9 ทักษะที่ควรมีก่อนเรียนจบ
ทีมงานทรูปลูกปัญญา | 2015-01-20 17:36:33
การเตรียมความพร้อมก่อนก้าวสู่โลกของการทำงาน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เฟิร์สจ็อบเบอร์ต้องเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัว การบริหารเวลา และการพัฒนาทักษะที่เอื้อต่อการทำงานรวมถึงการใช้ชีวิต ซึ่งขอบอกเลยว่าอย่าชะล่าใจเป็นอันขาด เพราะจากสถิติทั่วโลกพบว่านักศึกษาจบใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกที ในขณะที่ตำแหน่งงานมีปริมาณไม่ต่างจากเดิมนัก ใครเก่งกว่าพร้อมกว่าจึงย่อมได้เปรียบในสนามการแข่งขันนี้ บทความนี้จึงขอนำเสนอทักษะสำคัญ 9 ประการ ที่ The Guardian เว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของอังกฤษแนะนำว่าหนุ่มสาวทั้งหลายควรศึกษาและฝึกฝนไว้ล่วงหน้าก่อนเรียนจบ
1. มีความรู้ทางธุรกิจ
ไม่ว่าคุณจะทำงานสายวิทย์ สายศิลป์ หรือเป็นศิลปินติสต์แตกขนาดไหนก็ตาม ความรู้ทางธุรกิจก็เป็นทักษะที่ไม่ควรมองข้าม จากการสำรวจของ The Guardian ในปี 2013 ที่ผ่านมาพบสถิติที่น่าสนใจว่า มีนักศึกษาราว 10% เท่านั้นที่มองว่าความรู้ทางธุรกิจเป็นสิ่งจำเป็นที่ตนต้องศึกษาก่อนเรียนจบ ในขณะที่นายจ้างกว่า 50% มีความเห็นว่านี่คือทักษะที่สำคัญมาก และเป็นเกณฑ์หนึ่งที่พวกเขาใช้ในการพิจารณารับเด็กจบใหม่เข้าทำงาน คุณอาจไม่จำเป็นต้องโดดเด่นถึงขั้นเป็นมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กคนถัดไป แต่อย่างน้อยก็ควรจะติดตามอัพเดทข่าวสารเศรษฐกิจเป็นระยะๆ บ้าง รวมถึงรู้จักบริหารการเงินส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ
2. มีกรอบความคิดที่เป็นสากล
กรอบความคิดที่เป็นสากล หรือ Global mindset เป็นทักษะที่สำคัญมากต่อการทำงานในยุคโลกาภิวัฒน์ ทุกวันนี้หลายองค์กรเริ่มมองหาช่องทางการขยายตลาดไปสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายหน่วยงานต้องการบุคลากรที่สามารถเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งก็ต้องเป็นคนที่พร้อมเปิดรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม ปรับตัวได้ดี และเข้าใจผู้คนต่างชาติต่างภาษา
3. มีทักษะด้านภาษา
เป็นที่รู้กันดีว่าทุกวันนี้ภาษาอังกฤษกำลังจะไม่ใช่ความสามารถพิเศษอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ทุกคนควรจะชำนาญในระดับที่สื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ก็ยังควรเรียนรู้ภาษาที่สามเพิ่มเติม ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่คุณอยากทำว่าจำเป็นต้องใช้ภาษาอะไรเพิ่มเติม เช่น ถ้าคิดว่าในอนาคตอาจต้องทำงานร่วมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ก็ควรแบ่งเวลาว่างจากการเรียนไปเรียนภาษาเพิ่มไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ หรือถ้ายังไม่มีไอเดียว่าจะเรียนภาษาอะไรดี ก็ลองดู ส่องเทรนด์โลก 10 ภาษาที่ควรเรียนนอกจากภาษาอังกฤษ
4. จัดการโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่างมีประสิทธิภาพ
รู้หรือไม่ว่านายจ้างจำนวนมากมักแอบส่อง Facebook ของลูกน้อง และมีหลายคนที่ไม่ได้งานเพราะ Facebook มาแล้ว ขอเตือนว่าไม่ควรบ่นเรื่องงานลง Facebook สุ่มสี่สุ่มห้า หรือปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองมากจนเกินงาม และควรหัดใช้ LinkedIn เว็บเครือข่ายสังคมที่เน้นเครือข่ายด้านธุรกิจและการงานโดยเฉพาะให้เป็นประโยชน์ หรือลองหัดเขียน Blog สาระดีๆ เกี่ยวกับเรื่องงานของตัวเองบ้าง
