ไวทยากรณ์ (Grammar) Pronouns
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2023-01-24 15:32:40
Pronoun (คำสรรพนาม) คือ คำที่ใช้เรียกแทนคำนาม สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้งประธาน กรรม ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ใช้แสดงการเน้นย้ำ ใช้แทนคำนามแบบเจาะจง ใช้แทนคำนามทั่วไป หรือใช้เชื่อมความก็ได้ เช่น
She gave him number. (เธอให้เบอร์โทรศัพท์แก่เขา)
It is a very good idea. (มันเป็นความคิดที่ดี)
My dress is pink, but hers is yellow. (ชุดของฉันสีชมพู, แต่ของเขาสีเหลือง)
I saw a fancy car behind them. It was theirs. (ฉันเห็นรถหรูอยู่หลังพวกเขา มันคงเป็นของพวกเขา)
Make yourself at home! (ทำตัวตามสบายนะ)
คำสรรพนามมีหลายประเภทและมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน ดังนี้
I. Personal Pronouns
Personal Pronoun หรือบุรุษสรรพนาม ใช้แทนคำนามที่กล่าวถึงมาแล้ว มีทั้งหมด 8 ตัว ดังนี้
Personal Pronoun |
ความหมาย |
I you he she it they we you |
ฉัน คุณ, เธอ เขา (ผู้ชาย) เขา (ผู้หญิง) มัน พวกเขา, พวกมัน พวกเรา พวกคุณ, พวกเธอ |
*you ในความหมายที่เป็นเอกพจน์และพหูพจน์เป็นรูปเดียวกัน
เราสามารถแบ่ง Personal Pronoun ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
บุรุษที่ 1 ผู้พูด ได้แก่ I และ we
บุรุษที่ 2 ผู้ที่ถูกพูดด้วย ได้แก่ you (คุณ) และ you (พวกคุณ)
บุรุษที่ 3 ผู้ที่ถูกพูดถึง ได้แก่ he, she, it และ they
ทั้งนี้ Personal Pronoun สามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้งประธาน (Subject) และกรรม (Object) โดยมีรูปที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้
Subject |
Object |
I you he she it they we |
me you him her it them us |
*สรรพนาม I ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดของประโยค จะต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ
ตัวอย่างสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็น Subject
I don’t eat tomatoes.
Only you can make this decision.
He’s a good doctor.
She’s got plenty of money.
It is a very good idea.
They’re going to take an X-ray.
We live on a complex planet.
ตัวอย่างสรรพนามที่ทำหน้าที่เป็น Object
You can stay here with me.
This present is not for you.
Stephen is a very nice man. I like him.
He meets Nancy. Then he gives her a book.
He lent me a pen. But I lost it.
Do you know them?
Who is that woman? Why is she looking at us?
*เรามักใช้สรรพนามที่เป็นกรรม (me, you, him, her, it, them, us) หลัง preposition (for/to/with/at/on) เช่น
Who is that woman? Why are you looking at her?
I’m going to the minimart. Do you want to come with me?
I want that sugar. Please pass it to me.
What can I do for you?
Where’s the brochure? “You’re sitting on it.”
