ไวยากรณ์ (Grammar) Modals
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2025-06-05 02:23:20
หลายประโยคในภาษาอังกฤษไม่สามารถใช้กริยาแท้ตัวเดียวได้ จำเป็นต้องดึงกริยาอีกตัวเข้ามาเสริม หนึ่งในกริยาเหล่านั้นเราเรียกว่า Modals คำกริยาเหล่านี้ทำให้กริยาแท้มีความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำให้ประโยคต่างๆ กลายเป็นประโยคคำถาม, ประโยคปฏิเสธ, เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต หรือการแสดงเงื่อนไขต่างๆ เป็นต้น Modals นั้นมีหลายตัว แต่ละตัวมีความหมายและวิธีการใช้แตกต่างกัน ดังนี้
*modal เป็นกริยาช่วย ต้องตามด้วย V.inf หรือกริยาแท้ที่ไม่มีการผันรูปใดๆ
will = จะ
He will call you tomorrow. (เขาจะโทรหาคุณพรุ่งนี้)
*เราใช้ will you ขึ้นต้นประโยคในการขอให้ใครทำบางสิ่งบางอย่างให้ เช่น
Will you lend me some money? (ให้ฉันยืมเงินหน่อยได้มั้ย?)
would = will ในรูปปดีต
They told me that they probably wouldn't come.
(พวกเขาบอกว่าอาจจะไม่มา)
I would like = I’d like เป็นการพูดความต้องการแบบสุภาพ เช่น
I’d like a drink. (ฉันอยากได้เครื่องดื่ม)
*เราใช้ would you ขึ้นต้นประโยคในการขอร้องแบบสุภาพ เช่น
Would you show me a passport? (ขอดูพาสปอร์ตหน่อย)
*เราใช้ would you like ขึ้นต้นประโยคเพื่อเสนอสิ่งของหรือเชื้อเชิญอะไรบางอย่าง เช่น
Would you like some coffee? (เอากาแฟสักหน่อยมั้ย?)
shall
*เราใช้ shall ขึ้นต้นประโยคคำถามเมื่อต้องการเชิญชวนหรือเสนอความเห็นว่า “ดีมั้ย” เช่น
Shall we take a walk? (เราไปเดินเล่นกันดีมั้ย?)
should = ควร
รูปปฏิเสธคือ should not = shouldn’t
You should clean your teeth twice a day. (คุณควรแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง)
*เรามักใช้ think กับ should เช่น
I think you should take a rest. (ฉันว่าคุณควรจะไปพักผ่อนนะ)
ought to = ควรจะ
It’s a good film. You ought to go and see it. (หนังดีนะ คุณควรไปดู)
had better = ควรจะ...ดีกว่า
You had better take your umbrella today. (วันนี้คุณพกร่มไปดีกว่านะ)
can = สามารถ/ทำได้
รูปปฏิเสธคือ can not = can’t
Mike can speak Spanish. (ไมค์พูดภาษาสเปนได้)
could = สามารถ/ทำได้ (รูปอดีต)
รูปปฏิเสธ could not = couldn’t
Last night I couldn’t sleep. (เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับ)
*เราใช้ can/could ในประโยคคำถามเพื่อการขออนุญาต โดย could จะมีความสุภาพกว่า เช่น
Can I speak to Jenny, please? (ขอพูดกับเจนนี่ได้มั้ย?)
Could you open the door please? (ช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้มั้ย?)
*เราใช้ can you/could you ขึ้นต้นประโยคขอความช่วยเหลือ โดย could you จะมีความสุภาพกว่า เช่น
Can you send me the file? (ส่งไฟล์ให้ฉันหน่อยได้มั้ย?)
Could you do me a favor? (ช่วยฉันหน่อยได้มั้ยคะ?)
*could บางครั้งมีความหมายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ เช่น
Playing cards could be more fun. (เล่นไพ่น่าจะสนุกนะ)
be able to = สามารถ/ทำได้
His dog isn’t able to bark. (หมาของเขาเห่าไม่เป็น)
may = อาจจะ/น่าจะ
He may be sick. (เขาอาจจะป่วย)
*เราใช้ may ในประโยคคำถามเพื่อการขออนุญาตได้ เช่น
May I borrow your camera tomorrow? (พรุ่งนี้ขอยืมกล้องได้มั้ย?)
might = อาจจะ
It might rain. (ฝนอาจจะตก)
must = ต้อง (การบังคับ/หน้าที่ที่ต้องทำ)
You must take the medicine. (คุณต้องทานยานะ)
*must not (mustn’t) = ต้องไม่/ห้ามทำ
You must not smoke here. (ห้ามสูบบุหรี่ตรงนี้)
*เราใช้ must ในกรณีที่เป็นไปได้สูง หรือในความหมาย “แน่ๆ”
She must be rich. (เธอต้องรวยแน่ๆ)
have to = ต้อง (เรื่องที่ควรทำ/จำเป็นต้องทำ)
I have to go to the dentist tomorrow. (ฉันต้องไปหาหมอฟันวันพรุ่งนี้)
*เราใช้ V.to do ช่วย เพื่อทำให้ have to เป็นประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถาม เช่น
I don’t have to get up early. (ฉันไม่จำเป็นต้องตื่นเช้า)
*รูปอดีตของ must และ have to คือ had to
There was no bus, so we had to walk home.
(ไม่มีรถบัส พวกเราก็เลยต้องเดินกลับบ้าน)
need = จำเป็นต้อง
He needs to win this game to stay in the match.
(เขาจำเป็นต้องชนะเกมนี้เพื่อที่จะยังอยู่ในการแข่งขัน)
*need not (needn’t) = ไม่จำเป็นต้อง
You needn’t go. (คุณไม่จำเป็นต้องไปก็ได้)
used to = เคย
I used to live in California. (ฉันเคยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย)
would rather = ชอบมากกว่า
I’d rather study history than biology. (ฉันชอบเรียนประวัติศาสตร์มากกว่าชีววิทยา)