5. รู้จักกาลเทศะ
มหาวิทยาลัยหลายแห่งมีนโยบายส่งนักศึกษาไปฝึกงานในหน่วยงานต่างๆ ก่อนจบการศึกษา ก็เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้อย่างใกล้ชิด และสัมผัสสภาพแวดล้อมของการทำงานจริง ระหว่างที่ฝึกงานคุณควรหัดสังเกตว่าการแต่งกายที่ถูกต้องเหมาะสม วิธีการคุยโทรศัพท์กับลูกค้า ภาษาที่ใช้ในการรับส่งอีเมลเรื่องงาน และมารยาทอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับพนักงานออฟฟิศมีอะไรบ้าง ไปทำงานวันแรกก็อย่าเพิ่งควักขนมถุงใหญ่ขึ้นมาแผ่หราหน้าคอม ลองมองซ้ายมองขวาสำรวจดูก่อนว่ากฎระเบียบของออฟฟิศมีอะไรบ้าง
6. ใช้อุปกรณ์สำนักงานให้คล่อง
คอมพิวเตอร์ แฟ็กซ์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องปริ้นส์ และอุปกรณ์ต่างๆ ส่วนใหญ่มักจะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยากอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่เคยใช้มาก่อนเลยก็อาจจะงงๆ อยู่บ้างในช่วงแรก ซึ่งคุณควรเรียนรู้การใช้อุปกรณ์เหล่านี้ให้เร็วที่สุด ลองขอให้รุ่นพี่ใจดีๆ สักคนในออฟฟิศสอนสักหน่อย เผื่อวันไหนถูกเจ้านายใช้งานกระทันหันขึ้นมาจะได้ทำเป็น
7. สามารถทำงานเป็นทีมได้
การทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นคุณสมบัติหนึ่งที่นายจ้างมองหาจากเด็กจบใหม่ โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ที่เด็กรุ่นใหม่ขึ้นชื่อว่ามีความเป็นตัวของตัวเองสูง ในการสัมภาษณ์งานคุณจะต้องทำให้ผู้สัมภาษณ์มั่นใจว่า คุณจะสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้โดยไม่เกิดปัญหา ซึ่งนายจ้างก็มักจะพิจารณาจากกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นต่างๆ ที่คุณเคยทำมาสมัยเรียน เช่น การร่วมทีมกีฬา การเป็นคณะกรรมการนักศึกษา หรือการทำค่ายอาสา เป็นต้น
8. มีทักษะการพูด
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนขี้อาย ปากหนัก ปากแข็ง ขนาดไหน แต่เมื่อก้าวเข้าสู่โลกการทำงาน การติดต่อสื่อสารและพูดคุยกับผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะในช่วงแรกของการทำงาน คุณจะต้องพบเจอผู้คนใหม่ๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งเพื่อนร่วมงานและลูกค้า ซึ่งบุคลิกภาพภายนอกกับการพูดจา ก็เป็นส่วนหนึ่งที่พวกจะใช้ในการประเมินคุณเมื่อแรกพบ
9. มองโลกในแง่บวก
ทักษะในการทำงานเป็นสิ่งที่สามารถให้ผู้อื่นสอนได้ แต่การพัฒนาทัศนคติและความคิดเป็นสิ่งที่ต้องเริ่มจากข้างในของตัวเอง คนที่มองโลกในแง่บวก ทำงานอย่างตั้งใจแต่ไม่เครียด เป็นคนที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ ใครๆ ก็อยากทำงานด้วย และมีแนวโน้มที่จะมีความสุขในการทำงานมากกว่าคนที่เอาแต่เครียดทั้งวัน
นอกจากทักษะทั้ง 9 ข้อเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีทักษะอื่นๆ ที่ช่วยให้การทำงานคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เช่น การขับรถ เพราะบางตำแหน่งงานที่ต้องเดินทาง หรือติดต่อประสานงานกับลูกค้าบ่อยๆ หากขับรถไม่เป็นก็ลำบากอยู่เหมือนกัน หรือทักษะทั่วไปอย่างเช่น การชงกาแฟ ชงเครื่องดื่มได้อร่อย ก็ช่วยบิ้วให้บรรยากาศในการทำงานดีขึ้นได้เยอะทีเดียว
เกี่ยวกับผู้เขียน
SUTASINEE LERTWATCHA