II. Possesive Pronouns
Possessive Adjective (คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ) และ Possessive Pronoun (สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ) ทั้ง 2 นั้นมีความหมายเหมือนกัน แต่มีรูปและการใช้งานต่างกัน
Possessive Adjective นั้นมีทั้งหมด 7 รูปเท่ากับ Personal Pronoun ดังนี้
Personal Pronoun |
Possessive Adjective |
ความหมาย |
I you he she it they we |
my ~ your ~ his ~ her ~ its ~ their ~ our ~ |
~ของฉัน ~ของคุณ, ของพวกคุณ ~ของเขา (ผู้ชาย) ~ของเขา (ผู้หญิง) ~ของมัน ~ของพวกเขา ~ของพวกเรา |
หลัง Possessive Adjective ต้องตามด้วยคำนามเสมอ (นามเอกพจน์หรือพหูพจน์ก็ได้) เช่น
This is my iPhone. (นี่คือไอโฟนของฉัน)
Your hands are cold. (มือของเธอเย็นจัง)
His umbrella is big. (ร่มของเขาใหญ่)
Sarah made me cut her hair. (ซาร่าห์ให้ฉันตัดผมของเธอ)
Don’t judge a book by its cover. (อย่าตัดสินหนังสือแต่เพียงหน้าปก)
They live with their parents. (พวกเขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของพวกเขา)
Our baby is 3 months old. (ลูกของเราอายุ 3 เดือนแล้ว)
Possessive Pronoun มีทั้งหมด 6 รูป ดังนี้
Possessive Adjective |
Possessive Pronoun |
ความหมาย |
my ~ your ~ his ~ her ~ their ~ our ~ |
mine yours his hers theirs ours |
ของฉัน ของคุณ, ของพวกคุณ ของเขา (ผู้ชาย) ของเขา (ผู้หญิง) ของพวกเขา ของพวกเรา |
ในขณะที่ Possessive Pronoun นั้นไม่ต้องมีคำนามตามหลัง เช่น
This book is mine. (นี่หนังสือของฉัน)
This is my room, and yours is just across the hall. (นี่ห้องฉัน, ส่วนห้องของเธออยู่อีกฝั่ง)
Alex denies that the child is his. (อเล็กซ์ปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกของเขา)
My dress is pink, but hers is yellow. (ชุดของฉันสีชมพู, แต่ของเขาสีเหลือง)
Is that their car? No, theirs is black. (นั่นรถของพวกเขารึเปล่า? ไม่ใช่, รถของพวกเขาสีดำนะ)
This house is ours. (บ้านหลังนี้คือบ้านของพวกเรา)
*ในบางครั้งเราใช้ Possessive Pronoun ในรูปของ something of ___ เช่น
Is Helen a friend of yours?
I went out to meet a friend of mine.
Smith introduced us to some friends of his.
*Possessive Pronoun มักใช้ในการตอบคำถามที่ขึ้นต้นด้วย whose เช่น
Whose car is this? It’s mine.
Whose hat is this? It’s his.
Whose are these? There’re hers.
III. Reflexive Pronouns
Reflexive Pronoun คือ สรรพนามที่ใช้เพื่อแสดงว่าประธานเป็นผู้กระทำกริยานั้นเอง หรืออาจใช้เป็นสรรพนามที่เน้นตัวผู้กระทำกริยานั้นๆ มีทั้งหมด 8 ตัว ดังนี้
Personal Pronoun (Object) |
Reflexive Pronoun |
ความหมาย |
me you him her it them us |
myself yourself yourselves himself herself itself themselves ourselves |
ตัวฉันเอง ตัวคุณเอง, ตัวเธอเอง ตัวพวกคุณเอง, ตัวพวกเธอเอง ตัวเขาเอง (ผู้ชาย) ตัวเขาเอง (ผู้หญิง) ตัวมันเอง ตัวพวกเขาเอง, ตัวพวกมันเอง ตัวพวกเราเอง |
เราสามารถวาง Reflexive Pronoun ได้หลายตำแหน่งในประโยค เช่น
1. วางหลัง V (ทำหน้าที่เป็นกรรม เน้นความหมายว่า “ทำตัวเอง/ทำให้ตัวเอง”)
I look at myself in the mirror. (ฉันดูตัวเองในกระจก)
Make yourself at home! (ทำตัวตามสบายนะ)
I want to know about you. Tell me about yourself. (ฉันอยากรู้จักคุณ พูดเกี่ยวกับตัวคุณให้ฟังหน่อย)
Please help yourselves. (ช่วยเหลือตัวเองกันนะ)
John punished himself by not going out for a month. (จอห์นลงโทษตัวเองด้วยการไม่ออกไปเที่ยว 1 เดือน)
While Marry was cooking, she cut herself. (แมร์รี่ทำมีดบาดนิ้วตัวเองระหว่างทำอาหาร)
