www.trueplookpanya.com
คลังความรู้
แนะแนว
ข่าวรับตรง
ธรรมะ




คลังความรู้ > ภาษาเพื่อการสื่อสาร > ม.4

ภาษาอังกฤษ ม. 4 Present Perfect Tense vs Past Simple Tense
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2020-07-15 13:57:07

ภาษาอังกฤษ ม. 4 Present Perfect Tense vs Past Simple Tense

Present Perfect Tense กับ Past Simple Tense ใช้พูดถึงเรื่องราวในอดีต หรือเรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่มีหลักการใช้ที่แตกต่างกัน


ทบทวน Present Perfect Tense

โครงสร้าง : S + have/has + past participle (V.3)

I, You, We, They และประธานพหูพจน์ ใช้ have

He, She, It และประธานเอกพจน์ใช้ has


การใช้ Present Perfect Tense

1. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น

   Pim has lived in London since 2010.
   (พิมอาศัยอยู่ที่ลอนดอนตั้งแต่ปี 2010)

   I have studied English for a long time.
   (ฉันเรียนภาษาอังกฤษมานานแล้ว)

ข้อสังเกต : ในประโยคจะมีคำหรือกลุ่มคำบอกเวลา คือ

     since = ตั้งแต่ (จุดเริ่มต้นของเวลา เช่น since 7 o’clock, since last week, since 2010)
     for = เป็นเวลา (จำนวนของเวลาที่นับจากเริ่มต้น เช่น for two weeks, for five hours, for ten years)
     ever since = ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (จนถึงเดี๋ยวนี้)
     so far = เรื่อยมาจนปัจจุบันนี้
     up to now = จนบัดนี้
     up to the present time = จนกระทั่งเวลานี้, จนถึงบัดนี้

2. เพื่อบอกการกระทำที่เคยทำบ่อย ๆ ในอดีตและอาจเกิดขึ้นอีก หรือเหตุการณ์ที่ไม่เคยทำ เช่น

    He has seen that film three times.
    (เขาดูหนังเรื่องนั้นมาสามรอบแล้ว)

    A: Have you ever been abroad?
        (คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า)
    B: Yes, I’ve been to Japan many times.
        (เคย ฉันเคยไปญี่ปุ่นตั้งหลายครั้ง)
    C: No, never. I’ve never been abroad.
        (ไม่เคย ฉันไม่เคยไปเมืองนอกเลย)

ข้อสังเกต : คำบอกเวลาในประโยค เช่น ever (เคย), never (ไม่เคย)

3. เพื่อบอกการกระทำที่เพิ่งจบลงใหม่ ๆ หรือเพิ่งเสร็จก่อนที่จะพูดไม่นานนัก เช่น

    I have just eaten.
    (ฉันเพิ่งกินเสร็จ)

    My brother has just returned from Italy.
    (พี่ชายของฉันเพิ่งกลับมาจากอิตาลี)

    We have just seen them.
    (พวกเราเพิ่งเห็นพวกเขา)

รูปปฏิเสธของ Present Perfect Tense : เติม not หลัง have/has เป็น haven’t /hasn’t เช่น

 We haven’t seen him today.
(พวกเราไม่เห็นเขาเลยวันนี้)

รูปประโยคคำถามของ  Present Perfect Tense : นำ have/has มาขึ้นต้นประโยค เช่น

Have you ever been abroad?
(คุณเคยไปต่างประเทศไหม)

หรือประโยคคำถามปฏิเสธ เช่น Hasn’t he eaten meat? หรือ Has he not eaten meat? (เขาไม่กินเนื้อสัตว์เหรอ)


ทบทวน Past Simple Tense

โครงสร้าง : S + V.2


การใช้ Past Simple Tense

1. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต เช่น

    We went to Chiang Mai last week.
    (ฉันไปเชียงใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว)

    Tom arrived at 2.30 p.m. yesterday.
    (ทอมมาถึงตอนบ่ายสองครึ่งเมื่อวานนี้)

    Did you have dinner last night?
    (เมื่อคืนคุณได้ทานดินเนอร์หรือเปล่า)

ข้อสังเกต : คำบอกเวลาแสดงอดีต เช่น yesterday, last week, last month, last year, ago, in 2011 เป็นต้น

