www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > ภาษาเพื่อการสื่อสาร > ม.5

ไวทยากรณ์ (Grammar) Future Tense
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2023-01-24 16:08:08

I. Future Simple Tense

S + will/shall + V.inf

Future Simple Tense ใช้ในกรณีที่เราต้องการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต

will ใช้ได้กับทุกสรรพนาม มีรูปย่อคือ    will = ’ll และ will not = won’t

 

เราใช้ will ในกรณีต่อไปนี้

          1. ตัดสินใจในขณะที่พูดว่าจะทำสิ่งนั้นในอนาคต โดยไม่ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า เช่น

A: What would you like to drink?
B: I’ll have tea, please.

ประโยคนี้เป็นการตัดสินใจทันที (ว่าจะรับเป็นน้ำชา) ไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน

I will take a taxi.                (ฉันจะไปแท็กซี่)
Will you be at home this evening?        (เย็นนี้เธอจะอยู่บ้านมั้ย?)

*เรามักพูดว่า I think … เช่น

I like this coat. I think I’ll buy it.        (ฉันชอบโค้ทตัวนี้จัง ฉันว่าจะซื้อ)
Do you think the exam will be difficult?    (เธอว่าข้อสอบจะยากมั้ย?)

 

          2. ใช้ในการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต โดยไม่ได้มีหลักฐานอย่างแน่ชัด เช่น

Next year all Thai population will be rich.  (ในปีหน้า ประชากรไทยทุกคนน่าจะรวย)

 

          3. ใช้กับเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในอนาคต เช่น

She will be 25 next year.            (ปีหน้าเธอจะอายุ 25 ปี)

 

shall ใช้ได้เฉพาะกับสรรพนาม I เท่านั้น มีความหมายเช่นเดียวกับ will เช่น

    I shall = I will
    I shall be late tomorrow.            (พรุ่งนี้ฉันจะไปสาย)
    I think we shall win.                (ฉันคิดว่าเราจะชนะ)
    I don’t think Diana will pass the exam.    (ฉันไม่คิดว่าไดอาน่าจะสอบผ่านนะ)

Shall I …? หรือ Shall we …? แปลว่า จะทำ...ดีมั้ย?

    Shall I open the window?            (ฉันเปิดหน้าต่างดีมั้ย?)
    Shall we go for a walk?            (พวกเราไปเดินเล่นกันดีมั้ย?)

 

ตัวอย่างรูปประโยค

ประโยคบอกเล่

S + will/shall + V.inf

I’ll be 16 next year.                (ฉันจะอายุครบ 16 ปีหน้า)
I’ll help you.                    (ผมจะช่วยคุณ)
I’ll phone you tomorrow, OK?        (ฉันจะโทรหาเธอพรุ่งนี้นะ โอเคมั้ย?)
I’ll be ready in five minutes.        (ฉันจะพร้อมในอีก 5 นาที)
You will never believe what happened.    (คุณจะไม่มีทางเชื่อแน่ว่าเกิดอะไรขึ้น)

 

ประโยคปฏิเสธ

S + won’t + V.inf

She won’t come to the party.        (เธอจะไม่มางานปาร์ตี้)
It won’t happen again.            (มันจะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง)

 

ประโยคคำถาม

Will + S + V.inf …?

Will you be at home tomorrow evening?    (เย็นพรุ่งนี้คุณจะอยู่ที่บ้านมั้ย?)
Will she come to the party?        (เธอจะมางานปาร์ตี้มั้ย?)

