอม?

การตอบคำถาม ให้เน้นเสียง (stress) ที่คำสำคัญ (คำที่ขีดเส้นใต้) เช่น

Are you a student?        
No, I’m not.            โน่ อาม น้อท
What’s your name?
My name is Marco.        มาย เนม อิส ม้าโค
Where are you from?
I’m from Thailand.        อาม ฟรอม ไท้แลนด