The cat lay on the sofa, washing itself. (แมวนอนอยู่บนโซฟาและกำลังเลียขนตัวเองอยู่)
They paid for themselves. (พวกเขาจ่ายเงินเพื่อความสุขของตัวเอง)
We prepared ourselves for the long journey ahead. (พวกเราเตรียมตัวกันเองสำหรับการเดินทางที่จะมาถึง)
2. ตามหลัง by แล้ววางไว้ท้ายประโยค (เน้นความหมายว่า “ทำด้วยตัวเอง/ทำตามลำพัง”)
I went on holiday by myself. (ฉันไปเที่ยววันหยุดคนเดียว)
Was she with friends? No, she was by herself. (เขาไปกับเพื่อนเหรอ? เปล่า, เขาไปคนเดียว)
He learn English by himself. (เขาเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง)
Many people live by themselves. (มีผู้คนมากมายอยู่อาศัยด้วยตัวคนเดียว)
We built the house by ourselves. (พวกเราสร้างบ้านด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราเอง)
*เราสามารถละ by ได้ โดยความหมายยังคงเดิม เช่น
Edward learned how to play the guitar (by) himself. (เอ็ดเวิร์ดหัดเล่นกีตาร์ด้วยตัวเอง)
My children go to school in the morning (by) themselves. (ลูกๆ ของฉันไปโรงเรียนตอนเช้าด้วยตัวเอง)
3. วางหลังประธาน (เน้นความหมายว่า “ทำเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”)
Kate herself decided to divorce her husband. (เคธเป็นคนตัดสินใจเองที่จะหย่ากับสามีของเธอ)
He himself wanted to leave the country. (ตัวเขาเองอยากจะออกไปจากประเทศ)
IV. Definite Pronouns
Definite Pronoun คือ สรรพนามที่ชี้เฉพาะเจาะจง ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งประธานและกรรม สรรพนามที่ชี้เฉพาะเจาะจงที่เราใช้กันอยู่บ่อยๆ มีทั้งหมด 4 รูป ได้แก่
this (นี่, นี้) ใช้เรียกสิ่งที่อยู่ใกล้
that (นั่น, นั้น) ใช้เรียกสิ่งที่อยู่ไกลตัวออกไป
these (พวกนี้, เหล่านี้) เป็นรูปพหูพจน์ของ this
those (พวกนั้น, เหล่านั้น) เป็นรูปพหูพจน์ของ that
this/that/these/those มีหลักการใช้ดังต่อไปนี้
this
This is a hat. (นี่คือหมวกหนึ่งใบ)
“Excuse me, is this your bag?” (ขอโทษครับ นี่กระเป๋าคุณรึเปล่า?)
this + N เอกพจน์
This hotel is very luxury. (โรงแรมนี้หรูมากๆ)
Do you like this house? (เธอชอบบ้านหลังนี้มั้ย?)
that
That is a bird. (นั่นคือนกหนึ่งตัว)
She’s looking at that. (เธอกำลังมองสิ่งนั้น)
that + N เอกพจน์
That book is mine. (หนังสือเล่มนั้นของฉัน)
Who’s that girl? (สาวคนนั้นคือใครกัน?)
*บางครั้งเราใช้ this/that ในการแนะนำบุคคลหรือใช้แทนคนเวลาพูดโทรศัพท์ เช่น
“Joseph, this is David.” (“โจเซฟ, นี่คือเดวิด”)
A: Hello, this is Frank. (A: ฮัลโหล นี่แฟรงค์พูด)
B: Is that Laura? (B: นั่นใช่ลอร่ามั้ย?)
*เราสามารถใช้ that แทนเรื่องราวหรือสถานการณ์บางอย่างที่เพิ่งพูดไปหรือเพิ่งเกิดขึ้น เช่น
I’m sorry I’m late. That’s all right. (ขอโทษที่มาสายนะ /ไม่เป็นไร)
Really? I didn’t know that. (จริงเหรอ? ฉันไม่รู้เรื่องนั้นเลย)
Yes, that’s right. (ใช่ ถูกต้อง)
these
These are not for sale. (สิ่งของเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ขาย)
You have to carry these to the garage. (คุณต้องถือของเหล่านี้ไปยังโรงรถ)
these + N พหูพจน์
These people are going to the museum. (ผู้คนเหล่านี้กำลังไปพิพิธภัณฑ์)
I have to finish these books tonight. (คืนนี้ฉันต้องอ่านหนังสือพวกนี้ให้จบ)
those
I have to pack those for moving. (ฉันต้องเก็บของเหล่านั้นเพื่อขนย้าย)
Are those your glasses? (นั่นใช่แว่นคุณมั้ย?)
those + N พหูพจน์
You need to flower those flowers. (เธอต้องรดน้ำดอกไม้พวกนั้นนะ)
Who are those people? (พวกเค้าคือใครกันนะ?)