2. เพื่อบอกการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต แต่ปัจจุบันเลิกทำแล้ว เช่น

    He got up early when he was a boy.
    (เขาตื่นแต่เช้าเมื่อเขาเป็นเด็ก /ปัจจุบันไม่ตื่นเช้าแล้ว)

    She worked in a bank for many years.
    (เธอทำงานที่ธนาคารมาหลายปี / ปัจจุบันไม่ได้ทำแล้ว)

รูปปฏิเสธของ Past Simple Tense : ใช้กริยาช่วย Did not (didn’t) + V.1 เช่น

I didn’t like tomatoes before.
(ฉันไม่ชอบมะเขือเทศมาก่อน)

รูปประโยคคำถามของ Past Simple Tense : ใช้ Did + V.1 เช่น

Did you go to the movies last night?
(เมื่อคืนคุณไปดูหนังมาหรือเปล่า)


ความแตกต่างระหว่าง Present Perfect กับ Past Simple

Present Perfect

Past Simple


          - S + have/has + V.3

  I, You, We, They และประธานพหูพจน์ ใช้ have

  He, She, It และประธานเอกพจน์ใช้ has


            - S + V.2

  ใช้ V.2 กับประธานทุกตัว
 


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตและดำเนินต่อมาถึงปัจจุบัน เช่น

   I have lived in Bangkok for ten years.

  (ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว : ปัจจุบันก็ยังอยู่)


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจบไปแล้ว เช่น

  I lived in Bangkok for ten years.

  (ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นเวลา 10 ปี : ปัจจุบันไม่ได้อยู่แล้ว)


- เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตใครบางคน (ถ้าคนนั้นยังมีชีวิตก็คือ ประสบการณ์ชีวิต) เช่น

  Nid has never travelled by plane.

  (นิดไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบิน / นิดยังมีชีวิตอยู่)
 


- เป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตใครบางคน (ถ้าคนนั้นคือคนที่ตายไปแล้ว) เช่น

  Nid travelled a lot by plane.

  (นิดเคยเดินทางด้วยเครื่องบินหลายครั้ง / นิดตายไปแล้ว)


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ระบุเวลาในอดีต และมีผลกระทบต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น

  I have lost my wallet.

  (ฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย / ซึ่งหาไม่เจอเป็นผลให้ตอนนี้ไม่มีเงิน)
 


- เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบไป โดยไม่มีผลถึงปัจจุบัน เช่น

  I lost my wallet yesterday.

  (เมื่อวานฉันทำกระเป๋าสตางค์หาย / ซึ่งแจ้งอายัดบัตร ATM, บัตรเครดิต และซื้อกระเป๋าสตางค์ใหม่เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวาน ไม่มีผลกระทบต่อเนื่องถึงปัจจุบัน)


- ใช้กับคำที่ไม่ได้ระบุเวลาชัดเจน เช่น today, this week, this year เป็นต้น) โดยที่ช่วงเวลาก็ยังดำเนินต่อไป เช่น

  I have worked hard this week.

  (สัปดาห์นี้ฉันทำงานหนัก / สัปดาห์นี้ยังไม่จบ ก็ยังคงทำงานหนักต่อไป)


- ใช้กับคำบอกเวลาที่ระบุว่าจบไปแล้ว เช่น yesterday, last week, last month, last year, in 2015 เป็นต้น เช่น

  I worked hard last week.

  (สัปดาห์ที่แล้วฉันทำงานหนัก / สัปดาห์ที่แล้วจบไปแล้ว)

ข้อควรจำ :
คำบอกเวลาที่มี in the กับไม่มี in the มีความหมายแตกต่างกัน เช่น last week – in the last week, last month – in the last month, last year – in the last year ดังนี้

last week หมายถึง สัปดาห์ที่แล้วก่อนตอนนี้ ซึ่งเป็นการระบุเวลา จึงต้องเป็น Past Simple Tense

in the last week หมายถึง ตั้งแต่ 7 วันก่อนจนถึงขณะนี้ ซึ่งไม่ได้ระบุเวลา จึงต้องเป็น Present Perfect Tense