 

รูปประโยค to be going to

S + V.to be + going to + V.inf

 

เราใช้รูปประโยค to be going to ในกรณีต่อไปนี้

        1. เป็นความตั้งใจของผู้พูดที่จะทำสิ่งนั้นในอนาคต เช่น

I am going to eat a pizza tonight.        (คืนนี้ฉันจะกินพิซซ่า)
Ken is going to the dentist on Friday.    (เคนมีนัดกับหมอฟันวันศุกร์นี้)
We’re going to have a party in the park tomorrow.  (พรุ่งนี้พวกเราจะจัดปาร์ตี้ที่สวนสาธารณะ)
Are you going to take the three o’clock train?    (คุณจะขึ้นรถไฟรอบบ่าย 3 เหรอ?)
Lisa is going to sell her car.        (ลิซ่าจะขายรถของเธอ)

        2. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ ในอนาคต โดยมีหลักฐานอย่างแน่ชัด เช่น

The sky is dark and cloudy, so it is going to rain.  (ท้องฟ้ามืดครึ้มเลย, ฝนคงจะตกแน่)
Oh dear! It’s 9 o’clock and I’m not ready. I’m going to be late.  (ตายจริง! 9 โมงแล้ว ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันไปสายแน่)
He’s going to start a new business next year. (เขาจะเริ่มธุรกิจใหม่ในปีหน้า)

 

Present Continuous ในอนาคต

ใช้กับเหตุการณ์ที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและจะต้องเกิดขึ้นจริงในอนาคต เช่น

He is getting married next year.        (เขากำลังจะแต่งงานในปีหน้า)
I’m meeting Jamie at six o’clock.        (ฉันกำลังจะไปพบเจมมี่ตอน 6 โมง)
Are you going out tonight?            (คุณจะออกไปข้างนอกมั้ยคืนนี้?)
We’re having a party next weekend.    (พวกเราจะจัดงานปาร์ตี้ในอาทิตย์หน้า)
She’s starting a new job on Monday.    (เขาจะเริ่มงานใหม่ในวันจันทร์)
My birthday is coming soon.        (ใกล้จะถึงวันเกิดของฉันแล้ว)
He is leaving for Paris next week.        (เขากำลังจะเดินทางไปปารีสสัปดาห์หน้า)

 

Present Simple ในอนาคต (ตารางกำหนดการ)

ใช้กับตารางเวลาต่างๆ หรือกำหนดเวลาทำการของสำนักงานที่ค่อนข้างแน่นอน เช่น

The soccer game starts at 6 o’clock.    (การแข่งฟุตบอลจะเริ่มตอน 6 โมง)
What time does the film begin?        (ภาพยนตร์จะเริ่มฉายเมื่อไหร่?)
The plane arrives at 7 next Friday.    (เครื่องบินมาถึงวันศุกร์เวลา 7 โมง)
What time does your train leave?        (รถไฟของเธอจะออกกี่โมงเหรอ?)
The bank opens at 8.30 tomorrow morning.    (ธนาคารเปิดพรุ่งนี้เช้า 8.30)
This movie begins in an hour.        (หนังเรื่องนี้กำลังจะเริ่มในอีกหนึ่งชั่วโมง)
The next train arrives at 9.00 p.m., we have plenty of time because now it is just 6.00 p.m.  (รถไฟขบวนถัดไปมาถึง 3 ทุ่ม, พวกเรายังมีเวลาอีกเยอะเพราะว่าตอนนี้เพิ่ง 6 โมงเอง)

 

Future Simple Tense และ Present Simple Tense

ใช้กับ 2 เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประโยคที่แสดงเงื่อนไขใช้ Present Simple ประโยคที่จะเกิดขึ้นตามมาใช้ Future Simple เช่น

I’ll call you as soon as I arrive.        (ฉันจะโทรหาคุณทันทีเมื่อฉันมาถึง)
If it is fine tomorrow, we will go on a picnic.    (ถ้าพรุ่งนี้อากาศดี พวกเราจะไปปิกนิกกัน)
Wait here until I get back.            (คอยอยู่ตรงนี้จนกว่าฉันจะกลับมานะ    )
If you need a ticket, I’ll get you one.    (ถ้าคุณอยากได้ตั๋ว ฉันจะซื้อให้คุณใบนึง)
I will repair your bicycle when i finish this task.    (ฉันจะซ่อมจักรยานของนายให้หลังฉันทำงานนี้เสร็จ)