*this/that/these/those เมื่อใช้เดี่ยวๆ จะทำหน้าที่เป็นสรรพนาม แต่เมือนำหน้าคำนาม จะทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายนามตัวนั้น (Demonstative Adjective)
Definite Pronouns นั้นนอกจาก this/that/these/those แล้วยังมี one และ ones ที่เราสามารถใช้เรียกแทนนามแบบชี้เฉพาะได้ โดยนามเหล่านั้นเป็นนามที่กำลังกล่าวถึงหรือกล่าวถึงมาแล้ว
one ใช้แทนนามเอกพจน์ มักใช้กับสิ่งของหรือสถานที่ เช่น
I need a pen. Have you got one?
(ฉันอยากได้ปากกา / เธอมีสักด้ามมั้ย?)
Do you know that girl? Which one?
(คุณรู้จักผู้หญิงคนนั้นมั้ย? / คนไหนเหรอ?)
ones มีความหมายเหมือน one แต่ใช้แทนนามพหูพจน์ เช่น
These glasses are dirty. Can we have some clean ones?
(แก้วพวกนี้สกปรก / ขอแก้วใหม่ให้พวกเราได้มั้ย?)
I broke my glasses. I need new ones.
(ฉันทำแว่นตาแตก / ฉันเลยอยากได้อันใหม่)
V. Indefinite Pronouns
Indefinite Pronoun หรือสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง ได้แก่สรรพนามที่ขึ้นต้นด้วย some~, every~, any~, no~ และต่อท้ายด้วย ~body, ~one, ~thing, ~where เป็นต้น โดยกลุ่มคำเหล่านี้มีความหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้
some~ + V เอกพจน์ (มักใช้ในประโยคบอกเล่า)
somebody, someone = ใครบางคน
There’s somebody waiting to see you. (มีใครบางคนกำลังรอเจอคุณอยู่)
Somebody has eaten my bread. (ใครบางคนกินขนมปังของฉัน)
There is someone in the garden. (มีใครบางคนอยู่ในสวน)
Someone is knocking the door. (ใครบางคนกำลังเคาะประตูอยู่)
something = บางสิ่งบางอย่าง
There is something wrong. (มีอะไรบางอย่างผิดปกติ)
She said something. (เธอพูดอะไรบางอย่าง)
Would you like something to eat? (คุณอยากทานอะไรบ้างมั้ย?)
somewhere = ที่ไหนสักแห่ง
Ron lives somewhere near London. (รอนอาศัยที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ ลอนดอน)
Somewhere over the rainbow. (ที่ไหนสักแห่งเหนือสายรุ้ง)
My wallet must be around here somewhere. (กระเป๋าสตางค์ฉันต้องอยู่แถวๆ นี้แน่ๆ)
every~ + V เอกพจน์ (มักใช้ในประโยคบอกเล่า)
everybody, everyone = ทุกคน
Everybody is waiting for you. (ทุกคนกำลังรอคุณอยู่)
I like the people here. Everybody is very friendly. (ฉันชอบผู้คนที่นี่ ทุกคนเป็นมิตรมากๆ)
Everyone was asleep. (ทุกคนหลับหมดแล้ว)
everything = ทุกสิ่ง, ทุกอย่าง
Have you got everything you need? (คุณได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วรึยัง?)
I decided to tell her everything. (ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเธอทุกอย่าง)
He knows everything about computers. (เขารู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์)
everywhere = ทุกที่
I’ve lost my watch. I’ve looked everywhere for it. (ฉันทำนาฬิกาข้อมือหาย ฉันหามันทุกที่แล้ว)
He’s travelled everywhere in Europe. (เขาได้ไปเที่ยวทุกที่ทั่วยุโรปเลย)
Everywhere we went was full of tourists. (ทุกๆ ที่ที่เราไปมานักท่องเที่ยวเยอะมาก)
any~ + V เอกพจน์ (ใช้ในประโยคปฏิเสธและประโยคคำถาม)
anybody, anyone = บางคน
There isn’t anyone in the room. (ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย)
This is a secret. Please don’t tell anyone. (นี่เป็นความลับ โปรดอย่าบอกใคร)
I didn’t see anybody. (ฉันไม่เห็นใครเลย)
Don’t tell anybody. (อย่าบอกใครก็ตาม)
anything = บางสิ่งบางอย่าง
I didn’t buy anything. (ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาเลย)
Do you know anything about this town? (พอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้บ้างมั้ย?)
I can’t remember anything. (ฉันจำอะไรไม่ได้เลย)
anywhere = บางที่
I’m staying here. I’m not going anywhere. (ฉันจะอยู่ที่นี่ จะไม่ไปไหน)
Do you need anywhere to stay for the night? (คุณจะหาที่พักสักที่สำหรับคืนนี้มั้ย?)
Have you been anywhere else in Spain? (เธอเคยไปที่ไหนบ้างมั้ยในสเปน?)
no~ + V เอกพจน์ (ใช้ในประโยคบอกเล่า)
nobody, no one = ไม่มีใครเลย
I’m lonely. I’ve got nobody to talk to. (ฉันเหงา ฉันไม่มีเพื่อนคุยด้วยเลย)
Nobody knows. (ไม่มีใครรู้)
No-one could remember her name. (ไม่มีใครจำชื่อเธอได้เลย)
No one lives there. (ที่นี่ไม่มีใครอาศัยอยู่เลย)
nothing = ไม่มีอะไรเลย
There is nothing in the bag. (ในกระเป๋าไม่มีอะไรเลย)
She said nothing. (เธอไม่ได้พูดอะไร)
Nothing happened. (ไม่มีอะไรเกิดขึ้น)
nowhere = ไม่มีที่ไหน
I don’t like this town. There is nowhere to go. (ฉันไม่ชอบเมืองนี้ มันไม่มีที่ไหนให้ไปเลย)
I have no job and nowhere to live. (ผมไม่มีงานและก็ไม่มีที่อยู่ด้วย)
This animal is found in Australia, and nowhere else. (สัตว์ชนิดนี้พบในออสเตรเลีย ไม่พบในที่อื่นใด)
*nobody/no one/nothing = not + anybody/anyone/anything
There’s no body in the office. = There isn’t anybody in the office.
There was no one at home. = There wasn’t anyone at home.
We’ve got nothing for dinner. = We haven’t got anything for dinner.
*ตัวอย่างการใช้ some~/every~/any~/no~ + Adjective
We always go to the same place. Let’s go somewhere different.
It’s nothing important.
Is there anything interesting?
*ตัวอย่างการใช้ some~/every~/any~/no~ + to …
I’m hungry. I want something to eat.
He hasn’t got anybody to talk to.
There isn’t anywhere to sit.
*ตัวอย่างการใส่ else ต่อท้ายเพื่อหมายถึง คนอื่นๆ สิ่งอื่นๆ เช่น
Do you want anything else?
Then there is someone else in this house? งั้นแสดงว่ามีคนอื่นในบ้านหลังนี้อีก?
Go and play somewhere else. I’m trying to work.
นอกจากกลุ่มคำที่ขึ้นต้นด้วย some~, every~, any~, no~ และต่อท้ายด้วย ~body, ~one, ~thing, ~where เหล่านี้แล้วนั้น Indefinite Pronouns ยังประกอบไปด้วยคำอื่นๆ อีกมากมาย เช่น some, any, none, all, few, many, one, another, others, each, either, neither, both several เป็นต้น
VI. Distributive Pronouns
Distributive Pronoun คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนาม โดยใช้แบ่งแยกคำนามจำนวนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกเป็นส่วน ได้แก่ each, either และ neither ดังนี้
each = แต่ละ
Each of the students pays attention. (นักเรียนแต่ละคนต่างก็ตั้งใจ)
Each of them goes to school by car. (พวกเขาต่างก็ไปโรงเรียนด้วยรถยนต์)
Many students study very hard. Each wants to pass into the great university. (นักเรียนมากมายเรียนหนัก แต่ละคนนั้นต่างก็ต้องการจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ)
either = ทั้งสอง
neither = ไม่ทั้งสอง
Would you like tea or coffee? You can have either. (คุณจะดื่มชาหรือกาแฟ? คุณเลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง)
A: Either. I don’t mind. (A: อะไรก็ได้, ได้หมด)
B: I don’t want either. (B: ไม่เอาทั้งคู่)
C: Neither. (C: ไม่เอาทั้งคู่)
I haven’t read either of these books. (ฉันยังไม่ได้อ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้เลย)
Bob and I didn’t eat anything. Neither of us was hungry.(บ๊อบและฉันไม่ได้กินอะไร, เราทั้งคู่ยังไม่หิว)
VII. Interrogative Pronouns
Interrogative Pronoun (สรรพนามใช้ถาม) คือ สรรพนามที่ใช้แทนนามสำหรับคำถาม สรรพนามใช้ถามจะอยู่ในรูปของประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย who, whom, whose, what, which สรรพนามเหล่านี้ไม่ต้องมีนามตามหลัง เช่น
Who wants to take part in the swimming match?