 

II. Future Continuous Tense

S + will + be + V~ing

Future Continuous Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอนาคต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น

At 10 tomorrow she will be working.    (พรุ่งนี้ 10 โมง เธอคงกำลังทำงานอยู่)
I’ll be playing golf at 4 o’clock.        (ตอน 4 โมง ฉันคงจะกำลังเล่นกอล์ฟอยู่)
Ten years from now I’ll be running a big company.    (10 ปีต่อจากนี้ ฉันคงจะกำลังบริหารบริษัทใหญ่โต)
Will you be staying for more than one night, Sir?   (คุณลูกค้าจะเข้าพักที่นี่มากกว่า 1 คืนมั้ยครับ?)
The ship will be leaving in a few minutes.    (เรือกำลังจะแล่นออกไปในอีกไม่กี่นาที)

2. ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคต 2 เหตุการณ์ เหตุการณ์ที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าใช้ Future Continuous ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดตามมาใช้ Present Simple เช่น

I’ll be sleeping when you come home.    (ฉันคงกำลังนอนหลับตอนคุณมาถึงบ้าน)
When school is over, Ann will be waiting for us in front of school.  (เมื่อโรงเรียนเลิก แอนจะรอพวกเราอยู่หน้าโรงเรียน)

3. ใช้กับ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งใช้ Future Continuous ส่วนอีกเหตุการณ์ที่เกิดควบคู่กันจะใช้ Present Continuous เช่น

I will be sleeping while my brother is watching the football match tonight. (ฉันคงจะกำลังหลับอยู่ในขณะที่พี่ชายของฉันดูบอลคืนนี้)

 

III. Future Perfect Tense

S + will + have + V3

Future Perfect Tense ใช้ในกรณีต่อไปนี้

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงอนาคตและจะจบลง (มักจะมีคำแสดงเวลาบอก) เช่น

I’ll have read this novel three times by next week. (ฉันคงจะอ่านนิยายเรื่องนี้จบ 3 รอบก่อนอาทิตย์หน้า)
I’ll have painted the wall by 3 o’clock.  (ฉันคงจะทาสีเสร็จก่อน 3 โมง)
The rain won’t have stopped until midnight.  (ฝนคงจะไม่หยุดตกจนถึงเที่ยงคืน)
We will have lived here for three years next September.  (พวกเราจะอยู่ที่นี่ครบ 3 ปีในเดือนกันยายน)
By the end of the year, I will have lost a lot of weight.  (ตอนสิ้นปี ฉันคงจะลดน้ำหนักไปได้เยอะทีเดียว)

 

2. ใช้กับ 2 เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนใช้ Future Perfect ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดตามมาใช้ Present Simple เช่น

By the time you finish your work, Martha will have finished preparing dinner.  (เมื่อคุณทำงานเสร็จ มาร์ธาคงจะเตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว)
The film will already have started by the time we arrive.  (ตอนที่พวกเราไปถึง หนังก็คงจะเริ่มฉายไปแล้ว)

 

IV. Future Perfect Continuous Tense

S + will + have + been + V~ing

 

Future Perfect Continuous Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่จะดำเนินอยู่ระยะเวลาหนึ่งในอนาคตซึ่งจะเกิดก่อน Future Simple Tense เช่น

Tom will have been studying for two hours by the time his roommate arrives.
(ทอมคงจะเรียนได้ 2 ชั่วโมงแล้วก่อนที่เพื่อนร่วมห้องของเขาจะกลับมา)

I will have been sleeping for two hours by the time Alex gets home.
(กว่าอเล็กซ์จะกลับบ้าน ฉันคงจะนอนได้ 2 ชั่วโมงแล้ว)

When Professor Jones retires next month, he will have been teaching for 35 years.
(ตอนที่ศาสตราจารย์โจนส์เกษียณเดือนหน้า เขาคงจะสอนครบ 35 ปีแล้ว)