(ใครอยากเข้าร่วมการแข่งขันว่ายน้ำ?)
What was your previous job?
(ก่อนหน้านี้คุณทำงานอะไร?)
ตัวอย่างการใช้ Interrogative Pronouns
Who is your date to the prom? นายจะควงใครไปงานเลี้ยงรุ่นเหรอ?
Whom are you going to see? (เธอจะออกไปเจอใครเหรอ?)
Whose car is this? (รถคันนี้เป็นของใคร?)
What can I do for you? (มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ย?)
Which do you prefer, comic books or novels? (ชอบอะไรมากกว่า หนังสือการ์ตูนหรือหนังสือนิยาย?)
VIII. Relative Pronouns
Relative Pronoun (สรรพนามเชื่อมความ) คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนาม และในขณะเดียวกันก็เชื่อมประโยคด้วย ตัวอย่างเช่น
This is the man who won the game. (นี่คือชายผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้)
คำว่า who ในประโยคนี้ทำหน้าที่ 2 อย่าง คือ
1. ทำหน้าที่เป็น Pronoun แทนคำว่า the man
2. ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม คือ เชื่อม 2 ประโยคเข้าด้วยกัน คือ
This is the man. The man won the game. = This is the man who won the game.
จากตัวอย่าง the man = คำนามหลัก who won the game = relative clause โดยมี who เป็น relative pronoun ทำหน้าที่เชื่อมประโยค 2 ประโยคให้กลายเป็น 1 ประโยค ซึ่ง relative pronoun นั้นมีทั้งหมด 9 ตัว ดังนี้
who = คนที่
That’s the woman who lives next door. (นั่นคือผู้หญิงคนที่อยู่ห้องข้างๆ)
Do you know anybody who can play piano? (คุณรู้จักคนที่เล่นเปียโนเป็นมั้ย?)
whom = คนที่ (กรรม)
This is the girl whom he talks about. (นี่คือผู้หญิงคนที่เขาพูดถึง)
Sara, whom I met at the party, has black hair.(ซาร่าคนที่ฉันเจอที่ปาร์ตี้น่ะ ผมสีดำ)
whose = ของคนที่
The girl whose father is a doctor is my student. (เด็กผู้หญิงคนที่พ่อเป็นหมอน่ะ เพื่อนฉันเอง)
Mr. Jones has a painting whose value is inestimable. (คุณโจนส์มีภาพเขียนที่ซึ่งประเมินราคาไม่ได้)
where = ที่ซึ่ง
This is the house where Jack lives. (นี่คือบ้านที่แจ็คอยู่)
Do you like the village where you live? (คุณชอบหมู่บ้านที่คุณอาศัยมั้ย?)
when = ตอนที่
I’ll never forget the day when I met you. (ฉันจะไม่มีวันลืมวันที่เราพบกัน)
July is the month when the weather is the hottest. (กรกฏาคมคือเดือนที่อากาศร้อนที่สุด)
why = ทำไม
I know the reason why you are a vegetarian. (ผมรู้เหตุผลที่เขาเป็นมังสวิรัติ)
Tell me why you did it. (บอกฉันมาทำไมเธอทำแบบนั้น)
what = สิ่งที่
What you say is not true. (เรื่องที่คุณเล่าไม่เป็นความจริง)
She gave him what she had. (เธอให้เขาในสิ่งที่เธอมี)
which = อันที่
Correct the sentences which are wrong. (จงแก้ประโยคที่ผิดให้ถูกต้อง)
The fruit which you gave me was delicious. (ผลไม้ที่คุณให้มาอร่อยดีนะ)
that = ที่/ซึ่ง/อัน
สามารถใช้แทน Relative Pronouns ได้ทุกตัว ยกเว้น whose
He lives in a house that is 200 years old. (เขาอยู่อาศัยในบ้านที่เก่าแก่กว่า 200 ปี)
This is the girl that comes from Mexico. (นั่นคือผู้หญิงที่มาจากเม็กซิโก)
*ใช้เครื่องหมาย , (comma) กับ relative clause ที่สามารถละได้แล้วยังสามารถเข้าใจประโยคนั้นอยู่ มักใช้กับชื่อเฉพาะ เช่น
Prefessor Wilson, who teachs Physics 101, is an excellent lecturer.
Hawaii, which consists of eight principal islands, is a favorite vacation spot.